วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2567

พ่อพระแม่พระ

 

พ่อพระแม่พระ

>>> เราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะรักษาสถาบันครอบครัวไว้ จงภาคภูมิใจในสิ่งนี้ <<<

การเปลี่ยนแปลงในทุกองคาพยพกำลังเข้ากัดเซาะเข้าไปในทุกอณูของสังคม วิถีการดำเนินชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัว สังคมผันแปรไปตามกระแส ความเป็นอยู่ กรอบ กฎ กติกา ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากเดิมโดยมิทันตั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ความเป็นครอบครัวคาทอลิก ใช่หรือไม่ แม้ว่าเรายังมีพิธีกรรมให้ยึดเกาะ เพื่อให้เราปฏิบัติ แต่...ในบางครั้งบางเวลา เราก็ทำกันไปตามความเคยชิน มาวัดก็มาโดยมิได้มีอะไรไปขัดเกลาจิตวิญญาณ เราละเลยการร่วมกันสวดภาวนา ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างดำเนินชีวิตกันไป ไม่มีการสั่งสอน อบรมบอกเล่าความเชื่อ (เพราะเด็กไม่ฟัง) จนทำให้ความงามของคาทอลิกห่างหายไป

พระสันตะปาปา เคยตรัสไว้ว่า “บ่อยครั้ง ครอบครัวต้องพบกับความยากลำบากในการหาเวลามาสวดภาวนาพร้อมกัน แต่พ่อยังอยากขอร้องพ่อแม่ให้รู้จักสอนลูก ๆ ให้สวดภาวนา สอนพวกเขาให้ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน มันแย่นะที่พ่อต้องเห็นเด็ก ๆ ที่เป็นคาทอลิก แต่ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนไม่เป็น! ฉะนั้น หน้าที่ของพ่อแม่อย่างพวกท่านคือสอนลูกให้ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนให้ได้”

วันนี้สังคมไทยมีครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น การหย่าล้าง การเลิกลา กลายเป็นสิ่งปกติ การแต่งงาน จนกระทั่งการมีลูกดูจะเป็นเพียงแฟชั่นเอาไว้โอ้อวดกันในโลกโซเชี่ยล แท้จริงแล้ว การเกิดมาของเด็กคนหนึ่งนั้น เป็นเสมือนการที่พระมาบังเกิดอยู่ท่ามกลางพวกเรา และเพื่อให้เด็กน้อยนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ศาสนาคริสต์คาทอลิกของเราก็มีพิธีกรรมล้างบาป (บาปกำเนิด) เพื่อให้เป็นลูกพระเจ้าอย่างแท้จริง ในพิธีกรรมล้างบาปยังมีสิ่งหนึ่ง ที่เราควรจะร่วมมือกันรักษาไว้นั่นคือ เรื่องของพ่อทูนหัว แม่ทูนหัวในศีลล้างบาป พ่อทูนหัว ( God father พ่อพระ )  แม่ทูนหัว (Godmother แม่พระ) และลูกทูนหัว ( Godchild ลูกพระ )

พ่อทูนหัวหรือแม่ทูนหัว คือ ผู้ที่เป็นพยานในการรับศีลล้างบาปของเด็ก และเต็มใจที่จะช่วยเหลือในการสอนคำสอน คอยอบรม ดูแล ลูกทูนหัวทางจิตวิญญาณตลอดจนการดำเนินชีวิตของลูกทูนหัวให้เติบโตสู่โลกกว้าง ใช้ชีวิตตามที่สังคมต้องการ การเลือกพ่อ แม่ ทูนหัวให้กับลูก ๆ ของคนที่เป็นพ่อกับแม่ จะเลือกจากเพื่อนสนิท หรือ เป็นบุคคลที่ครอบครัวไว้ใจ เป็นบุคคลที่ประพฤติดีที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูกของเขาได้ ไม่เพียงด้านศาสนา แต่ในทุกมิติของสังคมด้วย แต่หลายครั้งเราก็เลือกเพียงเพื่อให้มีคนมาเป็นให้เท่านั้น...

บางทีเราอาจจะหลงลืมหน้าที่การเป็น พ่อพระ แม่พระ เพราะคิดเพียงรูปแบบภายนอกของพิธีกรรม มาล้างบาปจบแล้วก็จบเลย มิได้คอยช่วยดูแลลูกพระร่วมกับพ่อแม่จริงของเด็กคนนั้น ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เราก็ละเลยพระด้วยเช่นกัน ถามว่ายุคสมัยเปลี่ยน วิถีของผู้คนก็เปลี่ยน เราจะทำแบบเดิมกันอยู่ไปทำไม??? ให้กลายเป็นสิ่งโบราณเต่าล้านปีขวางโลกอยู่ได้ หาใช่เช่นนั้นไม่ วิธีการเปลี่ยนได้ แต่เนื้อหายังต้องคงอยู่ เราเชื่อในพระได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง เราไว้ใจในพระเจ้าได้ แม้เราจะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย แล้วเราก็ยึดมั่นในความเป็นพ่อพระ แม่พระได้ ท่ามกลางกระแสสังคมยุคใหม่ ดูแลใส่ใจกันได้ โดยไม่ต้องมานั่งสั่งสอนกันตัวต่อตัว พูดคุยเรื่องความดีงามได้มิใช่สั่งสอนตามตัวหนังสือ เป็นที่ปรึกษาได้โดยไม่ต้องชี้นิ้วนำทาง ปรับเปลี่ยนการเป็นพ่อแม่ทูนหัวไปตามยุคสมัย เราจะเป็นพ่อพระแม่พระตลอดไป หาใช่เพียงหนึ่งวันในวันที่มาทำพิธีกรรมล้างบาปเท่านั้น แต่คงเป็นอยู่ตลอดไปตามพระประสงค์ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า....

ไม่มีความคิดเห็น: