อยู่กับจุดที่เรายืน
>>> จุดที่เรายืนอยู่อาจจะไม่เห็นอีกด้านหนึ่ง
เผื่อใจในมุมมองอื่นไว้บ้าง <<<
บ้างก็ว่าเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันจึงเป็นที่มาของความขัดแย้ง แต่อีกมุมหนึ่งมันนำมาซึ่งการพัฒนา
บ้างก็ว่าหากทุกคนคิดเห็นเหมือนกันหมด โลกนี้คงเต็มไปด้วนสันติสุข อีกด้านก็มองว่าโลกคงไร้สีสัน
โลกนี้เต็มไปด้วย “คน” ที่ปะปนกัน คละเคล้ากันไปมา ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง สร้างสรรค์จรรโลงโลกให้งดงาม
ความแตกต่างบางทีก็แค่เรายืนกันคนละที่ มองกันคนละมุม มีฐานะคนละแบบ พอดีไปพบภาพ ๆ
หนึ่ง เห็นแล้วต้องหยุดคิดพิจารณา ความเป็น “คน” ของเรา
ที่เคยยึดติดกับความคิดตัวเอง ที่เคยไม่ยอมใคร เพราะคิดว่าเราถูก เราเก่ง เราเจ๋ง
สุดท้ายก็เจ้ง ความคิดพลันสลาย ยิ่งเมื่ออ่านข้อความประกอบภาพนี้ยิ่งตระหนักถึงความแตกต่างและมุมมองที่เราควรจะมีต่อทุกสรรพสิ่งให้มากขึ้น
หาใช่ในมุมมองของเราหรือมองในจุดที่เรายืนอยู่เท่านั้น
หนูขโมยข้าวของคน
คนว่ามันเจ้าเล่ห์!! มนุษย์ขโมยน้ำผึ้งของผึ้ง กลับบอกว่ามนุษย์ขยัน !! งูไม่รู้ว่าตนมีพิษร้าย...คนก็ไม่รู้ว่าตนมีความผิด...
สิ่งใดมีประโยชน์ต่อเรา ล้วนเรียกว่าดี..สิ่งใดไม่มีประโยชน์ต่อเรา
ล้วนเรียกว่าเลว..เมื่อคุณเดินถนน รังเกียจรถ...เมื่อคุณขับรถ รังเกียจคนเดินถนน
เมื่อคุณทำงาน...รู้สึกว่าเจ้านายใช้อำนาจ งกเกิน เมื่อคุณเป็นเจ้านาย...รู้สึกว่าคนงานไม่มีความรับผิดชอบ
ไม่มีประสิทธิภาพ
เมื่อคุณเป็นลูกค้า ก็ว่าพ่อค้ารุนแรง เมื่อคุณเป็นพ่อค้า
ก็รู้สึกว่าลูกค้าจู้จี้เกิน ที่จริงแล้ว เราล้วนไม่ผิด
ที่ผิด คือ ที่ยืนเราต่างกัน ดังนั้นแล้ว
ถูกกับผิดก็เป็นเพียงหัวข้อไม่จริงแท้ จุดยืนต่าง มุมมองปัญหาย่อมต่าง ย่อมมีข้อสรุปแตกต่างกันไป
ตามพื้นฐานและสภาพแวดล้อมของแต่ละทุกสรรพสิ่งทุกสรรพเรื่องราวในโลกไม่มีความสมบูรณ์
เป็นเพียงยืนคนละจุด ลองสละตัวตน ความเห็นของเราเข้าร่วมในความรู้สึกคนอื่น
ใจเขาใจเราดูบ้าง ก็จะทำให้การดำเนินชีวิตของเรามีความสุขมากยิ่ง
ในยุคสมัยใหม่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล เราสามารถที่จะรับรู้ได้ง่าย และแน่นอนข้อมูลที่เรารับรู้ เราเห็น เราอ่าน เราได้สัมผัสแรกสุด เราก็มักจะยึดสิ่งนั้นว่าเป็นสิ่งที่เชื่อถือ ตัวอย่างง่าย ๆ ในเรื่องสุขภาพ ต้องทานนั่นทานนี่จะทำให้เราแข็งแรงสมบูรณ์ เราก็ปฏิบัติติตาม มาวันหนึ่งก็พบเจอข้อมูลอีกด้านหนึ่งซึ่งดูจะขัดแย้งกัน เราก็มักมีคำถามในใจว่า อันนี้มั่วหรือเปล่า ไปพบคุณหมอ ก็บอกอีกแบบหนึ่ง ตกลงจะต้องทำตัวอย่างไรดี? ถ้าเรายึดข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง เราก็จะไม่มั่นใจในการที่จะรับประทาน ที่สุดบทสรุปก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเรานั่นเองที่จะรับรู้ว่า อันไหนถึงจะเหมาะสมกับเราที่สุด ข้อมูลที่ต่างกันอาจจะทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นได้
วันนี้เราสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล
ทั้งสองท่านนักบุญล้วนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ที่เป้าหมาย คือ
การทำให้คำสอนของพระเยซูเจ้าเข้าไปในชีวิตของคริสตชนอย่างสมบูรณ์
นักบุญเปโตรวางรากฐานพระศาสนจักรให้แข็งแรงที่กรุงโรม
เป็นศูนย์กลางมาจนถึงปัจจุบัน ท่านนักบุญเปาโลออกไปทุกที่ที่ห่างไกล
และตั้งกลุ่มคริสตชนที่นั่นที่นี่ หากจะเปรียบพระศาสนจักรเป็นต้นไม้ใหญ่
นักบุญเปโตรทำให้รากแก้วแข็งแรง เพื่อให้ลำต้นเจริญเติบโตมั่นคง ท่านนักบุญเปาโลดูแลกิ่งก้านสาขา
เพื่อให้ต้นไม้ใหญ่นี้เป็นร่มเงาให้คนได้มาพักพิง ทั้งสองท่านมีจุดยืนที่แตกต่างกันที่มิเคยแตกแยกจากองค์พระคริสตเจ้าเลย
แน่นอนเราจำเป็นต้องมีจุดยืนในความเชื่อของเรา
แต่เราก็ต้องไปยืนในจุดของคนอื่นด้วย เพื่อทำให้ความเชื่อของเราเจริญเติบโตขึ้น โดยมิต้องไปขัดแย้งกับผู้อื่น
เพราะนั่นมันไม่ใช่หนทางสร้างสันติในชีวิตเรา.....