วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ศรัทธาอันนิรันดร์

 

ศรัทธาอันนิรันดร์

>>> ขอจงมีศรัทธาในชีวิตของตนเอง <<<

ฝนเทกระหน่ำมาแล้วหลายวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ร้อนแสนร้อนมาเมื่อเดือนที่แล้ว อากาศแปรปรวนเสียเหลือเกิน ร้อนก็ร้อนจัด ฝนก็ฝนฟ้ารั่ว และที่สำคัญชีวิตชาวกรุงต้องลำบากลำบนบนถนนหนทาง ยิ่งฝนลงตอนเย็นหรือยามเช้าเวลาเริ่มงานด้วยแล้ว รถราติดเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง กว่าจะถึงบ้านถึงที่ทำงาน เพิ่มความทุกข์เดือดร้อนมากขึ้นไปเท่าตัว แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปตามที่เราเลือกอยู่ เลือกเป็น อย่าสิ้นหวัง อย่าท้อแท้ยอมแพ้กันนะครับพี่น้อง ต้องมีศรัทธา ในชีวิตที่มีความรัก ความเชื่อ และความหวัง สามสิ่งนี้แหละที่จะเป็นพลังหนุนนำให้เรามีความมั่นคง และมีศรัทธาต่อชีวิตของเรา


เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ด้วยปัจจัยภายนอก  ก็เป็นจังหวะที่จะทบทวนถึงภายใน  เพื่อเห็นแสงสว่าง นี่คือศรัทธาซ่อนอยู่  คือแสงสว่างในใจ  ทำให้ชีวิตมีเรี่ยวแรง  ศรัทธาคืออะไรหรือ  ศรัทธามิใช่ความฝันเหลวไหล  มิใช่ความคิดเชิงเหตุผล  มนุษย์เรามีศรัทธาต่อชีวิตได้  แม้มองภายนอกแล้ว ชีวิตแทบไม่เหลืออะไรให้เชื่อมั่น ศรัทธาคือดวงตาเห็นความงาม  และความเป็นไปได้ ที่ซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลง ซ่อนอยู่ในความกลัว  ซ่อนอยู่ในความไม่คุ้นชิน  แม้ในวันที่ต้องสูญเสีย  เสียใจ  และเจ็บปวด  ความเจ็บปวดก็มีความงาม และมีปัญญาซ่อนอยู่  ความศรัทธาไม่ปฏิเสธอะไร เมื่อไม่มีความเจ็บปวดแล้ว  ความปีติจะมีความหมายได้อย่างไร  เฉกเช่นการทรมานอย่างแสนสาหัสสู่การกลับคืนชีพที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสตเจ้า

มนุษย์ เป็นสัตว์โลกผู้เป็นที่รักของวิวัฒนาการขั้นสูงสุด  ดังที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยนี้ ที่รวดเร็วและก้าวหน้าก้าวล้ำเป็นอย่างยิ่ง เราต่างก็คิดว่าฉลาด  เราเก่งกาจ แต่กลับจมปลักอยู่กับอดีต กับอนาคต  จึงพลาดสิ่งดีงามในปัจจุบัน เราหลงอยู่ในกระแสที่คิดว่าสิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีที่เราสร้างสรรค์กันมานั้นยิ่งใหญ่เกินโลก จึงฝากชีวิตทั้งหมดไว้ ศรัทธากับสิ่งเหล่านี้ จนจิตใจอ่อนล้า อ่อนแอ แพ้ภัยต่อคำสอนหลักธรรมที่เป็นของจริงไป สังเกตุได้จาก มีหลายคนเก่งเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ แต่กลับหัวปลักหัวปลำกับความเชื่อที่ผิด เชื่อในลัทธิใหม่ที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ดรับฤดูฝน

ความเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ เป็นดั่งคลื่นในมหาสมุทรแห่งชีวิต เราทุกคนกำลังแล่นเรือกลางกระแสคลื่น  แล้วเราจะกลัวคลื่นลมไปทำไม  ในเมื่อเราไม่สามารถปฏิเสธคลื่นลมได้ ยอมรับและอยู่กับคลื่นลมให้ได้  มีใครเล่าที่ไม่พบพานความเปลี่ยนแปลง ในความเชื่อความศรัทธา เราก็รู้ว่าพระเยซูเจ้าจะมาอยู่กับเราในวันที่คลื่นลมแรง และหากวันใดเราล้มลง จมลงในคลื่น ก็จะมีมือของพระเยซูเจ้ายื่นมาฉุดรั้งเราให้ลุกเดินไปพร้อมกับพระองค์ เราเกิดมาแล้วต้องเติบโตทางกายภาพ และเราต้องเจริญขึ้นทางจิตใจ และจิตวิญญาณ ทั้งสามส่วนจะกลายเป็นหนึ่งเดียวนี่จึงเรียกว่าชีวิตที่สมบูรณ์  ศรัทธาคือการเชื่อมั่นสุดใจว่าความเปลี่ยนแปลง จักนำไปสู่ความงดงาม อุดมสมบูรณ์กว่าเคย

ขอจงมีศรัทธาในใจ  จงเชื่อในตัวตนของชีวิตซึ่งเป็นทั้งหมดของตัวเรา และไว้วางใจในพระเจ้า ไม่ว่าชีวิตของเราจะอยู่ตรงส่วนใด อยู่ในวัยวันสดใส  อยู่ในวัยวันใกล้ค่ำ  ในวันที่แดดแรง ในวันที่ฝนโปรย ในวันที่พายุโหม ทุกสิ่งที่เราเผชิญอยู่ กำลังมุ่งสู่เพื่อให้ถึงดินแดนอันแสนสงบและสวยงาม  ต้องไม่หวั่นไหว  เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นชีวิตที่เราต้องศรัทธา....

ไม่มีความคิดเห็น: