ศรัทธาอันนิรันดร์
>>> ขอจงมีศรัทธาในชีวิตของตนเอง
<<<
ฝนเทกระหน่ำมาแล้วหลายวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
หลังจากที่ร้อนแสนร้อนมาเมื่อเดือนที่แล้ว อากาศแปรปรวนเสียเหลือเกิน
ร้อนก็ร้อนจัด ฝนก็ฝนฟ้ารั่ว และที่สำคัญชีวิตชาวกรุงต้องลำบากลำบนบนถนนหนทาง ยิ่งฝนลงตอนเย็นหรือยามเช้าเวลาเริ่มงานด้วยแล้ว
รถราติดเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง กว่าจะถึงบ้านถึงที่ทำงาน
เพิ่มความทุกข์เดือดร้อนมากขึ้นไปเท่าตัว
แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปตามที่เราเลือกอยู่ เลือกเป็น อย่าสิ้นหวัง
อย่าท้อแท้ยอมแพ้กันนะครับพี่น้อง ต้องมีศรัทธา ในชีวิตที่มีความรัก ความเชื่อ
และความหวัง สามสิ่งนี้แหละที่จะเป็นพลังหนุนนำให้เรามีความมั่นคง
และมีศรัทธาต่อชีวิตของเรา
เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ด้วยปัจจัยภายนอก ก็เป็นจังหวะที่จะทบทวนถึงภายใน เพื่อเห็นแสงสว่าง นี่คือศรัทธาซ่อนอยู่ คือแสงสว่างในใจ ทำให้ชีวิตมีเรี่ยวแรง ศรัทธาคืออะไรหรือ ศรัทธามิใช่ความฝันเหลวไหล มิใช่ความคิดเชิงเหตุผล มนุษย์เรามีศรัทธาต่อชีวิตได้ แม้มองภายนอกแล้ว ชีวิตแทบไม่เหลืออะไรให้เชื่อมั่น ศรัทธาคือดวงตาเห็นความงาม และความเป็นไปได้ ที่ซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลง ซ่อนอยู่ในความกลัว ซ่อนอยู่ในความไม่คุ้นชิน แม้ในวันที่ต้องสูญเสีย เสียใจ และเจ็บปวด ความเจ็บปวดก็มีความงาม และมีปัญญาซ่อนอยู่ ความศรัทธาไม่ปฏิเสธอะไร เมื่อไม่มีความเจ็บปวดแล้ว ความปีติจะมีความหมายได้อย่างไร เฉกเช่นการทรมานอย่างแสนสาหัสสู่การกลับคืนชีพที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสตเจ้า
มนุษย์
เป็นสัตว์โลกผู้เป็นที่รักของวิวัฒนาการขั้นสูงสุด ดังที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยนี้
ที่รวดเร็วและก้าวหน้าก้าวล้ำเป็นอย่างยิ่ง เราต่างก็คิดว่าฉลาด เราเก่งกาจ แต่กลับจมปลักอยู่กับอดีต กับอนาคต จึงพลาดสิ่งดีงามในปัจจุบัน เราหลงอยู่ในกระแสที่คิดว่าสิ่งประดิษฐ์
เทคโนโลยีที่เราสร้างสรรค์กันมานั้นยิ่งใหญ่เกินโลก จึงฝากชีวิตทั้งหมดไว้
ศรัทธากับสิ่งเหล่านี้ จนจิตใจอ่อนล้า อ่อนแอ
แพ้ภัยต่อคำสอนหลักธรรมที่เป็นของจริงไป สังเกตุได้จาก
มีหลายคนเก่งเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ แต่กลับหัวปลักหัวปลำกับความเชื่อที่ผิด
เชื่อในลัทธิใหม่ที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ดรับฤดูฝน
ความเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ เป็นดั่งคลื่นในมหาสมุทรแห่งชีวิต
เราทุกคนกำลังแล่นเรือกลางกระแสคลื่น
แล้วเราจะกลัวคลื่นลมไปทำไม ในเมื่อเราไม่สามารถปฏิเสธคลื่นลมได้
ยอมรับและอยู่กับคลื่นลมให้ได้
มีใครเล่าที่ไม่พบพานความเปลี่ยนแปลง ในความเชื่อความศรัทธา
เราก็รู้ว่าพระเยซูเจ้าจะมาอยู่กับเราในวันที่คลื่นลมแรง และหากวันใดเราล้มลง
จมลงในคลื่น ก็จะมีมือของพระเยซูเจ้ายื่นมาฉุดรั้งเราให้ลุกเดินไปพร้อมกับพระองค์ เราเกิดมาแล้วต้องเติบโตทางกายภาพ
และเราต้องเจริญขึ้นทางจิตใจ และจิตวิญญาณ
ทั้งสามส่วนจะกลายเป็นหนึ่งเดียวนี่จึงเรียกว่าชีวิตที่สมบูรณ์ ศรัทธาคือการเชื่อมั่นสุดใจว่าความเปลี่ยนแปลง
จักนำไปสู่ความงดงาม อุดมสมบูรณ์กว่าเคย
ขอจงมีศรัทธาในใจ จงเชื่อในตัวตนของชีวิตซึ่งเป็นทั้งหมดของตัวเรา
และไว้วางใจในพระเจ้า ไม่ว่าชีวิตของเราจะอยู่ตรงส่วนใด
อยู่ในวัยวันสดใส อยู่ในวัยวันใกล้ค่ำ ในวันที่แดดแรง ในวันที่ฝนโปรย ในวันที่พายุโหม
ทุกสิ่งที่เราเผชิญอยู่ กำลังมุ่งสู่เพื่อให้ถึงดินแดนอันแสนสงบและสวยงาม ต้องไม่หวั่นไหว เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นชีวิตที่เราต้องศรัทธา....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น