วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จิตประดิษฐ์

 

จิตประดิษฐ์

>>> มีแค่ปัญญาประดิษฐ์ก็พอ อย่าถึงขั้นจิตวิญญาณประดิษฐ์เลย <<<

ดูเหมือนเรากำลังจะผ่านยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนจาก “สังคมออนไลน์” เข้าสู่ยุค “ปัญญาประดิษฐ์ AI  ซึ่งเริ่มออกมาให้ใช้และพูดถึงกันมากยิ่งขึ้น และอีกไม่นานก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการทำงาน การเรียนการสอน การดำเนินชีวิต และนี่ขนาดสังคมกำลังเริ่มต้นปัญญาประดิษฐ์ที่ส่งต่อมาจากยุคออนไลน์ เรายังเจอ “มิจฉาชีพ” ที่แฝงตัวเข้ามาหากินกับการใช้โซเชียลมีเดียหลอกลวงผู้อื่นแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายเต็มบ้านเต็มเมือง กลายเป็นสังคมแห่งการหลอกลวง ไว้ใจใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเอง การหลอกลวงเหยื่อบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นทุกวัน ตั้งแต่การหลอกให้สั่งซื้อของออนไลน์ หลอกลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ชวนทำบุญบริจาค หลอกให้เงินกู้ แม้แต่สวมรอยเป็นคนรู้จักหลอกยืมเงิน “มิจฉาชีพ” สอดส่องพฤติกรรมผู้คน และพัฒนาทักษะการหลอกได้ก้าวล้ำด้วยการใช้เทคโนโลยีผสมกับเห็นกิเลสในมนุษย์


เทคโนโลยีไม่ใช่ยาวิเศษที่ตอบปัญหาได้ทุกปัญหา
และไม่ใช่ทุกปัญหาจะได้รับการแก้ไขด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ต้นตอของปัญหามาจากความไม่มีประสิทธิภาพของจิตใจคนเรามากกว่า จิตสำนึกของคนเราอ่อนด้อยลงทุกที เอาแต่ประโยชน์ส่วนตน เอาแต่ความสบายของตัวเอง ก็เลยนำมาซึ่งความโลภ ความหลง หลอกตัวเองว่าเก่ง ว่าเท่ ว่าเลิศ โชว์ความร่ำความรวย อวดความสุขจอมปลอม อวดดีอวดเด่นอวดดัง ทั้ง ๆ ที่ชีวิตกลวงโบ๋ และเคว้งคว้าง

มนุษย์เรามีสมองสร้างปัญญา และปัญญานี่แหละนำไปสู่การมีจิตสำนึก เพื่อรักษาคุณภาพของจิตวิญญาณ และหากว่าเราใช้ปัญญาประดิษฐ์ลิขิตชีวิตโดยขาดการปลูกฝังจิตใจเสียแล้ว สังคมวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร งานของพระจิตเจ้าคงจะหนักเอาการ แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นมาย่อมมีทั้งในมุมข้อดี ข้อเสีย ความท้าทาย การปลูกฝังจิตสำนึกควรต้องเริ่มต้นจากตัวเราเอง ซื่อสัตย์ต่อตัวเรา สร้างพระวิหารในจิตใจเราให้งดงาม ปัญญาประดิษฐ์หรือจะสู้จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งได้ มาปลุกจิตวิญญาณในวันที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง อย่าไปประดิษฐ์จิตวิญญาณ แต่จงรักษาไว้อย่างมั่นคง.....

ไม่มีความคิดเห็น: