วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

หนึ่งวันพันเรื่อง

 หนึ่งวันพันเรื่อง

หนึ่งวันพันเรื่อง

>>> “การค้นพบครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต คือ การได้เผชิญหน้ากับตนเอง”

อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ <<<

อากาศยามเช้าๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะขมุกขมัวเสียเหลือเกิน บางวันฝนทำท่าว่าจะตกหรือบางทีอาจจะตกมาบ้างในบางที่ และเป็นธรรมดา เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง เราก็เห็นคนป่วยเป็นหวัดกันมาก คนป่วยในโรงพยาบาลก็ขวักไขว่ ว้าวุ่นกันไป การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วเหมือนอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝน คนที่อ่อนแอไร้ภูมิก็มิอาจจะต้านทานได้ เฉกเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกที่รวดเร็วทุกวินาที มีเรื่องราวหนึ่งวันพันเรื่อง  สามารถที่จะทำให้เราพลาดพลั้งเผลอไปได้ง่าย ยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลที่กังวานอยู่ในจิตใจของผู้คนตลอดเวลา ปีศาจในตัวเราก็พร้อมจะลุกขึ้น มาทำให้จิตวิญญาณเราซวนเซ เถลไถลไปไกลจากจุดยืนได้


หลายครั้งเราก็ตกอยู่ในสภาพ “รู้แต่ทำไม่ได้” พอเกิดเรื่องความวิตกกังวลก็มีความรู้วิธีลดความวิตกกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง หรือลองทำอยู่ แต่ก็ไปไม่รอด ใช่หรือไม่ สิ่งที่สำคัญมากกว่าวิธีการจึงเป็นความเข้มแข็งของจิตใจ เราจำเป็นต้องมีภูมิต้านทานที่ไม่กลัวและยอมแพ้กับอุปสรรคอะไรเลย เเม้ว่าเรื่องนั้นจะหนักหนาสาหัส เราต้องผ่านมันไปให้ได้ คนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า เเละไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า เเม้ในวันข้างหน้าไม่มีเรา จะมีใครพูดถึงเราเช่นไร เราก็ไม่ได้ยินถึงมันอยู่ดี

ในความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากมนุษย์ได้สร้างขึ้นมา นิยามกันขึ้น สมมุติก็เป็นสิ่งแทนขึ้นมา อะไรจริง อะไรเท็จ ทุกอย่างล้วนถูกตั้งค่าขึ้นจากมนุษย์ทั้งสิ้น วันนี้เราเป็นอะไร วันข้างหน้าเราเป็นใคร ไม่สำคัญ เรารู้สึกเเค่ว่า เรามีความสุขกับอะไรเราก็เเค่ดำเนินชีวิตไปตามสิ่งนั้น เเล้วเราจะเติบโตขึ้น เพราะถ้าเรากังวลกับสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง บางครั้งการที่เราละเอียดรอบคอบมากเกินไปกับมันทำให้เราไม่กล้าก้าวออกมาจาก Comfort zone เราอาจจะพลาด บางเรื่องราวที่สอนประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเรา รอบคอบกับสิ่งที่เราดำเนินอยู่ อะไรจะเกิด ก็เเค่ปล่อยมันไป เเล้วตั้งหลักใหม่ ผ่านมันไปให้ได้ เเล้วเราจะเติบโตขึ้นทั้งใจเเละกาย

    ลาตัวหนึ่งแบกสัมภาระอันหนักอึ้งไว้บนหลัง 

หลีกทางไป เจ้าลาสกปรก” ม้าทหารตวาดไล่ด้วยเสียงอันดัง

ลาจึงหลีกทางให้ พลางเฝ้ามองดูม้าทหารผู้งามสง่าอยู่ในเครื่องประดับเต็มยศอย่างโก้หรูนั้นเยื้องย่างผ่านไป เมื่อย้อนมองดูตนเองแล้วลาก็ได้แต่นึกอิจฉาในลาภยศของม้าทหาร แต่ทว่า หลังจากม้าทหารได้รับบาดเจ็บในสนามรบและมิอาจออกสนามได้อีก

มันก็ถูกส่งมาทำงานหนักในไร่ในนา ต้องลากเกวียนที่บรรทุกสัมภาระหนัก ๆ ทุกวันอย่างตรากตรำ ลามองอดีตม้าทหารอย่างเวทนาและเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น (นิทานอีสป)

เราล้วนต่างกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวความไม่สำเร็จ  กลัวการผิดหวัง กลัวคนไม่รักไม่นับถือ ยามมีชื่อเสียง มีอำนาจ มีทรัพย์สินเราก็ผยองพองขน ทั้งหลายทั้งปวงมันเป็นจุดอ่อนที่หลอนหลอกเรา เหมือนเงาปีศาจที่ตามไปทุกที่และพร้อมที่ลุกขึ้นมาสิงสู่เรา ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้อยู่ว่าเรามีเทวดาประจำตัวอยู่แต่เป็นเราเองที่กักขังเทวดานั้นให้อยู่นิ่ง ๆ เพราะความหลงใหลในปีศาจที่น่าจะเย้ายวนมากกว่า เรามาปลุกเทวดาให้มาอยู่กับเรา ให้มาช่วยขับไล่ปีศาจในตัวตนของเราออกไป เพื่อเราจะได้มีภูมิ แม้ว่าวันหนึ่งเราต้องพบเจอเรื่องราวมากมาย ก็มิอาจจะทำอันตรายเราได้.....

ไม่มีความคิดเห็น: