วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2567

สิ่งแรกที่เห็น

 

สิ่งแรกที่เห็น

>>> อ่อนน้อมเหมือนดอกหญ้า แม้ดูว่าไร้ค่าแต่งดงาม <<<


คนเรามักจะจดจำคนที่เคยพบปะได้อย่างแม่นยำ จะมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกพอเห็นก็เกิดความประทับใจ เห็นปุ๊บรู้สึกดีต่อใจปั๊บ กลับกัน อย่างที่สอง เห็นแล้วก็หมั่นไส้ และรู้สึกถึงแสงมืดมนทนพูดคุยให้เสร็จสรรพไป เราจะเลือกเป็นคนแบบไหนล่ะ แน่นอนอยู่แล้ว เราต่างต้องการให้ใครพบเห็นครั้งแรกแล้วต้องเกิดร่องรอยความประทับจิตประทับใจเป็นธรรมดา แต่ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าในสถานการณ์นั้นเราได้แสดงตัวตนในรูปแบบไหนให้กับผู้คนที่พบเห็น ก็มีบ้างบางครั้ง แค่เห็นก็ไม่ถูกชะตา แค่เห็นก็หมดอารมณ์จะพูดคุย แต่สำหรับผู้เจริญแล้ว เราย่อมต้องแสดงความเป็นมิตรกับทุกคน แต่ก็อีกนั่นแหละ บางครั้งความที่เราคิดว่าตัวเองเก่งตัวเองดี จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่า ทุกคนเมื่อพบเจอเราจะต้องประทับใจ เพราะความหลงใหลในตัวเอง จึงโอ้อวดออกมาโดยมิรู้ตัว

คุณพ่อผู้หนึ่งต้องไปประกอบพิธีในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยไปมาก่อนเลย พอลงจากรถไฟเขาก็ถามเด็กชายเล็ก ๆ คนหนึ่งว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าจะบอกพ่อหน่อยได้ไหมว่า จะไปที่ทำการไปรษณีย์ทางไหน?” เด็กคนนั้นก็บอกให้  นักบวชก็ขอบใจเด็กและถามว่า “เจ้ารู้ไหมว่าพ่อคือใคร”

“ไม่ทราบฮะ” เด็กตอบ “พ่อคือ กาเบรียล ดอยล์ นักเทศน์ไงล่ะ  คืนนี้เจ้าจงมาฟังพ่อเทศน์นะ  แล้วพ่อจะชี้ทางไปสวรรค์ให้เจ้า” “ตายละ” เจ้าหนูตอบ “แค่ทางไปรษณีย์ท่านยังไม่รู้เลย  แล้วท่านจะรู้ทางไปสวรรค์ได้ยังไงกันฮะ” ….

เราจะชี้ทางสวรรค์ จะชี้ทางสุขให้กับคนอื่นได้อย่างไร? หากว่าเรามิได้แสดงออกถึงความรัก ความสุภาพ ความถ่อมตัวของเรา ไม่ว่าจะมีฐานะอะไร ก็อย่ามองข้ามคนอื่น อย่าอวดตัว เจียมเนื้อเจียมตัว ผู้คนจะรักใคร่ ยิ่งโอ้อวด ยิ่งไม่มีคนสนใจ คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง จะไม่ทำตัวเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่โอ้อวดให้ผู้คนรับรู้ แต่จะถ่อมตัวอย่างสุภาพ ทำตัวเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก เกิดเป็นคนเราต้องมีใจแห่งความเมตตา ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ใช้ใจในการทำสิ่งต่าง ๆ นี่คือการแสดงองค์พระคริสต์ในตัวเราอย่างจริงแท้

ไม่มีความคิดเห็น: