วันเสาร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2567

ใจคนเรา

 

ใจคนเรา

>>> ในสังคมกว้างใหญ่หากใจเราแคบ ย่อมพบแต่ความขมขื่น <<<

วันหนึ่งเรียกแท็กซี่กลับบ้าน พอนั่งไปได้สักพักก็ติดไฟแดง จังหวะนั้นเองได้ยินเสียงรถขอทางของรถพยาบาลดังขึ้น รถทุกคันก็ช่วยกันขยับชิดซ้ายขวา เปิดให้มีทางที่กว้างขึ้น เราก็หวังในใจว่ารถคันที่นั่งจะขยับตาม ใช่แล้วขยับ แต่...ขยับตัดหน้ารถพยาบล แล้วก็วิ่งนำอย่างรวด  เราก็ได้แต่อ้าว …  หมดคำจะพูด ใจบางคนก็คับแคบเห็นแก่ตัว   เขาคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้      นั่นแหละเป็นบทเรียนว่า เราจะต้องไม่ทำแบบนี้ เพราะทำไปมันไม่พบความสุขใจเอาเสียเลย


คุรุชาวอินเดียท่านหนึ่ง มีลูกศิษย์ที่มักเอาแต่พร่ำบ่นอยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งท่านก็ได้สั่งให้ลูกศิษย์ไปซื้อเกลือมาจากตลาด เมื่อได้เกลือกลับมา ท่านจึงได้สั่งให้เขาหยิบเกลือหนึ่งกำมือใส่ลงไปในแก้วน้ำ จากนั้นก็ให้เขาดื่ม “รสชาติเป็นอย่างไร
?” คุรุถาม “เค็มจนขมขอรับ” พูดเสร็จก็บ้วนน้ำเกลืออกจากปากทันที

คุรุก็ได้สั่งให้เขานำเอาเกลือที่เหลือเทลงไปในบึงน้ำ สั่งให้เขาตักน้ำในบึงมาชิม “รสชาติเป็นอย่างไร?” คุรุถาม “รสชาติดีขอรับ” เขาตอบ “เจ้าได้รสเค็มของเกลือหรือไม่?” คุรุถาม “ไม่มีเลยขอรับ” ลูกศิษย์หนุ่มตอบอาจารย์

“ความทุกข์ในชีวิตคนเราเปรียบเสมือนเกลือถุงนี้ การรับรู้รสของเกลือนั้นอยู่ที่ภาชนะที่รองรับ หากเจ้าพบเจอกับความทุกข์ แล้วเอาแต่บ่น ก็ไม่ต่างอะไรจากการใส่เกลือลงไปในแก้วใบเล็ก เจ้าจึงรู้สึกทุกข์แสนสาหัส หากเจ้าเปิดใจให้กว้าง เป็นภาชนะใบใหญ่ แม้จะใส่เกลือมากมายลงไป เจ้าก็ไม่ทุกข์กับสิ่งที่เจอ เพราะภาชนะนั้นมันกว้าง” คุรุสบโอกาสชี้แนะลูกศิษย์  (นุสนธิ์บุคส์)

ใจคนเราเหมือนภาชนะ ใส่ความสุขไว้มาก ก็มีพื้นที่เหลือให้ความกลัดกลุ้มน้อยลง ใส่ความเรียบง่ายไว้มาก ก็มีพื้นที่เหลือให้ความซับซ้อนน้อยลง ใส่ความพอเพียงไว้มาก ก็มีพื้นที่เหลือให้ความทุกข์น้อยลงใส่ความเข้าใจไว้มาก ก็มีพื้นที่เหลือให้ความขัดแย้งน้อยลง ใส่ความอภัยไว้มาก ก็มีพื้นที่เหลือให้ความแค้นเคืองน้อยลง ใจเราจะเป็นแบบไหนเล่า.....

ไม่มีความคิดเห็น: