>>> ในยุคที่ความเจริญด้านวัตถุเติบโตขึ้น แต่ด้านจิตใจกลับยิ่งเลวร้ายลง
<<<
ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกหรือในยุคนี้
เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาหลังจากได้อ่านข่าวเหตุการณ์ยิงตำราวจในงานเลี้ยงบ้านกำนัลต่อหน้าเพื่อนตำรวจยี่สิบกว่าคน
แสดงให้เห็นว่า วันนี้คนเรายังตกหลุมพรางแห่งอำนาจเงินกันอยู่ ใครมีเงินก็มีบารมี ใครมีบารมีย่อมยิ่งใหญ่กว่าใคร ๆ เช่นนั้นหรือ
เรายังนับถือเงินเป็นพระเจ้า หลายคนจึงทำทุกอย่างเพื่อพบพระเจ้าจอมปลอมนี้
พลีกายพลีใจรับใช้นาย ทั้ง ๆ ที่ เรามีคำสอนขององค์ศาสดาในทุกศาสนา ที่สอนให้เรามีจิตใจอ่อนโยน
ระมัดระวังตนอย่าตกเป็นทาสของเปลือกภายนอกที่ทำให้เราลุ่มหลง
แต่วันนี้เรากลับทำสิ่งที่ตรงข้าม โลกภายในของคนเรา ไม่เปลี่ยนเหมือนกับสิ่งอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ใช่หรือไม่ การถ่อมตัวในการใช้ชีวิตมันไม่ใช่แค่ทัศนคติ แต่คือหลักปรัชญาสำหรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าเราจะมีชื่อเสียงมากขนาดไหน มีอำนาจมากแค่ไหน ร่ำรวยเท่าไร ก็ควรที่จะอ่อนน้อมถ่อมตัว ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะทำให้ต้องพบเจอกับปัญหาไม่วันใดก็วันหนึ่ง คนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัวก็จะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในที่สุด บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะทำงานอะไร ทำการอะไร ก็จะได้รับการยอมรับง่ายขึ้น ถ้ารู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ตรงกันข้ามคนที่โอ้อวดบารมี ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องพบกับจุดจบอย่างไม่คาดคิด
คนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
เราไม่ได้แข็งแรงเสมอไป เราไม่อาจจะครอบครองตำแหน่งไว้ได้ตลอดกาล สักวันหนึ่งเราจะต้องลงจากบัลลังก์
การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักกาลเทศะจะทำให้เราเป็นผู้มีบารมีอันเป็นที่รัก คำว่า
“อยู่ให้เขารัก จากให้เขาคิดถึง” ยังคงใช้ได้ตลอดกาล นี่คือสิ่งที่เราทุกคนบนโลกต้องเรียนรู้และปฏิบัติ
เป็นตำนานให้คนจดจำ แม้ในวันที่ไม่มีตำแหน่ง อย่าให้คนสาปส่งในวันที่หมดอำนาจเลย
เพราะสวรรค์-นรก อยู่ตรงนี้นี่แหละ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น