ไม่ต้องแย่ง…แบ่งกัน
>>> หากวันหนึ่งเราได้ครอบครองชัยชนะ
แต่ต้องโดดเดี่ยว ไม่เหลือใครเคียงข้าง
ชัยชนะจะมีความหมายอะไร >>>
สถานการณ์โลกร้อนแรงขึ้นทุกวัน
จ่อว่าใครจะกดระเบิดร้ายแรงล้างโลกก่อนกัน
ท่ามกลางสงครามที่ก่อตัวขึ้นจากการแย่งชิง จากการกล่าวอ้างในความชอบธรรม
จากการแอบอ้างเพื่อมนุษยธรรม ที่สุดมันก็มาจากความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น
การคว่ำบาตร การกดดันทางด้านเศรษฐกิจ การตัดการส่งพลังงาน
ต่างคนต่างคิดว่าใครจะเก่งกว่ากัน มันเป็นรากฐานของชีวิตผู้คนที่ถูกหล่อหลอมการแข่งขันแย่งชิงกันตั้งแต่เด็ก
ๆ วันนี้ขอนำเสนอแนวคิดใหม่เพื่อปลูกฝังการหยุดแย่งชิง
หันมาให้ความสำคัญกับการแบ่ง
“ครูก้า” กรองทอง บุญประคอง ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก และผู้ก่อตั้งโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) ชวนคิด “เรากำลังปลูกฝังให้เด็กแก่งแย่ง ชิงดีกัน ไม่แปลกที่เมื่อโตขึ้นมาทำงานข้าราชการแล้วก็เลื่อยขาเก้าอี้กัน หรือแม้กระทั่งการทำงานในองค์กรธุรกิจเอกชน ก็เลื่อยขาเก้าอี้กัน เพื่อจะแย่งตำแหน่งที่สูงที่สุด เพราะเราถูกปลูกฝังผ่านเก้าอี้ดนตรีกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เราก็ยังเล่นกันอยู่ ครูก็ยังจัดเก้าอี้ดนตรีให้เล่น ครูก็ยังรู้สึกสนุกแล้วก็ลืมคนที่ถูกออกไป ตบมือให้คนชนะ”
ครูก้าตั้งคำถามว่า
“แล้วทำไมเราไม่เล่นเก้าอี้ดนตรีแบบเอาเก้าอี้ออก แต่ไม่เอาคนออก แล้วดูซิว่าเหลือเก้าอี้น้อยที่สุด
แต่คนยังอยู่ครบ ทำได้ยังไง” เด็ก ๆ ได้เล่นจริง ทำจริงแล้วที่โรงเรียนจิตตเมตต์
ครูก้าบรรยายภาพที่เห็นตรงหน้าว่า
“น่ารักมาก ๆ เขาแก้ปัญหาว่าเก้าอี้มีอยู่ไม่กี่ตัว
เราอยู่บนเก้าอี้สองตัวกับคนหกคนได้ยังไง
หรือเรามีเก้าอี้หกตัวแต่อยู่กันทั้งห้องได้ยังไง
มันมีวิธีเชื่อมต่อร่างกายกับเก้าอี้ยังไง ทำไมเราไม่เล่นแบบนี้ ถ้าเราเล่นแบบนี้เราปลูกฝังอะไร
สิ่งที่เราอยากได้นั่นแหละ คือ ทุกคนรักกัน ช่วยเหลือกัน “แบ่งปัน” กับ “แข่งขัน”
มันต่างอารมณ์กันมาก จะแข่งกันเพื่อล้มโลกหรือจะแบ่งกันเพื่อร่วมโลกอย่างสันติ
แบบไหนดีกว่ากัน ขอบคุณเรื่องราวงดงามจากโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น