หยุดซ้ำเติม
>>> กาลเวลาไม่เพียงทำให้เรามองคนได้กระจ่าง
แต่ก็ทำให้เรามองตนได้ชัดเจน <<<
วันวานเพิ่มขึ้น วันพรุ่งลดลงเรื่อย ๆ นี่แหละ คือ ชีวิต ฝนตกหนักและแรงขึ้นทุก ๆ ปี น้ำท่วมในพื้นที่มากขึ้นในทุก ๆ ครั้ง แม้ว่าจะเกิดเป็นคนริมน้ำคุ้นชินกับน้ำท่วม แต่ระยะหลังมานี้เห็นน้ำท่วมที่นั่นที่นี่ รู้สึกไม่เหมือนเดิม สมัยก่อนน้ำท่วมไม่น่ากลัวเท่าวันนี้ เหตุเพราะตลอดมาเราพยายามสู้กับมวลน้ำ กั้นด้วยกำแพงดินกำแพงทราย ถ้าแข็งแรงพอก็ชนะ แต่ถ้ามันพังทลายความรุนแรงของกระแสน้ำจะรุนแรงขึ้นมากเป็นทวีคูณ ก็อยากจะให้ฝนฟ้าพัดผ่านไปเร็ววัน เราจะได้กลับคืนสู่ชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่มีเหตุใดมาซ้ำเติมอีก
การที่รู้สึกว่าเวลาเดินเร็วขึ้นทุกปี
ก็เพราะเวลาสำคัญต่อเรามากขึ้นทุกปี หลายต่อหลายครั้ง เราเรียนรู้จักใช้ชีวิต
ในการล้มลุกคลุกคลาน ในความผิดพลาดพลั้งเผลอ เวลาที่ผ่านมาให้บทสอนอะไรกับเราบ้าง
เวลาของเด็กกับของผู้ใหญ่ไม่เหมือนกัน เฉกเช่นการกระทำที่ผิดพลาด
หากเป็นผู้ใหญ่ที่ทำผิดพลาดก็มักแอบอ้างเหตุผลว่า เกิดการสื่อสารที่คาดเคลื่อน
ไม่เป็นไรปล่อยผ่านไป ไม่ขอโทษ แต่ตรงกันข้ามในสิ่งเดียวกัน ถ้าเป็นผู้น้อยทำก็ต้องถูกต่อว่าไม่รอบคอบ
สะเพร่า ประมาท และถูกจดจำในความผิด ถูกซ้ำเติมด้วยเรื่องเดิมของวันวาน มีคำสอนของคนจีนได้ให้ข้อคิดกับวันเวลาอย่างชัดเจน
“จงอย่าได้พร่ำบ่นตัดพ้อทุกวัน
นานเข้าเธอจะพบว่า การบ่นนอกจากทำลายอารมณ์ของเรากับคนอื่นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ
ทั้งสิ้น อย่าร่ำร้องว่ายากจน ไม่มีใครจะให้เงินเธอ อย่าโวยวายว่าเหนื่อยเหน็ด
ไม่มีใครช่วยเธอทำ อย่าคิดร้องไห้ เพราะไม่มีใครสนใจ อย่ายอมแพ้ เพราะไม่มีใครหวังให้เธอชนะ
อย่าพึ่งคนอื่น เพราะมีเพียงตนพึ่งได้ดีที่สุด อย่าวอนขอ
เพราะคนอื่นคอยดูเรื่องน่าขัน อย่าเสียขวัญ เพราะคนทั้งกลุ่มคอยซ้ำเติม อย่าเหลียวมอง
เพราะที่เห็นคือรอยร้าวที่ยังไม่ได้ซ่อม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น