สูงเด่นเช่นดังน้ำตก
ของที่ตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
มักจะเร็วและแรงตามหลักแรงโน้วถ่วงของโลก แต่ก็มีบางสิ่งที่หล่นมาจากที่สูงดูอ่อนไหว
ดูนุ่มนวล งดงาม สิ่งที่นึกถึง คือ น้ำตก เวลาได้เห็นภาพ
หรือได้ไปเที่ยวชมยังน้ำตก มักจะคิดว่าน้ำนั้นมันโผล่มาจากตรงไหน และก็ไม่เคยขึ้นไปถึงยังจุดเริ่มของน้ำตกนั้นเลยสักครั้ง
เพียงแต่ได้ยลโฉม รับความสดใสเบิกบานตามชั้นที่น้ำไหลลงมา น้ำตกในหลาย ๆ แห่ง
ธรรมชาติจัดสรรให้น้ำนั้นตกลงมายังชั้นหินตามภูเขา จากชั้นหนึ่งลงมาชั้นหนึ่งลดหลั่งลงมา
จากความแรงกระทบความแข็ง กลับกลายเป็นความอ่อนเบาใสสด สร้างความร่มเย็นให้สรรพสิ่ง
และหากว่าผู้คนจะเห็นวิถีธรรมที่สอนเรา จะเข้าใจว่า คนเรายิ่งอยู่สูงจะด้วยฐานะ หน้าที่ ตำแหน่งแห่งหน ย่อมจะก่อให้เกิดความรุนแรงได้ง่าย แต่หากการปฏิบัติตนของเรามีความอ่อนโยน มีความรู้จักจะลดแรงปะทะ รู้จักที่จะพักคอย เข้าใจคนอื่นบ้าง อำนาจหรือคำสั่งการเหล่านั้นก็จะกลายเป็นความร่มเย็นให้กับชุมชน ให้กับสังคมที่เราสังกัด แต่…วันนี้ในสังคมเราหาได้เป็นเช่นน้ำที่ไหลลงมาอย่างน้ำตก เรากลายเป็นน้ำป่าที่ไหลทะลักทะลุทะลวงไปทุกที่ที่ไปได้ ทำลายสิ่งที่ขว้างหน้า เพียงเพื่อไหลไปให้ถึง ยังจุดหมาย แข่งขันด้วยความเร็ว ทะยานด้วยความโหยหาโลภ อยากได้ใคร่มี เราจึงเห็นแต่ความระทมทุกข์ภายในเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
พระเยซูเจ้าสด็จสู่สวรรค์สู่ที่สูงสุด
ก็ไม่เคยใช้ความสูงส่งแรงปะทะมาสู่โลกเรา มีแต่ส่งความรักความห่วงใย
มาให้ผู้ไว้วางใจในพระองค์เสมอมา ทั้ง ๆ ที่เรายังตรึงแขวนพระองค์อยู่ในทุกเช้าค่ำ
แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พระองค์จะทรงทำรุนแรงกับมนุษย์เรา มีแต่ความร่มเย็น
ให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่ในความรักของพระองค์ เราได้อยู่ในธารเมตาธรรมของพระองค์แล้วหรือยัง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น