วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

รู้จักดีแล้วหรือ

 

รู้จักดีแล้วหรือ

>>> เรารู้จักคนเยอะ แต่จะมีกี่คนรู้จักจริง ๆ

คนที่รู้จักจริง ๆ ในชีวิตเรามีสักกี่คน

สุดท้าย บ่อยครั้งที่เรายังไม่รู้จักตัวเองดีพอ <<<

พอเรามีอายุมากขึ้น ก็เริ่มที่อยากจะอยู่เงียบ ๆ คนเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เห็นความวุ่นวาย กระเสือกกระสน กระวนกระวาย เป็นเรื่องน่าเบื่อ การพบปะเพื่อนฝูงเริ่มห่างหาย แต่กลายเป็นการพบกับหมอพยาบาลแทนเป็นว่าเล่น พบกันเดือนละหลายหน ในแต่ละวันที่พ้นผ่านไป เริ่มมองหาความสุขใกล้ ๆ ตัว ไม่แสวงหาตำแหน่งหน้าที่งานให้มากล้น มีเวลาละเมียดละไมกับไออุ่นของกาแฟยามเช้า มีเวลาสนทนากับคนในบ้านในมื้ออาหารยามค่ำ บางทีชีวิตที่ผ่านมาดิ้นรนแทบตาย สุดท้ายความสุขอยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง มีเรื่องหนึ่งที่เคยอ่าน แล้วประทับใจขอนำมาแบ่งปัน

เมื่อเศรษฐีพันล้าน ฟีมี โอเทโดลา [Femi Otedola] นักธุรกิจชาวไนจีเรีย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เขาถูกถามว่า ท่านครับ ท่านจำอะไรได้บ้าง!? ที่ทำให้ท่านมีความสุขที่สุดในชีวิต

ฟีมี โอเทโดลาตอบว่า ผมผ่าน “4 ขั้นตอนของความสุขในชีวิต” มาแล้ว จนในที่สุดผมก็เข้าใจความหมายของความสุขอันแท้จริง


 
ความสุขขั้นที่
1 : คือ การสะสมความร่ำรวย และหนทางสร้างความร่ำรวย แต่! ในขั้นตอนนี้ ผมก็ไม่ได้รับความสุขตามที่ผมต้องการ จากนั้น

ความสุขขั้นที่ 2 : คือ การสะสมข้าวของที่มีราคา มีคุณค่านานาชนิด แต่! ผมก็ได้รู้ว่า... ผลของการทำเช่นนี้ มันไม่ยั่งยืน และความแวววาวของสิ่งมีค่าทั้งหลายก็อยู่ได้ไม่นาน แล้วก็ถึง..

ความสุขขั้นที่ 3 : คือ การได้ทำโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งตอนนั้น ผมได้ครอบครองการจ่ายน้ำมันดีเซลล์ถึง 95% ในประเทศไนจีเรีย และในทวีปแอฟริกา ผมยังเป็นเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกาและเอเซีย ถึงขนาดนี้ผมก็ยังไม่ได้รับความสุขอย่างที่ผมเคยใฝ่ฝันไว้

สุดท้าย ความสุขขั้นที่ 4 : เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนของผมคนหนึ่ง เขาขอให้ผมซื้อรถนั่งติดลูกล้อให้กับเด็กพิการก็แค่ 200 คนเท่านั้น! ผมทำตามคำขอร้องของเพื่อน ซื้อรถสำหรับคนพิการในทันที แต่! เพื่อนคนนั้น ขยั้นขยอให้ผมไปกับเขา เพื่อไปมอบรถให้กับเด็ก ๆ ผมจึงไปกับเขา ผมได้มอบรถนั่งติดล้อให้กับเด็กเหล่านั้นด้วยมือของผมเอง

ผมได้เห็นความสุขอันเรืองรองอย่างน่าประหลาดใจ บนใบหน้าของเด็ก ๆ เหล่านั้น ผมได้เห็นพวกเขานั่งบนรถติดล้อ ผลักไปรอบ ๆ สนุกสนานกันใหญ่ นี่เหมือนกับว่า พวกเขาได้ไปสถานที่ ที่สนุกสนาน ดูเหมือนกับว่า พวกเขากำลังได้รับรางวัลใหญ่กันเลย ผมรู้สึก มีความปิติอย่างแท้จริงอยู่ภายในตัวผม พอผมจะต้องออกจากที่นั่น เด็กคนหนึ่งมาเกาะที่ขาของผม ผมพยายามขยับขาออกเบา ๆ แต่! เด็กคนนั้น จ้องหน้าของผม โดยโอบขาของผมไว้แน่น ผมก้มลง ถามเด็กคนนั้นว่ายังอยากได้อะไรอีกหรือหนู? คำตอบที่เด็กคนนั้นให้ผม ไม่เพียงแต่ทำ
ให้ผมมีความสุขเท่านั้น แต่! ยังเปลี่ยนทัศนคติให้กับชีวิตของผมไปอย่างสิ้นเชิง  โดยเด็กคนนั้นพูดว่า...

หนูต้องการจดจำใบหน้าของลุงเผื่อว่า  หนูได้พบลุงในสวรรค์หนูจะได้จำลุงได้ และบอกขอบคุณลุงอีกครั้งหนึ่ง(บทความโดย... ชารีฟ วัยรุ่น​ร้อยล้านฉ

ความสุขแท้จริงมิใช่ว่าเราต้องเป็นที่รู้จักของใคร ๆ หรือต้องเป็นคนดังประหนึ่งดารา การสร้างตัวตนบนโลกนี้ไม่มีค่าเท่ากับการมีตัวตนเพื่อคนอื่น นับวันผู้คนไม่ค่อยจะรู้จักตัวเองกันเสียแล้ว เพราะมัวแต่สร้างภาพให้คนอื่นมารู้จัก หนักเข้าเราก็ลืมตัวเอง ลืมความสุข เพราะทุรนทุรายทุกเวลาเพื่อเรียกร้องความสนใจ หากเราไม่รู้จักตัวเองเราก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระองค์สถิตในตัวเรา ใยต้องแสวงหาจากที่อื่นอีกเล่า

ไม่มีความคิดเห็น: