วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

รู้ทางตน

 

รู้ทางตน

>>>ทุกการเดินทางมักพบสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

ทุกเส้นทางมีความงามข้างทางแฝงเร้นอยู่

ทุกจุดหมายปลายทาง ย่อมมีเส้นทางได้หลากหลายให้ไปถึง<<<

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปลายทางอยู่ที่วังน้ำเขียว การไปที่นั่นมีเส้นทางให้เลือกหลายเส้นทาง ครั้งนี้เลือกที่จะไปทางถนนมิตรภาพ ตัดเข้าเขาใหญ่สู่วังน้ำเขียว เป็นเส้นทางที่คิดว่าน่าจะขับรถได้สะดวกในวันธรรมดา และด้วยความเพลิดเพลินผสมกับการตั้งค่า GPS นำทาง จึงหลุดเส้นทางที่ควรไปจากตรงแยกเข้าเขาใหญ่ พอรู้ตัวอีกกลายเป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน แต่ระบบนำทางก็พาเราไปทะลุที่นั่นที่นี่จนถึงหมุดหมายปลายทาง ในเส้นทางใหม่นี้ถนนหนทางหลายช่วงมีความงามของเส้นโค้งถนน แต่ด้วยว่าขับรถไปคนเดียวจึงมิอาจจะถ่ายภาพบันทึกความงามมาได้ จนเมื่อมาถึงที่พัก มีความคิดหนึ่งมาสะดุดหยุดลงตรงเหตุการณ์ การเดินทางของพระเยซูเจ้าจากกาลิลีสู่เยรูซาเล็ม ครั้นเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจกลับถึงบ้าน หยิบหนังสือเล่มใหญ่ พระเยซูเจ้าในประวัติศาสตร์ ซึ่งคุณพ่อที่เคารพรัก คุณพ่อโกสเต มอบไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน อ่านจบไปนานแล้ว แต่ที่บังเอิญที่คั่นหนังสือคั่นไว้ตรงหน้าที่เกี่ยวกับเรื่อง เส้นทางอันตรายของพระเยซูเจ้าพอดี

ในเดือนนิซาน (Nisan) ของปี 30 ฝนฤดูหนาวค่อย ๆ หยุดลง ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้น ตามเนินเขาของกาลิลี ทำให้กิ่งก้านต้นมะเดื่อแตกยอดอ่อนทุกปี เป็นการเตือนให้พระเยซูทรงระลึกถึงพระอาณาจักรของพระเจ้าที่ใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้โลกเต็มเปี่ยมด้วยชีวิตใหม่ อากาศแจ่มใส ผู้คนต่างเตรียมตัวออกเดินทางจาริกแสวงบุญไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองปัสกา จากกาลิลีไปเยรูซาเล็ม ต้องใช้เวลาเดินทาง 3-4 วัน อาจต้องค้างคืนกลางแจ้งแบบง่าย ๆ มีพระจันทร์รูปครึ่งเสี้ยว และจะเต็มดวงเมื่อถึงวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ที่จะเดินทางร่วมกับบรรดาผู้คนของพระองค์ พระองค์ทรงต้องการเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในฐานะผู้จาริกแสวงบุญโดยมีสานุศิษย์ ทั้งชายและหญิงร่วมเดินทางไปด้วย

แรงบันดาลใจของพระองค์คืออะไร พระองค์ทรงต้องการแค่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับประชากรของพระองค์เพื่อเฉลิมฉลอง ในฐานะผู้จาริกแสวงบุญเหมือนคนอื่น ๆ เท่านั้นหรือ พระองค์เสด็จไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อรอคอยการเผยแสดงอันรุ่งโรจน์ของพระอาณาจักรพระเจ้าหรือ พระองค์ปรารถนา ท้าทายบรรดาผู้แทนศาสนาของอิสราเอล เพื่อกระตุ้นทุกคนให้มีคำตอบที่จะต้อนรับการมาถึงของพระเจ้าเช่นนั้นหรือ พระองค์ทรงต้องการตรัสแก่ประชากร และกระตุ้นพวกเขาให้ฟื้นฟูอิสราเอลขึ้นใหม่เช่นนั้นหรือ เราไม่ทราบอะไรแน่นอน จนถึงเวลานี้พระเยซูเจ้าทรงอุทิศพระองค์เองในการประกาศพระอาณาจักรในหมู่บ้านต่าง ๆ ของกาลิลี แต่พระองค์ทรงเรียกร้องอิสราเอลทั้งมวล เป็นเรื่องปกติที่เมื่อถึงกำหนดเวลา พระองค์จะต้องส่งสารของพระองค์ไปยังเมืองหลวงด้วยเช่นกัน

ทุกการเดินทางมีแรงบันดาลใจ ทุกเส้นทางมีความหวังเสมอ เราโชคดีที่รู้ปลายทาง แต่มิรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง แต่สำหรับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงรู้ว่านี่คือการใช้เส้นทางนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว มีความทุกข์แสนสาหัสคอยอยู่ เป็นเราจะกล้าก้าวเดินต่อไปได้หรือเปล่า ท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับ แต่ภายในระทมทุกข์ยิ่งนักในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ในเส้นทางชีวิตเราเองก็ต้องรู้จักเส้นทางของตน รู้จักที่จะเลือกเดิน และยอมรับในเส้นทางนั้น แม้จะพลัดหลง แม้จะเสียเวลาไปบ้าง  มีจะมีความสุข-ทุกข์ ระหว่างบ้าง ขอให้เส้นทางนั้นเป็นทางธรรม เป็นเส้นทางงามในนามของความดีมีเมตตาเสมอและตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: