อย่าผูกขาด
>>>
อย่าผูกขาดความถูกต้องไว้ด้วยวัยและตำแหน่ง
ถูกผิดอยู่ที่ความเป็นจริง
มิใช่อยูที่ใจใคร
คุณวุฒิควรสอดคล้องกับวัยวุฒิ
อย่าให้ใครกล่าวหาว่าสิ้นเปลืองวันเวลา
<<<
เวลาเดินทางเข้าเดือนสี่อย่างรวดเร็ว
แต่หลายเรื่องราวยังไม่จางหายไปตามกาลเวลา โรคระบาด
โรคระเบิดจากสงครามยังผูกขาดอยู่กับมวลนุษย์อยู่ทุกี่วัน
นั่นก็อาจจะมาจากที่ใจของคนเรามักผูกขาดความคิด ความถูกผิด ความยุติธรรมของแต่ละคนไว้อย่างแน่นหนา
โดยมิได้ใช้จิตวิญญาณพินิจพิเคราะห์ความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
เราก็เป็นเช่นนั้นกันทุกคน ผูกขาดการมองเห็นผู้อื่นเพียงสายตาตัวเอง
เห็นคนอื่นผิดปกติ เห็นคนอื่นผิดเพี้ยน ยึดมั่นความดีงามไว้เพียงผู้เดียว
เอาความยุติธรรมไว้เป็นเกราะห่อหุ้มตัวเองให้ปลอดภัย เรามิได้ก้าวไปด้วยหัวใจที่กว้างใหญ่
เรามิได้นำพาที่จะประคองผู้อื่นไปด้วยเมตตา ใช่หรือไม่ บางทีปกติเราอาจจะไม่ปกติของคนอื่นก็ได้
อย่าริไปผูกขาดสิ่งใดในโลกนี้เลย
ชายคนหนึ่ง
“แซ่ปัง” แห่งรัฐจิ๋น มีลูกชายที่ผิดปกติคนหนึ่ง ตอนเล็ก ๆ เขาก็ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเด็กทารกทั่วไป
แต่เมื่อโตขึ้นหน่อยก็ผิดสังเกต เขาได้ยินเสียงเพลงเป็นเสียงร้องให้
แต่เวลาใครร้องให้ กลับได้ยินเป็นเสียงหัวเราะ! มองเห็นสีขาวเป็นสีดำ
สีดำเป็นสีขาว เรื่องกลิ่นและเรื่องรสก็เหมือนกัน กลิ่นเหม็น เขากลับบอกว่าหอม
รสขม กลับบอกว่าหวาน เรียกว่าประสาทสัมผัสของเขากลับตาละปัตร
ผิดจากสามัญชนธรรมดาไปหมดก็ว่าได้
คนที่เดือดร้อนหนักก็คือพ่อของเขา
ไม่รู้จะทำอย่างไร? จึงมีคนแนะนำว่า “มีคนเก่ง ๆ
หลายคนที่แคว้นลู่
บางทีเขาอาจรักษาลูกชายของท่านได้ ทำไมไม่ไปปรึกษาพวกเขาละ” เขาตกลงใจเดินทางไปเมืองลู่ ในระหว่างทางพบท่าน “เหล่าจื๊อ” เขาจึงได้เล่าให้ เหล่าจื๊อ
ฟังถึงอาการของลูกชายตน และความตั้งใจจะไปเมืองลู่ เพื่อหาคนมารักษา
เหลาจื๊อ
กล่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ลูกชายเจ้าผิดปกติ คนเราทุกวันนี้เข้าใจกันสับสนไปหมด
จนไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรคุณ อะไรโทษ คนเราป่วยเป็นโรคสับสนนี้กันทุกคน
จนไม่รู้ว่าตัวเองนั่นแหละผิดปกติ!” เหลาจื๊อ กล่าวต่อ
“สมมุติว่าคนทั้งโลกเป็นเหมือนลูกชายเจ้า ก็เจ้านั่นเองจะกลายเป็นคนผิดปกติ
จงจำไว้ว่า "ความสุข ความทุกข์ ดนตรี ความงาม กลิ่น รส ถูก ผิด
ไม่มีใครตัดสินยืนยันได้หรอก ข้าเองก็ยังไม่รู้เลย ที่ข้าพูดนี้ผิดปกติด้วยหรึอเปล่า!”
“ปล่อยให้พวกคนผิดปกติแห่งแคว้นลู่ เขาอยู่ตามลำพังเถิด ไม่มีใครแก้ความผิดปกติของคนอื่นได้หรอก
ทางที่ดีเจ้ารีบกลับบ้านเถิด อย่ามัวเสียเวลาเสียเงิน กับเรื่องผิดปกติเหล่านี้เลย
!” (เรื่องโดย :
ประวิทย์ ทรัพย์ทวีนนท์)
ในทุกวันนี้เราต่างก็ทำตัวเป็นคนเก่งทุกคน
แล้วก็ผูกขาดความคิด ผู้ขาดความดีงามเอาไว้เป็นของตนฝ่ายเดียว โดยเล่ห์เหลี่ยม
ด้วยการพูดดี ด้วยการใช้ตำแหน่ง เพียงเพื่อให้มีตัวตนบนโลกใบนี้ ไม่มีใครเก่ง
คนที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองได้ตลอดไป เมื่อกาลเวลาพลัดพลากความแข็งแรงจากร่างกายไป
เราก็ต้องพึ่งพาคนอื่น มีแต่ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้นแหละที่จะนำพาคนอื่นได้ทุกกาลเวลา
แม้ในสายตาคนอื่น ณ เวลานี้อาจจะมองเราไม่ปกติ
แต่สำหรับพระเจ้าพระองค์ปรารถนาให้เราเข้มแข็งทางจิตวิญญาณมากกว่า