วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565

บางอย่างล้างไม่ง่าย

 

บางอย่างล้างไม่ง่าย

>>>ล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้า ล้างตัว วันละหลายรอบ

แต่ล้างใจ รอบหนึ่งใช้เวลากี่วัน

น้ำชะล้างกายได้สะอาด อภัยชำระใจใสสว่าง<<<

            ยังจดจำสมัยเด็ก ๆ ได้ดี ที่ทุกบ้านจะมีที่ล้างเท้าอยู้ตรงบันได เวลาจะขึ้นบ้านต้องถอดรองเท้า ล้างเท้า อาจจะจุ่ม หรือตักน้ำราด ตามที่เจ้าของบ้านจัดเตรียมไว้ให้ หน้าที่หนึ่งในสมัยนั้นคือ ล้างอ่างล้างเท้าทุก ๆ เย็น ใครที่เคยเห็นเคยทำ ก็คงอยู่ในช่วงวัยใกล้เคียงกันที่ยังไม่แก่เท่าไหร่(มั้ง) เมื่อวันเวลาเปลี่ยน บ้านเรือนเปลี่ยนลักษณะไป อย่างมากเราก็แค่มีพรมเช็ดเท้าก่อนเข้าบ้าน จากที่ต้องถอดรองเท้าไว้หน้าบ้าน นอกเรือน (วันนี้เราใส่เข้าไปได้ถึงห้องนอนเลยก็ว่าได้) ทำอย่างนี้จนติดเป็นนิสัย ครั้นเมื่อต้องไปใช้ชีวิตต่างแดน ก่อนเข้าห้องก็ยังถอดรองเท้า จนเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติ บอกว่าไม่ต้องถอดเข้ามาเลย เพราะพื้นห้องมันเย็น เดี๋ยวจะเป็นตะคริวเสียก่อน เรื่องการอาบน้ำเช้าก็เหมือนกัน ทำจนติดเป็นนิสัย ไปเมืองหนาวแค่ไหนก็ต้องอาบหรือบางทีไม่ไหวก็ต้องอาบผ้าชุบน้ำถู ๆ ตัว ถูกถามบ่อย ๆ ว่าไม่หนาวหรือ ? หนาวแทบขาดใจ แต่เสร็จแล้วจะรู้สึกสบายตัวมาก สดชื่นไปทั้งวัน


และเมื่อเกิดการระบาดของเจ้าไวรัสโควิด-19 มีการรณรงค์ให้ล้างมือ เพื่อลดการติดเชื้อ การล้างมือเพื่อขจัดเชื้อโรคจะต้องล้างกันหลายครั้งต่อวัน และการล้างมือแต่ละครั้งก็จะต้องล้างให้ถูกลักษณะตามคำแนะนำของสาธารณสุข เพื่อให้เชื้อโรคที่บริเวณมือหายเกลี้ยง ในทางกายเรามีการชำระล้างที่ถูกวิธี แล้วใจเราล่ะ? เราจะมีวิธีชำระล้างความหม่นหมอง ความโกรธเคือง หรืออารมณ์ขุ่นมัวอื่น ๆ ได้อย่างไรในแต่ละวัน จิตใจของเราปนเปื้อนไปด้วยกิเลสกันทั้งนั้น ตื่นมา ก็ขี้เกียจไปทำงาน เศร้า เห็ยดราม่าในโซเชี่ยล ก็หงุดหงิดไปตามเขา จิตใจเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก แล้วเราจะไม่ล้างออกบ้างเลยหรือ? ขนาดล้างมือเพื่อขจัดเชื้อโรคก็ยังล้างกันวันละหลายรอบ แต่จิตใจของเรา แม้สักรอบเดียว บางครั้งบางวันก็ยังไม่ได้ทำ เพื่อล้างความขุ่นมัวที่เกาะติดจิตอยู่เลย บางครั้งเป็นเดือน เป็นสัปดาห์ก็ไม่เคยล้าง


อาบน้ำยังอาบทุกวัน แต่จิตใจกลับพอกไว้ด้วยความตึงเครียด ความกังวล
ไว้อย่างหนา เราจึงควรล้างใจด้วย ล้างบ่อย ๆ ให้สั้น ๆ ในแต่ละวัน เพื่อให้ใจเราได้อยู่กับตัวเอง ไม่ฟุ้งซ่าน ค่อย ๆ ขจัดอารมณ์ทุกข์ร้อนทั้งหลายทั้งปวงออกไป ไตร่ตรองใจของเราว่าทำไมถึงเครียด ถึงเศร้า ทำไมยังโกรธ ยังแค้นเคือง เพื่อจะได้รู้จักใจตังเอง เพื่อให้ใจได้รู้ว่าตอนนี้กำลังถูกความเศร้าหมอง ความกังวล ความแค้นมาครอบครอง หากเราเองไม่คิดที่จะล้างความทุกข์ที่ทับถมอยู่ออกไป ก็จะจมอยู่กับความทุกข์ตลอดไป เราสามารถที่ล้างใจเราให้สะอาด สลัดความทุกข์ออกปได้ ให้อภัยตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ขัดล้างใจด้วยพระวาจา คราบความทุกข์ที่มีอยู่จะค่อย ๆ สลายหายไปได้

 อย่าไปยึดอะไรไว้ในใจ ทำให้ใจสะอาด คนเราผิดพลาดกันได้ แต่เราก็ต้องให้อภัยตัวเราเองและหาทางใหม่เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอีก หากใจเรามัวจมปลักอยู่กับความคิดเดิม ๆ นั่งโทษตัวเอง ตอกย้ำว่าตัวเราเป็นคนไม่ดี จิตใจเราก็จะขุ่นมัว ล้างหน้าทุกเช้า ก็ควรล้างใจทุกค่ำคืนด้วย ล้างใจด้วยความสงบ หาเวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้จิตใจได้รับการจัดระเบียบบ้าง เพราะบางอย่างในชีวิตมันติดยึดเรามานาน ยากที่จะล้างออกในครั้งเดียว ขัดเกลาบ่อย ๆ ค่อย ๆ ถู ไม่นานเชื้อที่กินใจก็จะตายจากไปไกล แน่ล่ะ มันก็จะมีเชื้อใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ หากแต่เราได้เรียนรู้วิธีขจัดแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวอะไร บางทีเชื้อนั้นมันจะกลายเป็นภูมิให้เราแข็งแรงต่อไปด้วยซ้ำ….

ไม่มีความคิดเห็น: