วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2565

มีความงามทุกเวลา

 

มีความงามทุกเวลา

>>> บางครั้งความปีติก็ทำให้เรายิ้มออกมาได้

แต่ในบางคราวการที่เรายิ้มออกมาก็ทำให้เราเกิดปีติ  ( ติช นัท ฮันต์)

ความสุขเป็นสิ่งประหลาดยิ่ง หาได้ลดน้อยเพราะท่านแบ่งปันแก่ผู้อื่นไม่

บางครั้ง ท่านยิ่งแบ่งปันแก่ผู้อื่นมากขึ้น ความสุขที่ตนเองได้รับก็จะมากยิ่งขึ้น (โกวเล้ง)<<<

แต่ละวันเราจะเกิดความคิดประมาณ 40,000 - 60,000 ความคิด สิ่งที่เราคิดบ่อยที่สุดก็จะเป็นตัวกำหนดชีวิตเรา เราคิดดีความดีก็จะบังเกิดในวิถีประจำวัน แต่ก็นั่นแหละ ในวันที่โลกเราเต็มไปด้วยเรื่องร้าย ๆ มากมายก่ายกอง ใครจะมานั่งคิดดีได้ทั้งวัน ตื่นมาก็เจอโรคร้ายระบาดไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ซ้ำเติมด้วย หมู เห็ด เป็ด ไก่ ไข่ แพง ค่าแรงลด ดูไปแล้วหดหู่ จะยิ้มได้อย่างไร? จะทำให้ชีวิตเบิกบานตลอดทั้งวันได้เช่นไร? จะไม่ให้คิดเรื่องความกลัว ความกังวลได้หรือ!!! ชีวิตจริงวันนี้ เป็นเช่นนี้ ก็ไม่ผิดหรอกที่คิดวิตก แต่สิ่งหนึ่ง คือ เราต้องพยายามอย่าไปจมอยู่ในปัญหา ทั่วโลกต่างก็กำลังประสบพบเจอเหตุการณ์นี้ด้วยกันทั้งนั้น ในร้ายมีดีเสมอ เราจึงต้องหาสิ่งดีนั้นให้พบเจอ ซึ่งมันก็อยู่ในตัวเราเองนั่นแหละ

ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้นึกถึงชีวิตของ “โยเซฟ” ที่ถูกพี่น้องรวมหัวกัน ขายไปเป็นทาสในประเทสอียิปต์ เพราะความอิจฉาที่พ่อ (ยาโคบ) รักมากกว่าคนอื่น แต่โยเซฟกลับซื่อสัตย์ในเส้นทางของตัวเองและเชื่อว่านี่เป็นหนทางที่พระเจ้าเตรียมไว้  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตในคุกต่างแดนตลอด 2 ปี โยเซฟไม่เคยท้อถอย แต่กลับเป็นผู้ให้ชีวิตผู้คนด้วยคำปรึกษา ปลอบโยน และด้วยรอยยิ้ม จนวันหนึ่งเมื่อ “ฟาโรห์” ฝันประหลาด 2 เรื่องควบที่แตกต่างกัน  (ปฐมกาล 37- 41)


ฟาโรห์กลุ้มใจและจริงจังกับความฝันมา แต่ก็ไม่มีโหร หมอดูคนใดจะฟันธงลงไปแก้ความหมายของฝันนั้นได้เลย หัวหน้าพนักงานเชิญถ้วยเสวยเคยเจอโยเซฟในคุก ครั้นเมื่อถูกลงโทษในคดีที่ถูกใส่ร้าย แต่พ้นความผิดมาทำหน้าที่เดิม จึงรีบทูลต่อฟาโรห์ว่ามีคนทำนายฝันได้ ฟาโรห์จึงรีบเรียกตัวโยเซฟมาพบ โยเซฟทำนายความฝันนี้ว่า “7 ปีต่อจากนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์ทั่วแผ่นดินอียิปต์ แต่ 7 ปีหลังจากนั้นจะเกิดการขาดแคลนอาหาร ต้องเตรียมความพร้อม เลือกคนที่ฉลาดคนหนึ่ง ให้เก็บรวบรวมอาหารเพื่อประชาชนจะไม่อดตาย” ท่านฟาโรห์ฟังแล้วเชื่อ จึงให้โยเซฟเป็นผู้รวบรวมอาหารและให้มีอำนาจมากที่สุดต่อจากท่าน

หลังจากนั้นทุกเรื่องราวก็เป็นจริงตามคำทำนายของโยเซฟ ทั่วโลกขาดแคลนอาหาร ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างพากันมาขอซื้ออาหารจากโยเซฟ ทำให้อียิปต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในขณะนั้น แม้กระทั่งบรรดาพี่ชายที่เคยขายโยเซฟ ก็มาขอซื้ออาหารจากอียิปต์ พวกเขาจำโยเซฟไม่ได้ จึงถูกโยเซฟทดสอบหลายอย่าง ก่อนจะเปิดเผยตัว และให้อภัยพี่ ๆ ฟาโรห์จึงให้พาครอบครัวมาอยู่อียิปต์และจัดสรรที่ดินที่ดีที่สุดในครอบครัวโยเซฟ

ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีซ่อนอยู่เสมอ ไม่มีเรื่องบังเอิญในชีวิตจริง ทุกอย่างมีจังหวะเวลาของมัน เป็นไปตามน้ำพระทัยที่เบื้องบนจัดสรรไว้ให้เสมอ ในเวลาทุกข์ยากโยเซฟเลือกที่จะคิดดี เป็นทาสที่ดีที่สุด เป็นนักโทษที่ดีที่สุด รับราชการซื่อสัตย์ที่สุด อดทนและรอคอย เมื่อมีโอกาสก็ทำให้ดีที่สุด แล้วเราล่ะ วันนี้เราต่างก็ตกอยู่ในสภาวะนี้ด้วยกันทั้งนั้น ถูกใส่ร้าย ถูกอิจฉา อิจฉาคนอื่น ติดคุกแห่งความทุกข์ยาก ซึ่งไม่รู้วันกำหนดออกจากคุกนี้ เราจะเลือกทางไหน นั่งจมอยู่ในมุมมืดในคุก หรือจะทำชีวิตให้ดี แม้จะมีขีดจำกัด แม้จะมีขอบเขต เสรีภาพน้อยลง ใจที่ทุกข์มันคือคุกกักขังเรา มาช่วยทำให้โลกมันกว้างขึ้นด้วยตัวของเราแต่ละคน เพียงยิ้มให้กันโลกก็กว้างขึ้นแล้ว รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเราได้ให้ออกไป มิใช่เมื่อเราได้ทุกอย่างมาครอบครอง เห็นความงามในทุกนาที มีความคิดที่ดีต่อโลก ต่อคน ต่อทุกสรรพสิ่ง นี่แหละเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารวมกันได้ เพื่อก้าวไปด้วยกัน โดยไม่ต้องมีขั้นตอน หลักการใด ๆ ให้รกรุงรัง....


ไม่มีความคิดเห็น: