วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ไม่ต้องคิดแทนกันก็ได้

 

ไม่ต้องคิดแทนกันก็ได้

 

<<<เรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องคิดแทนคนอื่น

เพราะบางทีคนที่เราคิดแทน สิ่งเขาทำไปเขาไม่คิดอะไรเลย…>>>>

ในความสัมพันธ์ทางอากาศเรามีเพื่อนมากมาย บางคนคุยกันไม่กี่ครั้ง โทรศัพท์ติดต่อกันไม่กี่หน ระบบอัตโนมัติก็เพิ่มความเป็นเพื่อนให้อยู่ในสังคมอากาศไปเสียแล้ว วันดีคืนดีก็มีการส่งข้อมูลข่าวสาร บางเรื่องที่เราคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับเราเลย  ข้อมูลบางอย่างก็ออกจะเกินความเป็นจริง แต่คน ๆ นั้นเขาเชื่อ แล้วพยายามยัดเยียดความคิดความเชื่อให้เราคล้อยตาม หรือคิดว่าเราคงคิดแบบเดียวกันกับเขาเสียกระมัง แบบนี้ทำไปทำมาก็สร้างความรำคาญ รกรุงรังรบกวนกันเปล่า ๆ บางทีเราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเชื่อและคิดชอบเหมือนเราก็ได้ บทความที่เขียนก็ไม่อยากจะไปใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อชี้นำ ไปคิดแทน แต่พยายามเขียนให้คนอ่านแตกความคิดมากกว่า เรื่องบางเรื่องถูกวันนี้ อาจจะผิดในวันหน้า ในทางกลับกัน เรื่องบางเรื่องที่ทุกคนเห็นชอบ อาจจะเห็นชั่งเห็นชั่วเมื่อกาลเวลาผ่านไป ฉะนั้นแล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำให้คนอื่นมาคิดเหมือนเรา ขอให้เรามอบความรักความเมตตากับคนอื่นอย่างพอเหมาะพอดี เพียงเท่านี้


ความวุ่นวาย ความสับสน ของคนในสังคมก็มาจากสิ่งนี้ ต่างฝ่ายต่างบังคับให้คนอื่นคิดไปในทางเดียวกับเรา พอไม่ได้ดั่งใจก็โกรธ เกลียด เครียด แค้นใส่กัน มันใช่หรือ การเคารพในความต่าง การส่งเสริมในความเป็นของคน ๆ นั้น ต่างหาก ที่เราต้องช่วยกันสร้างให้เกิดขึ้น ลูกไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนพ่อแม่ก็ได้ แต่ลูกต้องแสดงความดีงามของพ่อแม่ต่อทุกคนที่พบผ่าน ครูไม่จำเป็นต้องให้นักเรียนคิดแบบเดียวกัน แต่ส่งเสริมให้เด็กคิดต่อยอดจากความคิดของครูพัฒนาสู่สิ่งที่สูงกว่า หรือกว้างไกลออกไป อย่าขีดวงจำกัดด้วยความคิดของเรา เพราะนี่คือสิ่งอันตรายสุดในสังคมวันนี้

มีกบตัวหนึ่งที่เฝ้าสังเกตการเดินของตะขาบตัวหนึ่งอยู่เสมอ เวลาผ่านไปนานเข้าก็เกิดเป็นความงุนงงสงสัยขึ้นมาในใจ ครุ่นคิดว่า

“ตัวข้าเองมีเพียง 4 ขา ยังเคลื่อนไหวไปมาได้ยากลำบาก แต่ไฉนตะขาบที่มีขานับร้อย จึงเดินได้อย่างปลอดโปร่งเพียงนี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ยามเดินเหิน ตะขาบทราบได้อย่างไร ว่าจะหยุดขาข้างไหน ขยับขาข้างไหน จากนั้น ก้าวขาไหนตามออกไปกันเล่า ?”

กบจึงตัดสินใจออกไปขวางทางเดินของตะขาบเอาไว้จากนั้นเอ่ยถามว่า “ข้าถูกเจ้าทำให้งุนงงสงสัยไปหมดแล้วว่า ในแต่ละวันเจ้าเดินเหินได้อย่างไร ด้วยขาที่มากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้”

ตะขาบตอบว่า “ข้าเดินแบบนี้มาโดยตลอด ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อวันนี้ เจ้าถามขึ้นมา ข้าก็จะขอเวลาคิดดูสักครู่ แล้วค่อยตอบคำถามของเจ้า”


ตะขาบยืนนิ่งอยู่พักใหญ่เพื่อขบคิดว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินอย่างไร จากนั้นเจ้าตะขาบก็พยายามขยับขาโน้นขยับขานี้ แต่ไม่สำเร็จ เพียงลากขาไปข้างหน้าได้ 2-3 ก้าว พอหมดสิ้นหนทาง จึงหมอบลง สุดท้าย ได้แต่กล่าวกับกบขี้สงสัยว่า

“ต่อไปเจ้าโปรดอย่าได้เอ่ยถามข้อสงสัยข้อนี้ของเจ้า ให้ตะขาบตัวอื่นใดได้ฟังอีก ที่ผ่านมา ข้าเพียงเดินไปข้างหน้า ไม่เคยเกิดปัญหา แต่ตอนนี้ เจ้าทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้าไม่สามารถก้าวเดินได้ เพราะข้าไม่รู้ว่าจะขยับขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร ด้วยขากว่าร้อยขาที่มีอยู่นี้” (จากนิทาน เซน)

เรื่องบางเรื่อง ขบคิดมากเกินความกลับมีแต่เพิ่มปัญหา สิ่งที่ควรทำ คือ การใช้ชีวิตประจำวันตามธรรมชาติ ตามที่ควรจะเป็นอย่างพอเหมาะพอควร ไม่ครอบงำ แต่กระทำความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อยให้กลายเป็นต้นต่อความดีงามที่มั่นคงเสมอไป นี่คือ สิ่งที่เราทุกคนควรกระทำที่สุด ณ เวลานี้

ไม่มีความคิดเห็น: