ไม่ต้องคิดแทนกันก็ได้
<<<เรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องคิดแทนคนอื่น
เพราะบางทีคนที่เราคิดแทน
สิ่งเขาทำไปเขาไม่คิดอะไรเลย…>>>>
ในความสัมพันธ์ทางอากาศเรามีเพื่อนมากมาย บางคนคุยกันไม่กี่ครั้ง
โทรศัพท์ติดต่อกันไม่กี่หน ระบบอัตโนมัติก็เพิ่มความเป็นเพื่อนให้อยู่ในสังคมอากาศไปเสียแล้ว
วันดีคืนดีก็มีการส่งข้อมูลข่าวสาร บางเรื่องที่เราคิดว่าไม่จำเป็นสำหรับเราเลย ข้อมูลบางอย่างก็ออกจะเกินความเป็นจริง แต่คน ๆ
นั้นเขาเชื่อ แล้วพยายามยัดเยียดความคิดความเชื่อให้เราคล้อยตาม หรือคิดว่าเราคงคิดแบบเดียวกันกับเขาเสียกระมัง
แบบนี้ทำไปทำมาก็สร้างความรำคาญ รกรุงรังรบกวนกันเปล่า ๆ บางทีเราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเชื่อและคิดชอบเหมือนเราก็ได้
บทความที่เขียนก็ไม่อยากจะไปใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อชี้นำ ไปคิดแทน
แต่พยายามเขียนให้คนอ่านแตกความคิดมากกว่า เรื่องบางเรื่องถูกวันนี้ อาจจะผิดในวันหน้า
ในทางกลับกัน เรื่องบางเรื่องที่ทุกคนเห็นชอบ
อาจจะเห็นชั่งเห็นชั่วเมื่อกาลเวลาผ่านไป ฉะนั้นแล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำให้คนอื่นมาคิดเหมือนเรา
ขอให้เรามอบความรักความเมตตากับคนอื่นอย่างพอเหมาะพอดี เพียงเท่านี้
ความวุ่นวาย ความสับสน ของคนในสังคมก็มาจากสิ่งนี้ ต่างฝ่ายต่างบังคับให้คนอื่นคิดไปในทางเดียวกับเรา พอไม่ได้ดั่งใจก็โกรธ เกลียด เครียด แค้นใส่กัน มันใช่หรือ… การเคารพในความต่าง การส่งเสริมในความเป็นของคน ๆ นั้น ต่างหาก ที่เราต้องช่วยกันสร้างให้เกิดขึ้น ลูกไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนพ่อแม่ก็ได้ แต่ลูกต้องแสดงความดีงามของพ่อแม่ต่อทุกคนที่พบผ่าน ครูไม่จำเป็นต้องให้นักเรียนคิดแบบเดียวกัน แต่ส่งเสริมให้เด็กคิดต่อยอดจากความคิดของครูพัฒนาสู่สิ่งที่สูงกว่า หรือกว้างไกลออกไป อย่าขีดวงจำกัดด้วยความคิดของเรา เพราะนี่คือสิ่งอันตรายสุดในสังคมวันนี้
มีกบตัวหนึ่งที่เฝ้าสังเกตการเดินของตะขาบตัวหนึ่งอยู่เสมอ
เวลาผ่านไปนานเข้าก็เกิดเป็นความงุนงงสงสัยขึ้นมาในใจ ครุ่นคิดว่า
“ตัวข้าเองมีเพียง 4 ขา
ยังเคลื่อนไหวไปมาได้ยากลำบาก แต่ไฉนตะขาบที่มีขานับร้อย
จึงเดินได้อย่างปลอดโปร่งเพียงนี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ยามเดินเหิน ตะขาบทราบได้อย่างไร
ว่าจะหยุดขาข้างไหน ขยับขาข้างไหน จากนั้น ก้าวขาไหนตามออกไปกันเล่า ?”
กบจึงตัดสินใจออกไปขวางทางเดินของตะขาบเอาไว้จากนั้นเอ่ยถามว่า “ข้าถูกเจ้าทำให้งุนงงสงสัยไปหมดแล้วว่า
ในแต่ละวันเจ้าเดินเหินได้อย่างไร ด้วยขาที่มากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้”
ตะขาบตอบว่า “ข้าเดินแบบนี้มาโดยตลอด ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้
แต่ในเมื่อวันนี้ เจ้าถามขึ้นมา ข้าก็จะขอเวลาคิดดูสักครู่ แล้วค่อยตอบคำถามของเจ้า”
ตะขาบยืนนิ่งอยู่พักใหญ่เพื่อขบคิดว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินอย่างไร จากนั้นเจ้าตะขาบก็พยายามขยับขาโน้นขยับขานี้
แต่ไม่สำเร็จ เพียงลากขาไปข้างหน้าได้
2-3 ก้าว พอหมดสิ้นหนทาง จึงหมอบลง สุดท้าย
ได้แต่กล่าวกับกบขี้สงสัยว่า
“ต่อไปเจ้าโปรดอย่าได้เอ่ยถามข้อสงสัยข้อนี้ของเจ้า ให้ตะขาบตัวอื่นใดได้ฟังอีก ที่ผ่านมา
ข้าเพียงเดินไปข้างหน้า ไม่เคยเกิดปัญหา แต่ตอนนี้ เจ้าทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้าไม่สามารถก้าวเดินได้
เพราะข้าไม่รู้ว่าจะขยับขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร ด้วยขากว่าร้อยขาที่มีอยู่นี้” (จากนิทาน เซน)
เรื่องบางเรื่อง ขบคิดมากเกินความกลับมีแต่เพิ่มปัญหา สิ่งที่ควรทำ คือ การใช้ชีวิตประจำวันตามธรรมชาติ
ตามที่ควรจะเป็นอย่างพอเหมาะพอควร ไม่ครอบงำ แต่กระทำความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ
ค่อยให้กลายเป็นต้นต่อความดีงามที่มั่นคงเสมอไป นี่คือ
สิ่งที่เราทุกคนควรกระทำที่สุด ณ
เวลานี้…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น