วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564

ใจกันดาร

 

ใจกันดาร

หากเราพูดถึงความกันดาร เราก็มักจะคิดถึงความแห้งแล้ง ดินแตกระแหง คนที่ผ่านวันเวลามาหลายสิบปีก็มักจะนึกถึงทุ่งกุลาร้องไห้ ในสมัยนั้นไม่มีพื้นดินใดในประเทศจะแห้งแล้งจนกลายเป็นถิ่นกันดารเท่ากับที่นั่นได้เลย มาวันนี้วันที่ความเจริญที่นำไปสู่การพัฒนา ผ่านทางระบบต่าง ๆ ผ่านทางกลไกของภาครัฐ ผ่านทางโครงการน้อยใหญ่ ถิ่นกันดารจึงไม่ค่อยมีให้พบเห็นสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราพบเห็นกันมากยิ่งขึ้น คือ ความกันดารของจิตใจผู้คน ความแห้งแล้งน้ำใจไร้น้ำจิต มีมิตรอาทรต่อกันนั้นหาได้น้อยเท่าเต็มที ใครช่วยอะไรก็มักจะถูกตีตราเป็นราคาค่างวดไปเสียทั้งหมด เพิ่มความไม่ไว้เนื้อเชื้อใจจะกลายเป็นอุปนิสัยสาธารณะ จะช่วยเหลือกันก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ความมีน้ำใจถูกขัดขว้างด้วยมายาคติที่คิดว่าจะถูกหลอกลวง จะกลายเป็นคนโง่ ไม่ทันคน ไม่มีไหวพริบ เราเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นด้วย



การพัฒนาที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาทางกายภาค ทางด้านวัตถุ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกสะดวกสบาย ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกันทำ เพื่อให้คนยากไร้จริง ๆ ได้มีโอกาสพบกับความสบายสะดวกขึ้นมาได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่ลืมที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปด้วย คือ การพัฒนาจิตใจ พัฒนาชีวิตภายในของผู้คน หลายครั้งหลายหน หลายที่หลายทาง ก็มักจะหลุด ๆ ลืม ๆ เรื่องเหล่านี้ ไปให้ความสำคัญเรื่องภายนอก ทำไปทำมากลับกลายเป็นการพัฒนานั้นทำให้เกิดการกันดารขึ้นภายในจิตใจผู้คนอย่างไม่รู้ตัว

ในฐานะปัจเจก เราก็ล้วนมีหน้าที่ในการที่จะพัฒนาถิ่นกันดารในตัวตนของเรา ให้ฟื้นฟูกลับสู่ความเป็นลูกของพระ เป็นคนดี สิ่งหนึ่งที่ต้องมีเสมอ ๆ ในแดนดินถิ่นกันดารแห่งใจเรา คือ ความเมตตา อาทรต่อกัน มองเห็นคุณค่าของทุกคน แน่หล่ะบางครั้งบางเวลา เราก็มักจะหลงลืมไป จิตใจไหลตามกระแสไปบ้าง แต่ต้องรู้จักที่จะกลับตัวกลับใจ เรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุงจิตใจเราให้พยายามเป็นคนดีให้ได้ในทุก ๆ วัน



 หากบางคนทำให้เราเจ็บช้ำ นั่นคือการทำให้เรากลายเป็น คนเข้มแข็ง หากบางครั้งจะถูฏหยามว่าดูโง่บ้าง นั่นมันก็ทำให้เรา ฉลาดขึ้น หากบางเรื่องราวทำให้ล้มลง ก็จงรู้ไว้ว่า  การลุกขึ้นใหม่เราได้เชนะตัวเองและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น หากบางเวลาหลงทางไปบ้าง นั่นเท่ากับว่าเราได้พบกับทางเส้นใหม่ ๆ อย่าปล่อยให้หัวใจกันดาร จิตวิญญาณแห้งแล้ง มาเปลี่ยนแปลงด้วยการมอบความเมตตาให้กับตัวเราเอง และคนรอบข้างเรา ก้าวข้ามทางทุกข์ แบกกางเขนด้วยความยินดี ชีวิตเราจึงจะดูมีค่า และสมกับการเข้าสู่สันติสุขนิรันดร์….

ไม่มีความคิดเห็น: