วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

ใจที่ไม่รกรุงรัง

 

ใจที่ไม่รกรุงรัง

นับว่าเป็นอีกวาระหนึ่งที่วัดของเรามีการเปลี่ยนแปลงผู้นำจิตวิญญาณ ซึ่งในครั้งนี้มีถึง 3 ท่าน โดยมี คุณพ่อสานิจ สถะวีระวงส์ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเซนต์หลุยส์ คุณพ่ออนุสรณ์ แก้วขจร มาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส คุณพ่อมงซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ มาช่วยงานอภิบาลในทุกวันอาทิตย์ สัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ยินดีขอต้อนรับคุณพ่อทั้งสามองค์เข้าสู่รั้วรักแห่งดินแดนสาทร และน้อมรับคำสั่งสอนด้วยหัวใจแห่งศิษย์พระคริสต์ เพื่อทำให้วัดและชุมชนความเชื่อแห่งนี้เป็นวิหารที่แสนจะสวยงามสืบต่อไปในทุกยุคสมัย

................................

มาสู่เรื่องราวที่จะเขียนแบ่งปันในวันนี้ พอดีเป็นช่วงที่ต้องตระเตรียมและเคลื่อนย้ายหลายสิ่งหลายอย่างในบ้าน เห็นชั้นหนังสือที่ดูจะรกไปด้วยหนังสือที่ได้มา ที่ได้อ่านแล้วยังไม่ได้เก็บเข้าที่เข้าทางก็พลอยให้คิดว่าถึงเวลาอีกแล้วที่จะสะสาง ที่จะจัดระบบระเบียบ อะไรที่ไม่ใช้ก็คงต้องรื้อทิ้ง เพื่อความเรียบร้อย พอกล่าวถึงตรงนี้ใจก็ล่องลอยไปถึงบนโต๊ะทำงาน ในห้องนอน ในบางช่วงบางเวลามักมีข้าวของวางไว้เต็มไปหมด คนที่มีระเบียบมักจะขยันจัดให้เข้าที่เข้าทาง คนที่สบาย ๆ ก็มักจะหาเวลาว่างจริง ๆ จึงจะจัดระเบียบ บ่อยครั้งก็ปล่อยไป วางไป ทับกันไปมา คิดว่านี่เป็นส่วนตัว จะจัดเมื่อไรก็ได้!!! หรือบางคนหนักหน่อย ถ้าจัดแล้วอาจจะหาของที่ใช้ประจำไม่เจอ ทำเป็นเหมือนสายไฟตามท้องถนน ที่ใครไปเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง องค์กรหน่วยงานที่รับผิดชอบอาจจะงง เมื่อต้องมาซ่อมบำรุง ทำไปทำมาบ้านรก ห้องรุงรัง ฝุ่นเริ่มหนา เพราะยิ่งของมากฝุ่นก็มีโอกาสจับเขลอะขละ กลายเป็นความสกปรกไป แต่เราก็มักจะเคยชิน เลยมองไม่เห็นฝุ่นเหล่านั้น ยิ่งถ้าต้องอยู่ในสังคมที่ทำงานด้วยกันหลาย ๆ คน หรืออาศัยอยู่ในบ้านกันหลากหลายด้วยแล้ว หากแต่ละคนมีข้าวของมากมาย ก็ยิ่งทำให้สถานที่นั้น ๆ รกหูรกตา ใช่หรือไม่ ของบางอย่างแทบไม่เคยใช้ จะให้ทิ้งก็ดันเสียดายอีก ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ มักชอบสะสมไปเรื่อย ไมกล้าที่จะทิ้ง ไม่เด็ดขาดที่จะตัดใจ


เคยรู้สึกหัวเสียเวลาที่บ้านของเรารกรุงรังจนแทบทนไม่ได้มั้ย คนในบ้านไม่ยอมช่วยกันยอมเก็บของ หรือจานชามที่ไม่มีใครล้างสักที เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะทำให้คน ๆ หนึ่งโมโหจนน๊อตหลุดได้เลย ความรกเกะกะนั้นเป็นหนึ่งเรื่องสำคัญต่อความรู้สึกของเราในด้านต่าง ๆ ความรู้สึกต่อบ้านเราเอง ความรู้สึกต่อที่ ทำงาน และความรู้สึกต่อตัวเอง ความรกรุงรังทำให้เราเกิดความกังวล ท้อแท้ และเครียด นักจิตวิทยา Sherrie Bourg Carter กล่าวไว้ในบทความของ Psychology Today แม้จะมีนักทฤษฎีบางคนกล่าวว่า คนที่โต๊ะทำงานรกรุงรัง มักจะเป็นคนที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า ก็อาจจะมีบ้างบางคนเป็นเช่นนั้น แต่ความเรียบร้อยสวยงามย่อมนำผลความสุขใจมาให้มากกว่า ทำให้เกิดความสงบสันติ



สิ่งที่นำมาขบคิดต่อ คือ ถ้าจิตใจเรารกรุงรังหล่ะ คงจะแย่ไม่น้อย อาจจะรกไปด้วยอคติ อาจจะรกไปด้วยความโลภ ความหลง ความบ้าอำนาจ รกไปด้วยความอวดรู้ อวดเก่ง อยากจะเด่นอยากจะดัง วัน ๆ หาแต่เรื่อง หาแต่สิ่งไร้สาระมาทับถม จนไม่สามารถจะเงยหน้ามาดูมาแลคนรอบข้าง คนเคียงกายเราได้เลย  เช่นนี้แล้วชีวิตนี้จะมีประโยชน์อะไรเล่า??? ชีวิตภายในเราเป็นดั่งวิหาร ที่ต้องช่วยจะดูแลให้ศักดิสิทธิ์เสมอ มิใช่ เต็มไปด้วยของ เต็มไปด้วยกิเลสที่เกะกะ รกไปด้วยบาปความหยาบช้าทั้งหลาย แล้วใครเล่าจะเข้ามาหาเรา แล้วใครเราจะเห็นเราเป็นที่ปลอดภัย เป็นที่พักพิง อย่าปล่อยวิหารในตัวเรารกรุงรัง มาเปลี่ยนความรกที่รุงรังเป็นความรักที่รุ่งเรือง ช่วยกันทำให้จิตใจเราสะอาด ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ ไม่แข่งขันกัน เพื่อเราก้าวข้ามพ้นความทุกข์ยากของวันนี้ไปด้วยกัน เพื่อพวกเราทุกคนจะก้าวสู่มหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมหน้ากัน….

ไม่มีความคิดเห็น: