คริสต์มาส คิดเหมือน ใคร
ถึงแม้จะผ่านไปแบบลุ้นกันจนหยดสุดท้าย
กับการสมโภชพระคริสตสมภพที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราในปีนี้ ท่ามกลางการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19
งานรื่นเริงจึงถูกงด เหลือแต่มิสซา ที่เราผู้รัก นับถือ ศรัทธา ในองค์พระเยซูเจ้ารอคอยมาตลอดปี
มีผู้ที่มาเข้าร่วมจนเต็มจำนวนที่กำหนดตามมาตรการทางสาธารณสุข (บางที่หลายแห่งเหลือเพียงพิธีทางออนไลน์เท่านั้น)
คริสต์มาสปีนี้จึงเป็นการระลึกถึงการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูแบบเงียบ ๆ เรียบ ๆ
ทำให้ย้อนไปในวันนั้น วันแห่งการเริ่มต้นตำนานแห่งรักและการไถ่กู้
ในภารกิจนี้มีหลายคนที่เกี่ยวข้อง
มีหลายคนที่เริ่มต้นในค่ำคืนที่แสนจะเงียบและเรียบง่าย กลับกลายเป็นสิ่งล้ำค่าในกาลต่อมา
ย้อนกลับมามองสำรวจตรวจสอบตัวเรา คริสต์มาสปีนี้ เราได้คิดเหมือนหรือมีอะไรเป็นบทเรียนเพื่อนำมาเป็นเครื่องชี้นำชีวิตเราบ้าง ?
แม่พระ... คนที่สำคัญที่สุดในค่ำคืนนั้น
หญิงสาววัยน่ารัก กำลังมีชีวิตที่สดใส แต่แล้วต้องมาน้อมรับการเป็นแม่คนแบบกระทันกัน
และต้องแบกภาระอันหนักอึ้ง แต่พระนางน้อมรับด้วยความสุภาพ แม้จะมีความกลัวอยู่บ้าง
อาจจะมีคำถามแต่ไม่มากนัก รับฟัง อ่อนน้อมยอมรับเอาความทุกข์ยากเพื่อผู้อื่นหมื่นแสนล้านคนมาแบกรับ
ต้องมากลายเป็นแม่ผู้แกร่งกล้าที่สุด นับจากเหตุการณ์ในค่ำคืนที่เทวดานำข่าวมาแจ้งสาร
ต้องอพยพไปที่นั่นที่นี่ ความเชื่อความศรัทธาเป็นบ่อเกิดแห่งพลังในการต่อสู้ชีวิต
แล้วเราล่ะ
รับฟังภายในกันมากน้อยเพียงใด ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงของความเก่ง ที่แข่งกันเบ่ง
และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ความอ่อนน้อมไม่มี มีแต่หยิ่งที่อยากจะยิ่งใหญ่ ไม่เคยฟังใคร
มีแต่ใคร ๆ ต้องฟังงฉัน ล็อกดาวน์ตัวเองดำเนินชีวิตด้วยเสียงแห่งตนมากกว่าความเป็นคนของพระ
สิ่งนี้ทำให้สังคมเรากำลังบิดเบี้ยว
นักบุญยอแซฟ...
ผู้นิ่ง
สุขุม กล้าหาญ ผู้นำที่ไม่ต้องแสดงความเป็นผู้นำให้คนอื่นเห็น
แต่มีแสงแห่งตนเอง เลือกที่จะทำตามเสียงของพระเจ้า และอยู่เคียงข้างกับคนที่รักเสมอ
ความอดทนเป็นเลิศ มีความรอบรู้และเลี้ยงดูพระเยซู ปูทางด้านงานฝีมือและหมั่นศึกษา
ยอมรับการตัดสินใจของคนรอบตัวอย่างเคารพ คนแบบนี้จะมีสักกี่มากน้อยในวันนี้
เราเห็นคนที่ต้องการเป็นผู้นำมากมายที่พยายามโชว์อำนาจ พยายามทำให้คนอื่นเห็น แม้จะยอมสร้างภาพ ไม่เคยทำอะไรด้วยหัวใจตัวเองบ่งการ คนอื่นจะมาอวดเก่งเกินหน้าไม่ได้ ในยุคที่ทุกคนเก่งแต่ไม่แกร่ง เพราะเราล้วนกลัวแม้กระทั่งไวรัสตัวเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น แล้วเราต้องการจะที่จะยิ่งใหญ่ไปเพื่ออะไรเล่า??
คนเลี้ยงสัตว์... คนเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตของตัวเอง
แต่มีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ แม้จะนอนกลางทราย กายไม่สะอาด ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่โด่งดัง
ซื่อ ๆ เห็นอะไรก็เชื่อแบบนั้น เมื่อรู้ว่ามีเด็กน้อยเกิดมาแถวนี้
ก็ขอไปแสดงความยินดี ไปร่วมชื่นชม ให้กำลังใจพ่อแม่มือใหม่ เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทุกข์ยาก
ไออุ่นจากพวกเขา คือ ความอบอุ่นที่แสนจะบริสุทธิ์
น้ำใจ
คือ สิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่เรามักจะไม่ค่อยมีให้ใครสักเท่าไหร่
เรามักคิดถึงแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่คนอื่น
กระแสสังคมมอบความเป็นคนแบบนี้มาให้เรา จนกลายเป็นอุปนิสัยสาธารณะไปแล้ว
คนยุคเราเรื่องน้ำใจ เรื่องชื่นชมคนอื่นหาน้อยเต็มที มีแต่ชอบวิจารณ์คนอื่น เราไม่ค่อยยินดีแม้กับคนรอบตัว
หากเรามีความซื่อ ๆ คิดเหมือนคนเลี้ยงบ้าง สังคมจะอุดมด้วยความงามมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
พญาสามองค์... ผู้แสวงหาความจริงจากต่างถิ่น
แม้จะมีอำนาจบารมีในตัวเองอยู่แล้ว แต่กลับรู้สึกว่าต้องเคารพต่อผู้ที่จะนำพาความสงบร่มเย็นมาให้กับผู้คน
ยอมเสียสละสิ่งที่มีค่า มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละความพยายาม
จวบจนได้เจอได้พบ ยอมรับในความคิดของคนต่างถิ่น เพื่อหล่อมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ในวันนี้จะเราจะมีน้ำอดน้ำทนสักเพียงใดในการเฝ้ารอคอย
ไม่ได้ดังใจก็บ่นก็เบื่อ ก็ตะโกนเรียกร้อง ความจริงสิ่งเดียวในชีวิต คือ ทุกคนต้องทำตามใจฉันเท่านั้น
เราไม่เคยออกจากตัวตนเพื่อแสวงหาสัจจะ แต่เราต้องการแสดงออกเพื่อให้ทุกคนคิดแบบเรา
เอาเข้าจริง...เราเคยพบความสุขบนทางแบบนี้หรือไม่? เราเคยได้เห็นความงามยามที่เราต้องการหรือเปล่า?
เราปรารถนาดีต่อคนรอบข้างมากน้อยเพียงใด? คริสต์มาสปีนี้ผ่านไปอีกครั้ง
แต่อย่าให้ผ่านไปแบบไร้ความหมาย ในค่ำคืนอันเงียบสงบย่อมสยบความวุ่นวาย
ความหยิ่ง ความเห็นแก่ตัวลงได้ นิ่ง ๆ ยิ่งสงบ หยิ่ง ๆ ยิ่งสับสน
แล้วเราคิดจะเป็นเหมือนใครบ้างมั๊ยในค่ำคืนนี้..???