วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ศรัทธาออนไลน์


ศรัทธาออนไลน์
แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายดีขึ้นเรื่อย ๆ มาเป็นระยะ ๆ จวบจนเกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติ แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไปจากเดิม ถึงแม้ว่าในหลายสถานที่หลายแห่งเริ่มเปิดใช้ เปิดบริการ ผู้คนก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การติดเชื้อ การใช้หน้ากากอนามัยปิดปาก กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด ในระยะแรก ๆ หน้ากากอนามัยกลายเป็นของหายาก จนเกิดการเกร็งกำไร เกิดการทุจริตด้วยการกักเก็บ มาถึงวันนี้มีใช้กันคนละหลายอัน บางคนมีติดตัว ติดกระเป๋า ใส่ไว้ในรถ ในที่ทำงาน เรียกว่าจะออกไปไหนพร้อมมีใช้ เพราะหากไม่พร้อม อาจจะไม่ได้เข้าไปในสถานที่ที่หมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านรวง ห้างสรรพสินค้า ตลาด ธนาคาร สถานที่ติดต่อทั้งเอกชนและราชการ โรงพยาบาล รวมถึงวัดด้วย

แล้วเวลาเราใส่หน้ากากอนามัยเราสัมผัสถึงอะไรบ้าง? เราเหมือนถูกทำให้พูดน้อยลง บางครั้งพูดเยอะไปก็เริ่มรู้สึกถึงมลพิษที่ออกจากปากเรา เงียบ ๆ ลงบ้าง ลมหายใจสดชื่นขึ้นเยอะ ใช่..เรื่องปากเป็นที่เรื่องสำคัญ เรารับประทานก็ทางปาก เราพูดคุยสื่อสารก็ด้วยปากที่เปล่งคำพูดออกมา และเมื่อโควิด-19 มาเยือนปากของเราก็ถูกลดบทบาทลง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทำให้ผู้คนพูดในสิ่งที่จำเป็น ๆ อะไรที่เคยหลุดรอดออกจากปาก ก็ต้องระงับยับยั้ง พอเราพูดกันน้อยลง แต่ต้องพูดให้รู้เรื่อง ก็เกิดการตั้งใจฟังกันมากขึ้น ประสาทรับรู้ต้องสัมพันธ์กัน และเรียนรู้ที่จะอยู่ให้เป็นในสังคมแบบใหม่ ที่พูดให้น้อย แต่ต้องสื่อสารให้ได้มากขึ้น หลายคนอาจจะเกิดอาการอึดอัด ยังดีที่โลกเรามีระบบออนไลน์ สังคมโซเชี่ยลไว้รองรับ ทำให้เกิดการบ่น การระบายผ่านทางโลกออนไลน์มากขึ้น โลกเสมือนจริงบางครั้งก็สร้างเรื่องให้จริงจังเกินไป เพียงแต่คิดเล่น ๆ ว่า หากมีวันใดวันหนึ่ง โลกเราจำกัดการพูดกันแบบตัวต่อตัวลง ถูกกำหนดการสื่อสารออนไลน์ให้น้อยลง เราจะอยู่กันอย่างไร? ในขณะที่เราเห็นด้านไม่ดีงามเกิดขึ้น ด้านที่งดงามก็มีมากมายทีเดียว โลกนี้มีหลายมิติเสมอ


ปราชญ์กล่าวว่า “ทำแต่น้อย สุขสงบ” ไม่เป็นการดีกว่าหรือ ถ้าจะทำเฉพาะสิ่งที่จำเป็น อยู่สอดคล้องกับคลองธรรมที่กำกับไว้ เช่นนี้ มิใช่แค่สงบเพราะทำสิ่งที่ควร แต่จากการทำไม่กี่สิ่งเช่นกัน ส่วนใหญ่คำพูดและการกระทำของเราไม่จำเป็น กำจัดเสีย เวลาจะมีมากขึ้น ความขุ่นข้องจะลดลง ฉะนี้ ทุกครา จงเตือนตนว่า นี่เกินความจำเป็นหรือไม่ (หนังสือ Meditations)
ในช่วงที่ผ่านมาโลกต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่าง บางคนก็รู้สึกอัดอัด หลายคนปรับตัวได้เราก็ใช้เครื่องมือสื่อสารให้เป็นประโยชน์ ติดต่อเชื่อมความสัมพันธ์ผ่านทางโครงข่ายแทน แม้กระทั่งเรื่องความศรัทธา ถึงแม้ว่าวัดวาจะถูกให้ปิดเพื่อป้องกันโรค โลกออนไลน์ก็ทำให้เกิดความศรัทธาที่ส่งผ่านออกไปไกลสุดโลก มิสซาออนไลน์กลายเป็นการสร้างแรงศรัทธาเกิดขึ้นอย่างมหาศาล แน่นอนเรื่องการร่วมพิธีกรรมในวัดแบบตัวเป็น ๆ คือสิ่งสำคัญและจำเป็นยิ่งนัก แต่เมื่อสถานการณ์บังคับย่อมมีข้อยกเว้น และรอยต่อตรงนี้ เรากลับได้เห็นความงามที่บังเกิดขึ้น หลายคนได้รับฟังพระวาจาที่ช่วยให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง หลายคนได้รับความสงบใจ ความชุ่มชื่นใจในความศรัทธาสาธารณะแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน หลายคนเข้าร่วมมิสซาวันละหลายรอบ ร่วมสวดภาวนาวันละหลายครั้ง บางคนจากที่ไม่เคยคิดจะใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ที่เห็นเด็ก ๆ ก้มหน้าก้มตาถู ๆ ไถ ๆ มาวันนี้ต้องใช้เพื่อพระก็ทำได้ ในขณะที่ร่วมออนไลน์ในพิธีกรรมหลายคนก็อยากมีส่วนร่วม ตอบรับบ้าง อาจจะงง ๆ ว่าทำไมคำที่ตอบรับขึ้นช้า มิสซาเลยไปเยอะแล้ว และที่เป็นข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ การกดไลค์  กดหัวใจ แม้กระทั่งกดห่วงใยมีให้เห็นมากมาย แต่ที่รู้สึกแปลกสักหน่อย มีคนกดโกรธให้ด้วย เคยคิดว่าทำไมต้องโกรธกันในระหว่างมิสซา ก็คิดในแง่ดีเสียว่า อาจจะเกิดการกดผิด หรือเข้าใจสัญลักษณ์ผิดไป เลยกดส่งมา ไม่ได้โกรธจริง ๆ
ลูกเล่นใหม่ Facebook ที่ไม่ใช่แค่กด Like | NIPA Ads

จะอย่างไรก็แล้วแต่ การร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวของเราคริสตชนในท่ามกลางวิกฤตครั้งนี้ ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ยิ่งห่างยิ่งห่วง ทำให้เราเข้าใจและสื่อสารกันในสิ่งสำคัญกันมากขึ้น มีเวลาไตร่ตรองคัดกรองความดีงามกันมากขึ้น และการใช้ปากเพื่อให้เกิดความดีงามมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความศรัทธาไม่ได้มาจากปากเปล่งแต่มาจากหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงรักต่างหาก แม้ว่าเราจะไม่ได้รับพระกายพระคริสตเจ้าผ่านทางปาก ที่บ่อยครั้งก็ไม่ได้สะอาดเพียงพอสำหรับพระองค์ เราต่างรับพระคริสต์ด้วแรงใจที่ปรารถนา และส่งผ่านออกมาด้วยความรัก เพื่อมอบให้กับทุกคน ช่วงเวลาเช่นนี้อาจจะเป็นช่วงที่ทำให้พระวรกายของคริสต์มีประสิทธิภาพมากที่สุดในตัวเรา และจะนำมาซึ่งสันติสุขของเราทุก ๆ คน ในวันข้างหน้า...

ไม่มีความคิดเห็น: