วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

กลั่นน้ำใจปันน้ำจิต


กลั่นน้ำใจปันน้ำจิต
หลังจากการปิดเมืองปิดประเทศค่อนโลกจากสถานการณ์โรคร้ายโควิด-19 ทำให้เกิดภาวะที่หลายคนไม่เคยคิดเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน จากเคยหาเช้ากินค่ำ ตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรจะกิน เริ่มเกิดความทุกข์จากการขาดแคลนปัจจัยอาหาร เราอาจจะคุ้นชินกับการที่ต้องทำงานแลกเงิน หลงลืมวิถีชีวิตแบบโบราณกาล ที่ใครมีอะไรก็มาแบ่งมาแลกกันกิน สังคมที่เอื้ออาทรห่างหายจนกลายเป็นตำนานในตำราไปเสียนานแล้ว ในความทุกข์ยากลำบาก ท่ามกลางความเลวร้าย ก็มักจะเกิดสิ่งดีงามตามมาเสมอ ในวันนี้เราเริ่มเห็นคนไทยในหลายภาคส่วนไม่ได้นิ่งดูดาย ไม่ได้เก็บตัวเงียบ ๆ แบบตัวใครตัวมัน เห็นหลายคนที่เคยมี เคยร่ำรวย เริ่มนำเอาสิ่งจำเป็นออกมาแจกจ่าย เริ่มมีการนำอาหารหยูกยา เครื่องอำนวยความสะดวก ที่พอจะใช้ประทังชีวิตยามวิกฤติ ออกมาให้คนที่ยากไร้ เหมือนกับว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องแบ่งปันทรัพยากรให้กัน เพราะทุกสิ่งบนโลกเป็นของทุกคน
หลายคนแม้ไม่มีกำลังเงิน กำลังทรัพย์เพียงพอ ก็รับเป็นอาสาสมัครออกมาทำประโยชน์เพื่อสังคม ทำสิ่งเล็ก ๆ ในมุมเงียบ ๆ ใช่หรือไม่ บางทีเราเองก็สามารถที่จะช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตต่อไปได้ในวันข้างหน้า สิ่งไหนเราทำเพื่อช่วยลด ช่วยเหลือคนอื่นได้ เราก็ควรจะทำ อย่าใช้เวลาที่ว่าง ๆ ให้สูญเปล่าไปกับการนั่งวิจารณ์ ไปกับการบ่นว่าชะตาฟ้าดิน อย่าเพียงแต่นั่งรอขอวิงวอนสวรรค์ บางทีการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องได้เงินก็มีความสุขใจ หาไม่แล้ว หลังจากผ่านโควิดชีวิตเราจะกลับสู่มุมเดิม แต่โลกและสังคมจะเปลี่ยนไปเป็นมุมใหม่ แล้วเราจะอยู่กันกับผู้อื่นได้หรือ? เราสร้างวิถีของเราในวันนี้ได้ด้วยน้ำใจ มีตัวอย่างเล็ก ๆ ของคนที่เราก็ไม่คาดคิดว่าจะออกมาทำอะไรให้ใครได้ในช่วงยามนี้ เพื่อย้ำว่าเราทุกคนมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น
ในห้วงยามแห่งวิบัติภัยโควิด ขณะที่คนจำนวนหนึ่งบ่น ด่า สร้างภาพ และฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ส่วนตน คนอีกจำนวนหนึ่งเสียสละตนเอง และกระทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
ทหารผ่านศึกวัยใกล้ร้อยระดมเงินบริจาคมหาศาลช่วยอังกฤษต่อสู้โควิด-19 ...
  
ร้อยเอกทอม มัวร์ แห่งประเทศอังกฤษเป็นหนึ่งในแนวหลัง เขาเป็นนายทหารเกษียณแล้ว ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาเริ่มต้นโครงการขอรับเงินบริจาคเพื่อหาทุนเข้าโรงพยาบาล แลกกับการเดินรอบสวนของเขาหนึ่งร้อยรอบ ตั้งเป้าเงินบริจาคแค่หนึ่งพันปอนด์ นี่ย่อมเป็นงานที่ง่ายดายสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับร้อยเอกทอมผู้เพิ่งผ่านการรักษามะเร็งและเปลี่ยนกระดูกสะโพกไม่ใช่เรื่องง่ายและยิ่งยากขึ้นไปอีก 99 เท่า เนื่องจากเขามีอายุ 99 ปีแล้ว
แล้วเขาก็เริ่มต้นเดิน ใช้เวลาหลายวัน ด้วยหน้าอกที่ประดับเหรียญแห่งสงคราม เขาเริ่มต้นโดยใช้ไม้เท้าช่วย เดินลากเท้าไปเรื่อย ๆ อย่างอดทน ผ่านไปอีกหลายวันก็ต้องใช้เก้าอี้ล้อเลื่อนช่วยประคอง
ข่าวทหารผ่านศึกชราเดินกระย่องกระแย่งเพื่อช่วยคนป่วยโควิดกระจายไปทั่วประเทศ คนหลายแสนคนส่งเงินบริจาคสมทบ เงินบริจาคไต่สูงถึง 15 ล้านปอนด์ แต่ที่สำคัญกว่าเงินคือ มันแตะและเชื่อมหัวใจผู้คน เมื่อเดินครบรอบที่หนึ่งร้อย เหล่าทหารแห่ง 1st Battalion Yorkshire Regiment ก็ทำความเคารพทหารชราอย่างสูงสุด

 A 99-year-old veteran raises around $15 million for healthcare ...

หลังการเดินจบสิ้น เขากล่าวว่า “ถึงประชาชนที่กำลังรู้สึกยากลำบากอยู่ ณ ขณะนี้ ตะวันจะขึ้นอีกครั้ง และเมฆดำจะหายไป” ทันใดนั้นทหารผ่านศึกชราก็รวมใจคนในประเทศที่กำลังแตกสลายเพราะโควิด-19 เข้าด้วยกันอีกครั้ง
ในสงครามรักษาชาติ เขาร่วมรบในแนวหน้าโดยไม่อิดออด ในสงครามต่อกรกับเชื้อโรค เขาร่วมรบในแนวหลังโดยไม่ลังเล สร้างกำลังใจให้ผู้คน เพราะสำหรับคนรักชาติที่แท้จริง การรักษาส่วนรวมเป็นหน้าที่อันเต็มใจ (จากเพจ วินทร์ เลียววาริณ)
หยาดหยดน้ำใจสำคัญกว่าน้ำลายในห้วงยามนี้ เราถูกให้หยุดพูดด้วยหน้ากากอนามัยปิดกั้น แต่มิมีสิ่งใดจะปิดกั้นน้ำใจได้เลย นอกจากอคติ ลดมันลง เริ่มปลดปล่อยความเป็นตัวตนลง และมาคิดดูว่า ในวันนี้เราทำอะไรเพื่อบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์นี้ได้หรือไม่ มีสิ่งดีงามเกิดขึ้นในหัวใจเราแล้วบ้างหรือเปล่า วิกฤตโควิดนำพาชีวิตเราให้ดีขึ้น คิดถึงผู้อื่นมากน้อยเพียงใด เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆช่วยเหลือดูแลคนรอบข้าง คนในครอบครัว ให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี เติมรอยยิ้มเพิ่มความสุขให้กันวันละนิดวันละหน่อย อย่าปล่อยให้ระยะห่างมาพรากจิตสนิทมิตรภาพจากไป แล้ววันเวลาเหล่านี้จะผ่านไปอย่างมีคุณค่าและช่างน่าจดจำ หยาดหยดน้ำใจสร้างโลกวันใหม่ให้สดใสได้เสมอ มันผุดขึ้นมาจากมุมเดิม ๆ ของเรานั่นแหละ มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยน้ำใจด้วยกัน...

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563

งด แล้วจึง งาม


งด แล้วจึง งาม
ภาษาไทยเป็นภาษาที่สวยงามเราสามารถเล่นคำให้มีความหมายซ่อนเร้นได้เสมอ เช่น คำว่า “ทุกข์ยาก” ถ้าแยกกันก็เป็นว่า ทุกข์ กับ ยาก คือกว่าจะมีความทุกข์นั้นยากมาก สอนให้เรารู้ว่า เราทุกคนจะประสบความทุกข์ หาใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ ในชีวิตเราล้วนมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น ในขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมรับความผันผวนไว้ด้วย ถ้าใครตั้งรับดี มีสติ รอยคอบ ย่อมเกิดความทุกข์ยากจริง ๆ ความลำบากนั้นอาจจะมีด้วยกันทุกคนไม่มากก็น้อย แต่จะนำไปสู่ความทุกข์อันใหญ่ยิ่งจนแก้ไขไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับการตระเตรียมตัวของเรานั่นเอง มาถึงคำที่จะพูดถึงในครั้งนี้บ้าง คำว่า “งดงาม” ถ้าเราแยกออกก็จะได้ “งด” คือหนักไปทางที่จะไม่ทำ ไม่ให้เกิด ไม่ให้มี “งาม” ก็คือมากกว่าความสวย และเมื่อนำสองคำนี้มาติดกัน ไม่ได้แปลว่า ไม่งามไม่สวย ไม่ให้เกิดไม่ให้มีความสวยความงาม แต่เป็นยกระดับความสวยให้สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ธรรมชาติฟื้นตัว-ธารน้ำใจฟื้นคืน เรื่องดีๆ หลังพายุ “โควิด-19” โหม ...
มานั่งตีความหมายด้วยการแยกคำจึงเกิดข้อคิดขึ้นมา เราต้องงดบางเรื่องก่อนความงามจึงจะบังเกิดขึ้น ในภาวะวิกฤติโรคระบาดรุมเร้าล้อมโลกเช่นนี้ หลายกิจกรรมถูกระงับถูกสั่งให้งดไปครึ่งค่อนโลก ในประเทศของเราได้ออกคำสั่งให้งดในหลายเรื่อง แม้แต่เรื่องประเพณีเก่าก่อน ในงานมหาสงกรานต์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกว่าไม่มีการฉลอง ไม่มีการละเล่น สาดสรงน้ำอย่างที่เป็นมา งดการเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นปกติในช่วงเวลานี้เราก็จะเห็นการเก็บสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนน จำนวนผู้เสียชีวิต ในแต่ละปีเราสูญเสียในช่วงเทศกาลนี้เป็นจำนวนหลายร้อย แต่ปีนี้เรามีผู้เสียชีวิตไปกับโรคโควิด-19วันละคนสองคนเท่านั้น ซึ่งเป็นปีแรกที่เดือนนี้เราสูญเสียชีวิตคนน้อยกว่าทุกปี ทำให้เราไม่ต้องมานั่งเศร้าโศกและลุ้นระทึกกับการเดินทางไปกลับ แม้จะเป็นเพียงความงามที่เกิดขึ้นเล็ก ๆ แต่เราก็รักษาไว้ซึ่งประชากรคนไทยได้อีกหลายร้อยคน
เราจำต้องงดการออกไปนอกบ้านเพื่อทำมาหากิน อยู่กับบ้านหยุดเชื้อ เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายของโรค เราต้องงดการพูดคุยกระซิบกระซาบ เราต้องงดการอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้อื่น กิจกรรมทางสังคมถูกปรับเปลี่ยน เราพบปะกันทางออนไลน์มากขึ้น มีเวลาจำกัด ไม่ต้องนั่งเมาท์มอยให้เสียเวลา เรามีเวลาใกล้ชิดกับลูกหลานมากขึ้น หลายคนอาจจะไม่ชินกับความวุ่นวายที่แฝงมากับความน่ารัก ความซนและสร้างสรรค์ของบรรดาเด็ก ๆ ในบ้าน ความสุขจากการเห็นพัฒนาการของลูกหลานนำความสำราญมาให้คนในบ้านอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน เรารู้สึกว่ามีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนมากขึ้น มีเวลานั่งระเมียดกับการดื่มกาแฟยามเช้า มีเวลาหยิบหนังสือ มีเวลานั่งฟังบทเพลงอันไพเราะ มิใช่บทเพลงที่อยู่ท่ามกลางความเครียดบนท้องถนน เราได้มีเวลาที่จะฟื้นฝีมือในการทำอาหาร จากที่เคยทำเป็นแต่ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ดาว ก็เริ่มทำเมนูไข่หลากหลายมากขึ้น มีเวลานั่งดูรูปภาพเก่าก่อนย้อนรำลึกความทรงจำ หยิบขึ้นมาถ่ายและโพสต์แท็กเพื่อนให้มาทบทวนความทรงจำด้วยกันในภาพใบนั้น ซึ่งหลายเรื่องราวจางหายไปถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ให้ความสดใสกลับคืน ความงามเริ่มค่อย ๆ ปรากฎบนใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ความงามจากวันวาน ความงามจากความสบายกาย ความงามจากความใกล้ชิด แม้จะงดออกไปข้างนอก แต่ความงามเริ่มงอกจากสิ่งที่เป็นอยู่ 


จากที่เราต้องไปวัดร่วมมิสซาทุกอาทิตย์ก็จำต้องถูกงดไปด้วยโดยปริยาย แต่ด้วยว่าเทคโนโลยีเอื้ออำนวยกว่าสมัยก่อนมาก เราจึงมีการร่วมพิธีออนไลน์สายตรงถึงบ้านถึงห้องนอนกันเลยทีเดียว จากที่เราเคยร่วมมิสซาวันอาทิตย์ซึ่งมาทันบ้างไม่ทันบ้างแล้วแต่การจราจร มิต้องพูดถึงมิสซาวันธรรมดาที่ไม่มีเวลาที่จะเดินทางมาที่วัดเลย ยามนี้วันนี้ท่ามกลางการระบาดไวรัส เราจะเกิดไวรัล การร่วมพิธีมิสซาอย่างที่ปกติไม่เคยมีมาก่อน เช่น วัดเซนต์หลุยส์มิสซาวันธรรมดาเช้าเย็น มีคนมาร่วมอยู่ที่ไม่กี่สิบคน แต่เมื่อมีการออนไลน์ทุกวันมีคนร่วมฟังหลายร้อยคน มิสซาวันอาทิตย์ปกติอยู่ที่สองสามร้อยคน แต่วันนี้ในระบบออนไลน์แต่ละรอบต่ำสุดก็เกือบห้าร้อยคน สูงสุดพันคน ยิ่งในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์มีคนร่วมพิธีแบบสด ๆ ทุกวันวันละพันห้าถึงพันแปดร้อยคน และถ้านับการดูย้อนหลังการแชร์ และคูณด้วยคนร่วมแต่ละครอบครัว อาจจะหนึ่งเครื่องต่อหลายคน ใช่หรือไม่ นี่เป็นความงามทางจิตวิญญาณอย่างยิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เราถูกงดไม่ให้มาวัดจึงเริ่มโหยหาพระ จากที่เราเคยมาหาพระตอนไหนก็ได้แต่เรามิค่อยเคยมาหา ในวันนี้เราต่างโหยหาเรียกร้องหาพระเจ้า หันกลับมาพึ่งพระองค์ เพื่อฟื้นคืนความงดงามให้กับจิตใจของพวกเรา
ในช่วงที่ผ่านมาโลกและธรรมชาติถูกใช้เพื่อการพัฒนาอย่างหนักหน่วง การผลิต อุตสาหกรรม การปล่อยควันพิษให้ไปสถิตในชั้นบรรยากาศบดบังแสงสว่าง โลกจึงดูมืดมน จนกระทั่งวันนี้ที่การพัฒนาด้วยเครื่องยนต์กลไกถูกงดระงับ ไม่ให้เดินเครื่อง ความใสสว่างของโลกเริ่มปรากฎ ใช่หรือไม่ชีวิตเราบางครั้งก็เป็นเช่นนั้นเราเดินหน้ากันอย่างรีบเร่ง รวดเร็ว ต่างทำลายธรรมชาติ ก่อมลพิษมลภัยมากมาย ชีวิตมีแต่ความมืดมน เดินไปไร้เป้าหมาย กระวนกระวายกันทุกวัน ความเห็นแก่ตัวก็ถูกผลิตออกมาเป็นดั่งเครื่องใช้เพื่อชัยชนะแบบไร้จุดหมาย วันนี้เราพบแล้วว่าแท้จริง “ความงาม” ของชีวิตจะเกิดขึ้น เราต้อง “งด” ตัวตนลง วันนี้เราต้องช่วยกันเพื่อฟื้นโลกให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอันใด เรากำลังร่วมมือกันทำอยู่และทำต่อไป เพื่อที่เราจะกลับมาร่วมกันในชุมชนแห่งความเชื่อเดียวกันนี้ในอีกครั้ง....

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

ถึงที่สุดก็ต้องเริ่มต้น


ถึงที่สุดก็ต้องเริ่มต้น
ไวรัสโควิด-19 ยังคงทำให้โลกใบนี้ต้องตกอยู่ในวิกฤตต่อไปอย่างที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงจุดสิ้นสุด? มาตรการเดียวที่ถือว่าใช้ได้ผล คือ การให้ทุกคนอยู่ในบ้าน ไม่ออกมาพบปะสังสรรค์กันเหมือนเคย ไม่ต้องออกมาดิ้นรนค้นหาเงินทอง ไม่มีการแข่งขัน กีฬาทุกชนิดต้องหยุดลงอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าสังคมมนุนุษย์ถูกปรับให้นิ่งลง หลายคนไม่ชิน หลายคนไม่เคย จึงเริ่มบ่นเริ่มกระวนกระวาย อยากจะมีชีวิตที่เหมือนเดิม ทำอะไรก็ได้ ติดต่อพบปะผู้คน ในช่วงเวลาหนึ่งเราต่างก็เรียกร้องให้มีวันหยุดยาว ๆ อยากจะมีชีวิตอิสระไม่ขึ้นกับเงินกับงาน อยากจะนอนนิ่ง ๆ นั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟ ภาพความฝันเหล่านี้เป็นจริง แต่พอเอาเข้าจริง เรากลับรู้สึกว่า ทำไมมันน่าเบื่อเช่นนี้ เจ้าไวรัสน้อยคงบอกว่า เรากำลังทำให้พวกมนุษย์ได้รับบทเรียน และต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในหลาย ๆ เรื่อง อย่าเอาแต่ตัวเอง เอาฝันของตัวเองเป็นที่ตั้งมากไปนัก
Stay at home awareness social media campaign and Vector Image
ดูเหมือนว่าเราต่างได้รับบทเรียนกันทั่วหน้า อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เรามีวินัยในการรักษาความสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม มีวินัยที่จะใช้จ่ายอย่างรอบคอบ จากแต่ก่อนใช้จ่ายเพื่อของที่ต้องมี มาตอนนี้ต้องคิดแล้วคิดอีกของที่มีนั้นต้องจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้สอยและการดำรงชีวิต พูดถึงเรื่องความมีวินัย ประเทศไหนที่ประชากรที่มีวินัย มีการประพฤติปฎิบัติตนเพื่อส่วนรวม มักจะได้รับผลน้อย หรือเมื่อเกิดการระบาดก็สามารถระงับยับยั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างกับประเทศที่มีเสรี ต่างคิดต่างคน ต่างไม่สนใจฟังใคร ข้าจะไปของข้าแบบนี้ เมื่อเกิดการระบาดจึงควบคุมได้ยากตามภูมิความอวดเก่งของคนในสังคมนั้น ๆ
การเกิดสงครามโรคระบาดในครั้งนี้ เราสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น แต่ในความสูญเสียเรากลับได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีงามในหลาย ๆ ด้าน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนไปในทุกมิติ หลายครั้งเคยเขียน เคยกล่าวไว้ว่า “โลกจะเปลี่ยนแปลงโดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันเปลี่ยนไป” นี่กระมัง!!! ที่มาทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แท้จริง...หลายสิ่งที่มีมาแล้วนั้นก็เพื่อรองรับโรคอุบัติใหม่ในครั้งนี้ เรามีเครื่องสื่อสารสมัยใหม่ ที่ทำให้เราอยู่กับที่แต่ก็ยังสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องไปรวมกลุ่มกันมากนัก บางทียิ่งเราไปรวมกลุ่มทำงานด้วยกันก็มักจะก่อให้เกิดความเครียด มีความกดดัน ต้องแข่งขันเอาเป็นเอาตาย ปัดแข้งปัดขากัน เมื่อต่างกันต่างทำงานในที่ ๆ ของตน ย่อมลดความกดดันลงไปได้ งานเสร็จก็นัดมาเจอ มาพบมาสังสรรค์กันเป็นบางเวลา เพื่อมิตรภาพที่แนบแน่น การใช้เงินทองไม่จำเป็นต้องเห็นมากองอยู่ตรงหน้า ทำให้เราลดความโลภได้ในระดับหนึ่ง ขอแค่มีกินมีใช้จ่าย ใช้ชีวิตให้มีความสุขรื่นรมย์กับสิ่งสร้าง ปั้นแต่งงานศิลปะจรรโลมปลอบใจกัน นี่น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งในสังคมวันข้างหน้า แต่เราก็ไม่สามารถจะรู้ในอนาคตหลังจากจบและการจากไปของไวรัสโคโรน่าโควิด-19 ว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่อย่างไร? เป็นเราเองที่จะสร้างสังคมใหม่หรือจะกลับไปสู่รูปแบบเดิม ๆ
จส. 100
ใช่หรือไม่ ในทุกจุดสิ้นสุดเมื่อถึงที่สุดแล้ว ย่อมมาพร้อมกับการเริ่มต้นใหม่เสมอ การได้ชัยชนะในทุกการแข่งขันที่ผ่านมา ก็มักมาพร้อมกับการที่ต้องเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขันใหม่ หรือเมื่อเราเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางแล้ว เราก็มักจะคิดถึงแผนการเดินทางกลับหรือเดินทางในครั้งต่อไปเสมอ ในทุกมิติชีวิตมักเป็นเช่นนั้น การผ่านความทุกข์ยากลำบากเมื่อถึงที่สุดก็มักมาพร้อมกับความสุขเสมอ และเมื่อเราผ่านวันเวลานี้ไปได้ เราย่อมต้องเริ่มต้นกันใหม่ และเป็นการเริ่มต้นที่ดีโดยมีความทุกข์ยากครั้งนี้เป็นภูมิคุ้มกัน หากจะสังเกตกันดี ๆ เราเห็นการเริ่มต้นใหม่ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน หลายคนที่เคยละทิ้งความเชื่อ ละทิ้งศรัทธา หันหลังให้กับศาสนา เริ่มกลับมาฟังมิซา สวดภาวนาในรูปแบบใหม่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ผ่านทางโทรทัศน์อินเตอร์เน็ต พระวาจา พระธรรม ยังคงเป็นแบบเดิมและเป็นความจริงนิรันดร์ แต่กำลังถูกส่งผ่านทางในรูปแบบใหม่ การแพร่ธรรมเกิดในฟากฟ้า ทุกหลังคาเรือน ได้ยินได้ฟัง ค่อย ๆ ขัดเกลาจิตวิญญาณ พระเจ้าสถิตในทุกแห่งทุกกาลเวลาอย่างแท้จริง ปัสกาปีนี้จึงอาจจะเป็นปีที่มีผู้คนกลับใจมาหาศาสนามากกว่าทุกครั้ง กลับมาโหยหาพระเจ้ามากกว่าทุก ๆ ปี เรากำลังจะก้าวผ่านความทุกข์และเริ่มต้นใหม่กับจิตวิญญาณใหม่ไปด้วยกัน


แม้ว่าจะเป็นปัสกาที่ยากลำบาก แต่ก็ทำให้เรามีความหวัง มีความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้ามากขึ้นและทำให้เราได้ไตร่ตรองด้วยว่า ปัสกาครั้งนี้เราได้ให้อะไรกับใครบ้าง ในท่ามกลางวิกฤติโรคโควิด-19 เรามัวแต่วิตกกังวลแต่ตัวเองมากเกินไปไหม? เราเสียสละให้กันพอหรือยัง? ไม่ต้องอื่นไกลกับคนตรงหน้าเรา คนในบ้านที่เราต้องเก็บกักตัวอยู่ด้วยกัน เราได้ให้เวลากันมากขึ้น พูดคุยรับฟังกันมากขึ้นหรือเปล่า ดูแลกันช่วยเหลือกัน ทำให้ครอบครัวสะอาดขึ้นทั้งภายนอกภายในมากน้อยเพียงใด บางทีเราอาจจะมาถึงที่สุดของคำว่า “เห็นแก่ตัว” ด้วยกันแล้วทุกคน เรากำลังจะเริ่มต้นใหม่ด้วยหัวใจแห่ง “รักและแบ่งปัน” ที่มีให้กันและกันในทุกวันใหม่ ปัสกาครั้งนี้มีความหมายยิ่งนัก.....อัลเลลูยา

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2563

มรรคาโควิด-19


มรรคาโควิด-19
เริ่มต้นช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธ์ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด ทำให้เรามีเวลาที่จะอยู่กับตัวเองมากขึ้น และมีเวลาที่จะรำพึงถึงความทุกข์ยากครั้งนี้ เพื่อร่วมส่วนกับการทรมานของพระเยซูเจ้าในครั้งกระโน้น
พระเยซูเจ้า ทรงรับโทษประหาร
โควิดเริ่มต้นอย่างไรไม่มีใครทราบได้อย่างแน่ชัด ในระยะเริ่มต้นเราต่างกล่าวโทษกันไปมา แต่ก็มิได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย ซ้ำร้ายยิ่งเพิ่มการแพร่กระจายไปทั่วโลก เราควรหรือที่จะตัดสินด้วยการกล่าวหากันไปมา
พระเยซูเจ้า ทรงรับแบกไม้กางเขน
จากที่หนึ่งสู่ที่หนึ่ง จากที่เคยสะดวกสบาย เคยติดต่อสื่อสารได้ข้ามโลก โควิด-19 ทำให้ความรวดเร็วของการพัฒนาหยุดลง ภาระความจริงตรงหน้าหนักกว่าที่จะสร้างโลกตามฝัน ความทุกข์ยากที่เราจำต้องแบกรับยิ่งหนัก ยิ่งทำให้เราตระหนักถึงชีวิต และเดินช้าลงบ้าง
พระเยซูเจ้า ทรงล้มครั้งแรก
แต่ละเมืองแต่ละประเทศเริ่มปิดตัวลง ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอันเคยชินค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น เอาเข้าจริงมนุษย์ต้องการอะไร เพียงแค่ปัจจัย 4 มีกิน มีที่นอน มียารักษาโรค มีเครื่องนุ่งห่มก็เพียงพอ มูลค่ามากมายกลับกลายไร้ค่า หน้ากากอนามัย ไข่ต้มซักฟอง คือสิ่งจำเป็นมากกว่าในห้วงยามนี้
พระเยซูเจ้า ทรงพบพระมารดา
การเว้นระยะห่างทางการติดต่อกัน ทำให้มีอยู่เวลากับครอบครัว  เราได้ใช้เวลานี้คุ้มค่าหรือยัง? ความสุขอยู่ตรงหน้า จากการได้ฟังได้เห็นคนในบ้าน บ่อยครั้งเราลืมคนที่ห่วงใยเรา บ่อยครั้งเราหงุดหงิดกับคนใกล้ชิด วันนี้มีเวลามองให้ลักลงไปในความห่วงใยของความเป็นแม่ เราจะได้เรียนรู้ว่า ยามที่เราแย่ยังมีแม่และคนในบ้านอยู่เคยงข้างเสมอ
ซีโมน ซาวไซรีนช่วยพระเยซูเจ้าแบกไม้กางเขน
เราทุกคนล้วนเป็นคนเห็นแก่ตัว พอรู้ว่าจะปิดเมืองในอยู่กับบ้านก็กักตุนอาหารเอาตัวเองรอด เมื่อถึงที่สุดเราต้องหยุดความเห็นแก่ตัวลง เลือกเป็นคนเสียสละมองหาหนทางในการช่วยเหลือคนอื่นให้รอดไปด้วยกัน สละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วนรวมบ้าง ประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งยังต้องหันมาให้ความร่วมมือช่วยเหลือทางการแพทย์กัน  มีเพียงความเสียสละที่จะนำโลกรอดพ้นในครั้งนี้
เวโรนิกา สตรีใจศรัทธาเช็ดพระพักตร์พระเยซูเจ้า
ยามที่เรามีงานมีหน้าที่รับผิดชอบ เราเคยบ่นว่าเหนื่อย ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดเช็ดเหงื่อและเรียกร้องขอที่จะหยุดพักร้อน หยุดพักผ่อน วันนี้หลายคนเห็นค่าการมีงานทำมากขึ้น โหยหาที่จะกลับไป คิดถึงเจ้านาย คิดถึงลูกน้อง คิดถึงเพื่อนร่วมงาน และตั้งใจว่าจะกลับไปช่วยกอบกู้ร่วมแรงร่วมใจกัน เช็ดหน้าให้กัน เรื่มเชื่อมั่นศรัทธาในการเป็นส่วนหนึ่งของที่ทำงาน

พระเยซูเจ้า ทรงล้มครั้งที่  2
สายการบิน บริษัทใหญ่ ๆ มีผลกำไรมหาศาล เพียงไม่กี่วันราคาเหล่านั้นกลับไร้ค่า การล่มสลายมิได้เกิดขึ้นในที่ใดที่หนึ่ง แต่เหมือนกันทั้งโลก แล้วในวันที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปเราพร้อมที่เริ่มต้นใหม่ในคุณค่าของกันและกันหรือเปล่า เราต้องลุกและเดินต่อไปด้วยกัน อย่าปล่อยให้ความพ่ายแพ้ไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง
พระเยซูเจ้าตรัสบรรเทาความทุกข์สตรีชาวเยรูซาเล็ม
ถ้าเราต้องตายวันนี้หรือคนที่เรารักจะต้องจากไป มีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำ มีอะไรที่เราเสียดาย  ใช่เงินทองที่กองอยู่ตรงหน้านั่นหรือเปล่า? หรือขอเพียงโอกาสในการทำความดีกับคนที่เรารัก ได้ดูแลกัน ปลอบโยนกันและกัน  นี่เป็นช่วงเวลาที่เราช่วยบรรเทาทุกข์กันและกัน
พระเยซูเจ้า ทรงล้มครั้งที่  3
การแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่งเพื่ออะไร ต่างคนต่างวิ่งไล่ล่าความสำเร็จ เมื่อทุกอย่างล้มลงหมดกระดาน เราได้อะไรติดมา นอกจากเสี่ยงที่จะติดโควิด เวลาที่เรายังมีอยู่ เราจะใช้ไปกับอะไร ใช้ไปกับความรักหรือความเกลียดชัง ใช้ไปกับการได้มาหรือให้ไป ลุกขึ้นเดินสู่พัฒนาจิตใจ ฟื้นฟูจิตวิญญาณ เราจะก้าวผ่านไปได้ เริ่มต้นกันใหม่อีกสักครั้ง

ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอิตาลี ลดลงสองวันติดต่อกัน

ทหารถอดพระภูษาของพระเยซูเจ้า
คนเราต่อให้เก่งสักแค่ไหน ก็เพียงแค่เปลือกที่รอวันถูกถอดออก เรารักษาสิ่งภายนอกไม่ได้เลย มีแต่ต้องรักษาใจไว้ คนที่จิตใจเข้มแข็งต่างหากคือคนที่ยืนสู้กับทุกวิกฤตได้อย่างมั่นคง สิ่งภายนอกนั้นมีเพื่อแย่งชิงกัน สิ่งภายในนั้นมีเพื่อแบ่งปันกัน อะไรเล่าสำคัญที่สุดในขณะนี้
พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกับไม้กางเขน
สังคมโลกกำลังถูกตอกตรึงด้วยโรคระบาดครั้งใหญ่ หมอ บุคลากรทางการแพทย์ อาสามัคร คือ กองกำลังส่วนหน้าที่สำคัญ เพื่อต้านสงครามโรคในครั้งนี้ ทุกจิตใจต้องส่งพลังใจสู่พวกเขาเหล่านั้น ตรึงจิตใจเราไว้กับความไว้วางใจในพระเจ้า ตรึงจิตวิญญาณเราไว้กับความดีงาม

"Urbi et orbi" by Barb Szyszkiewicz, OFS (CatholicMom.com)

พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิม ความเห็นแก่ตัว ความดื้อรั้น ความอวดเก่ง กำลังถูกสลายให้หายไป บางทีการสูญเสียก็นำความสูงส่งกลับคืนสู่สังคม รูปกางเขนหน้าพระวิหารนักบุญเปโตรท่ามกลางสายฝนในค่ำของวันที่พระสันตะปาปาอวยพรแด่โลกนั้น ทำให้เราซาบซึ้ง และเรียนรู้ที่จะสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อผู้อื่นแบบไร้เงื่อนไข
เชิญพระศพพระเยซูเจ้าลงจากไม้กางเขนมอบแด่พระมารดา
            *** เราสามารถเรียนรู้จากคนที่กำลังมอบชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ พนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต พนักงานทำความสะอาด บรรดาอาสาสมัครฯลฯ สิ่งนี้คือพลังขับเคลื่อนจากพระจิตที่หลั่งไหลออกมาและปรากฏเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในความกล้าหาญและการเสียสละตนเองอย่างใหญ่หลวง
พระเยซูเจ้าทรงถูกฝังไว้ในคูหา
โรคโควิด-19 กำลังรักษาโรคให้ชาวโลกทุกคนได้ตื่นรู้ค่าชีวิตมากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรประมาทในทุกลมหายใจ ก่อประโยชน์จากทุกลมหายใจให้คุ้มค่า ***เป็นเวลาที่จะต้องเลือกระหว่างสิ่งสำคัญกับสิ่งที่เสียไป เวลาที่ต้องแยกแยะสิ่งจำเป็นออกจากสิ่งไม่จำเป็น คือเวลาที่จะต้องทำให้ชีวิตกลับเป็นเหมือนเดิมสำหรับพระเจ้าและผู้อื่น  (***บทเตือนใจช่วงหนึ่งของพระสันตะปาปา ฟรังซิส ในวันที่ทรงประทานพรแด่โรมและโลก เป็นกรณีพิเศษ)

 Pope's special Urbi et Orbi blessing: 'God turns everything to our ...