วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

รักต้านโรค


รักต้านโรค
ไวรัสน้อยในนามโควิด-19 ยังซ่าไม่หายวิ่งซุกซนท่องเที่ยวไปครึ่งค่อนโลก สร้างความตระหนกจนโลกนี้ดูจะเงียบเหงาลงไปโดยปริยาย การระบาดที่ดูจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกวัน หลายประเทศต้องปิดบ้านปิดเมืองไม่ต้อนรับเจ้าไวรัสจิ๋วนี้ ในประเทศไทยของเราทุกหน่วยงานต่างพยายามเต็มที่ ช่วยกันประคับประคองไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้คน มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อที่จะจัดการบางสิ่งบางอย่างได้ง่ายขึ้น การระบาดครั้งนี้ทางการแพทย์เรียกว่า “โรคอุบัติใหม่” ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการต้านในการรักษา ทำได้คือต้องลดระยะห่างการติดต่อในสังคมลง จึงจำต้องให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คาดกันว่าเป็นช่วงพีคที่สุดของการแพร่เชื้อจากผู้คนที่เคยไปร่วมกันในสนามมวยและในผับ ถ้าทุกคนเข้าใจร่วมกันทำตามไม่ดื้อรั้น ไม่เห็นแก่ตัว ไม่อวดเก่ง ไม่เอาแต่ใจ ทำตามที่ภาครัฐขอร้อง อยู่กับบ้านเฝ้ากับคอนโดฯสักช่วงเวลาหนึ่ง เราก็จะลดการแพร่กระจายเชื้อลงได้บ้าง แน่นอน...ย่อมมีผลกระทบกับหลายคนทั้งในเรื่องการทำมาหากิน การค้าการขาย ที่เราเคยชินที่เราใช้เพื่อการดำรงชีพและยึดมันว่าเป็นฐานหลักของการมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อพิจารณากันอีกทีสังคมมนุษย์เคยอยู่มาได้โดยมิต้องใช้หลักเศรษฐกิจการค้าการขายนำ เราอยู่กันได้ด้วยการเอื้ออาทรแบ่งปันกัน ใครมีมากก็แบ่งให้คนมีน้อยด้อยกว่า สังคมแบบนี้ต่างหากที่จะมีสันติสุข 

โคโรนา : อนามัยโลกตั้งชื่อ "โควิด-19" ให้โรคทางเดินหายใจจากไวรัส ...

และนี่จึงเป็นช่วงเวลาของมนุษยชาติที่จะเรียนรู้การจะอยู่ร่วมกันต่อไปอย่างไรในวันข้างหน้า? ท่ามกลางเทคโนโลยีล้นเมือง แค่เรื่องไวรัสจิ๋วเรายังจัดการกันไม่ได้ หรือว่าไวรัสร้ายตัวนี้จะมาสอนคนทั้งโลกให้ลด ละ ความเป็นตัวตนลง หันมาให้ความสนใจใส่ใจต่อผู้คนรอบข้างบ้าง โดยเนื้อแท้แล้วเราทุกคนมีความเมตตาเอื้ออาทรต่อกันเสมอ ในขณะที่เมืองไทยเราเริ่มปิดเมือง ให้คนอยู่ในบ้าน ร้านอาหารหลายร้านมีเมตตาทำอาหารวางไว้ เขียนป้ายให้ผู้คนที่ลำบากได้หยิบเอาไปกิน เห็นหลายคนซื้อหน้ากาก ซื้อเจล ซื้อแอลกอฮอลล์ วางไว้หน้าบ้านให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต้องการใช้ก็สามารถใช้ได้เลย เราเริ่มมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน และจะค่อย ๆ มีมากขึ้น คนไทยเราเรื่องน้ำใจก็เป็นหนึ่งในโลก ยามเมื่อเกิดวิกฤต เราก็มักเห็นการช่วยเหลือกันอย่างนี้เสมอมา และเราจะรอดปลอดภัยไปด้วยกัน เราจะเป็นสังคมที่ทุกคนมือสะอาด ใจงาม เราจะกลับเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันเอื้ออาทรกันมากขึ้น ยิ่งทุกข์ยากลำบาก เรายิ่งเห็นคุณค่าของกันและกัน

ข่าวภาพน้ำใจดีๆ เจ้าของบ้านใจดีแจกข้าวไก่กระเทียมฟรี แบ่งปันสู้ ...
จากที่หลายคนไม่ชอบอยู่บ้าน ชอบออกไปวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอก จนหลายครั้งหลงลืมที่จะดูแลคนในบ้าน สถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้เราต้องอยู่บ้าน อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวมากขึ้น มีเวลากินข้าวร่วมกันมากขึ้น มีเวลาพูดคุย ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ลูกหลานมีเวลาสอนคนเฒ่าคนแก่ใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่เพื่อร่วมพิธีมิสซาออนไลน์ ผู้ใหญ่ในบ้านเริ่มเห็นคุณค่าของวัยรุ่น เริ่มลดอคติต่อกัน ความรักค่อย ๆ กลับคืนสู่เย้า เริ่มมีการบอกเล่าประวัติความเป็นมาของครอบครัว ลูกหลานได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากในวันวานของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ต่างเปิดโลก เปิดจิตเปิดใจให้กันและกันมากขึ้น ห่วงใยกันมากขึ้น มีเวลาที่จะสวดภาวนาพร้อม ๆ กัน บ้านคือวิมานของเรา บ้านคือวิหารและคือพระศาสนจักร จากความกลัวกลายเป็นความกล้าที่จะยืนยันในความวางใจถึงความเชื่อของตนมากขึ้น หลายคนไม่เคยเห็นคุณค่าของการสวดภาวนา ไม่สนใจเรื่องจิตวิญญาณ เมื่อต้องปิดบ้านจิตใจจึงเริ่มเปิดออกที่จะแสวงหาความจริง การสวดภาวนาหาใช่เพื่อไล่ไวรัสร้าย หากแต่เป็นการเพิ่มเติมพลังให้จิตใจเข้มแข็ง ใช่หรือไม่ หากจิตใจมั่นคงร่างกายย่อมแข็งแรง และพลังของการสวดภาวนาคือพลังใจที่จะกอบกู้โลกใบนี้เสมอมา ทุกศาสนาจึงเริ่มที่จะใช้วิถีทางนี้ร่วมกัน เพื่อให้โลกก้าวผ่านวันคืนที่มืดมนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย


โรคร้ายที่อุบัติขึ้นแม้จะยากที่จะต้านทาน แต่เมื่อทุกคนนำความรักที่มีในหัวใจออกมาสู้ ย่อมต้านโรคนี้ได้ ความรักต่อคนรอบข้าง ความรักที่ผ่านทางเมตตาอาทร ความรักที่ผ่านทางความห่วงใย ความรักที่ต้องอดทนเสียสละด้วยกันจะช่วยค้ำจุนโลกใบนี้ให้คงอยู่ เราผู้ที่เป็นศิษย์พระคริสต์ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลามหาพรต เวลาที่เราต้องลด ละ สละน้ำใจของตนเองเพื่อผู้อื่น เราต้องใช้เวลาที่เหลือตรงนี้ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นมหาพรตที่ยากลำบาก แม้ว่าจะเป็นมหาพรตที่วิตกตระหนก เรายิ่งต้องน้อมรับไว้ และก้าวไปในหนทางนี้พร้อมกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงเสียสละชีวิตเพื่อเราทุกคนมาแล้วเพราะด้วยความรักของพระองค์มิใช่หรือเราจึงมีวันนี้ และในวันนี้เราต้องให้ความรักนี้เช่นกันเพื่อจะก้าวข้ามผ่านโรคร้ายนี้ไปด้วยกันเพื่อวันข้างหน้า แม้จะยาวนานสักเพียงใดกางเขนชัยคือเป้าหมายของเราทุกคน....
เราจะให้จิตของเราเข้าไปในท่าน และท่านจะมีชีวิต : อสค 37:12-14

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2563

ฝ่าวงล้อม


ฝ่าวงล้อม
เรามักจะคุ้นชินในสถานการณ์ที่ตำรวจตามจับผู้ร้าย แล้วล้อมเป็นวงให้ผู้ร้ายเข้าสู่ทางตัน จะมีคำ ๆ หนึ่งที่มักจะบอกผู้ร้ายว่า “ขอให้มอบตัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ล้อมไว้หมดแล้ว” ละคร ภาพยนตร์มักมีฉากนี้บ่อย ๆ ในวันนี้การแพร่ขยายของไวรัสโคโรน่า โควิด-19 ก็เป็นเหมือนเจ้าหน้าที่ ที่กำลังตะโกนบอกมนุษย์โลกว่า “เราได้ล้อมไว้หมดแล้ว” แต่ทางตรงกันข้าม ไวรัสตัวนี้เล่นบทเป็นผู้ร้ายที่กลายมาเป็นผู้ควบคุมโลก ทุกที่ทุกทวีปถูกโจมตี โลกตกอยู่ในภาวะชะงักงัน จากที่เราเคยแข่งขันกันก้าวหน้าพัฒนาแบบตัวใครตัวมัน ชิงไหวชิงชัย ขัดขวางปัดแข้งปัดแขน แสนหมื่นล้านคนแหวกว่ายไปมิพักมิหยุด มิรู้จักแบ่งปันร่วมมือ เราเคยสู้กันไปกันมา เราต้องการชัยชนะแต่เพียงผู้เดียว ต่างคนต่างอยากเป็นที่หนึ่ง จึงวิ่งไปข้างหน้า เพื่อคว้าชัย  ในขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินระเริงอยู่ในโลกาภิวัฒน์ โรคแห่งวิบัติค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัว และแพร่ขยาย แล้วล้อมโลกไว้อย่างรวดเร็ว จนวิ่งแซงการพัฒนาที่ทุกคนคิดว่าของตัวเองคือสุดยอด


วันนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโรค COVID-19 ทำให้โลกทั้งใบต้องหยุด กลายเป็นสถานการณ์คล้ายกับสงครามยังไงยังงั้นโดยที่มีชีวิตผู้คนเป็นเดิมพัน  ที่ตกอยู่ในวงล้อม การบิน การสัญจรจากที่เคยพลุกพล่าน กลับร้างว่างเปล่าไร้การเดินทางท่องเที่ยว ผู้คนตกงานนับหมื่นแสน เศรฐกิจเป็นอัมพาต การจับจ่ายหยุดนิ่ง การบริโภคกลายมาเป็นกักตุนค่อย ๆ กิน ค่อย ๆ ใช้ ต่างได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ไวรัสเล็ก ๆ ตัวนี้ทำให้ผู้คนหวาดระแวง และเริ่มมีการหาคนผิด โทษกันไปกันมา กล่าวหากันว่าเป็นคนสร้างขึ้นบ้าง เป็นผู้เปิดช่องโหว่ เป็นตัวพาหะ เราต่างสร้างความกลัวขึ้นมาให้กัน และยิ่งกว่าโรคระบาดคือ โรคเครียด โรควิตกจริต ที่มากับความกลัวนี่เอง ถ้าเราอ่านสัญญาณเตือนโลกในครั้งนี้ ใช่หรือไม่ โรคระบาดเริ่มจากประเทศที่มุ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว โตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ประเทศที่เป็นเลิศจากเทคโนโลยี ประเทศที่เป็นกลุ่มผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก หรือนี่เพื่อที่จะให้โลกหยุดชะลอลงมา ก้าวช้าลงบ้าง(ความคิดของผู้เขียน) โลกต้องการพลังที่ใสสว่าง สังคมครอบครัวที่เกือบจะมลายลงหมด จำต้องหันมาดูแลกันและกัน


ในขณะที่เราถูกล้อมด้วยโรคระบาด และถูกบังคับด้วยสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การที่จะฝ่าวงล้อมนี้ไปได้ เราต้องช่วยกันในหลาย ๆ ด้าน ให้ความร่วมมือ จับมือกันให้มั่น แต่เราก็ยังเห็นคนบางกลุ่มไม่เข้าใจถึงสถานการณ์และหน้าที่ที่ควรทำ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาด่าทอโทษกันไปกันมา  แสดงความเห็นในวงแคบ ๆ ของตัวเอง เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง เรียกร้องให้คนอื่นต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทีตัวเองกลับไม่ได้สนใจที่จะทำตามคำแนะนำของผู้รู้ เราเห็นคนที่แสดงภูมิรู้ดีมากกว่ารู้จริงสิงสถิตในโลกออนไลน์อย่างมากหน้าหลายตา บางคนเห็นจังหวะความวุ่นวายก็ฉกฉวยหาประโยชน์กับการค้ากำไรเกินควรในสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ในยามวิกฤต คนบางคนใช้ผลประโยชน์ทางการเมืองมาปลุกปั่นให้คนในสังคมแตกแยก ทั้ง ๆ ที่เราก็ต้องอยู่ในวงล้อมเดียวกัน การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่อาจจะล้างคนได้ทั้งประเทศถ้าเราไม่สามัคคีกัน
เราอาจจะมองว่านี่คือการลงโทษของสวรรค์เบื้องบน แต่เราจะต้องเข้าใจก่อนว่าบางทีสวรรค์และธรรมชาติต้องการให้บทสอนให้เราก้าวช้าลง ให้เราผ่อนเร็ว คลายไว ให้มีเวลาเหลียวแลกันและกัน บีบวงล้อมให้เราจำต้องอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ ด้วยกัน ยิ่งตีกันยิ่งต้องให้บทเรียนมากขึ้นและมากยิ่งขึ้น ยิ่งอวดดีอวดเก่งยิ่งให้สถานการณ์นี้ยืดยาวออกไป จนกว่าเราจะตกผลึกว่า “หากเราต้องเหนือกว่าคนอื่นในวงล้อม แล้วเราจะรอดได้อย่างไร?” โลกต้องการความอ่อนน้อม โลกต้องการความสุภาพ ไร้พิธีรีตรองมากมายนัก เอาเข้าจริง พระเจ้าคือความเรียบง่าย พระเจ้าคือธรรมชาติที่ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลอย่างแท้จริง โลกต้องการความร่วมมือมากกว่ามือที่ยกขึ้นเหนือกันและกัน จับมือร่วมใจฝ่าวงล้อมนี้ไปด้วยกันทุกคนคือทางออกของวันนี้


เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันในครั้งนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสามัคคีกันคำนึงถึงสุขภาพของลูกหลานเราในวันข้างหน้าไว้เป็นที่ตั้ง พร้อมหรือยังที่เราจะสามัคคีต่อสู้กับวิกฤตโควิด พร้อมหรือยังที่จะปลดแอกจากโรคร้าย ที่เราต้องเสี่ยงชีวิตในทุกวัน ถ้าทุกคนพร้อม จำต้องวางอคติลง แล้วถึงเวลาที่เราจะต้องร่วมมือกัน ฝ่าวงล้อมโรคร้ายนี้ออกไป เราทำได้ถ้าเราทุกคนช่วยกัน  เริ่มจากช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน รักกัน ดูแลกันในสังคมเล็ก ๆ ที่บ้าน มีวินัยในการรักษาความสะอาด ทำตามคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด งดงัดปัดความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการใช้ชีวิตแบบสุรุ่ยสุร่าย และทำอะไรตามใจ ทำความสะอาดบ้านเรือนของเราเสมอ ล้างจิตใจให้ใสสะอาดสวดภาวนาร่วมกัน  เราจะก้าวฝ่าออกไปด้วยกัน เอาพื้นที่ที่ปกติของเรากลับคืนมาใหม่ ที่สุดแล้ว เรามายกความยากลำบากแห่งวันเวลานี้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า ให้ก้าวผ่านสี่สิบวันนี้ไปให้ได้ และไม่แน่ว่าเราอาจจะพบกับแสงสว่าง ออกจากวงล้อมของไวรัสนี้ได้หลังจากวันปัสกาผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งจะเป็นแสงสว่างอันแท้จริงที่นำมาซึ่งความดี ความสามัคคี การร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของปวงประชากรคืนสู่สังคมนี้ให้จงได้
จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย” (อฟ 5:8-14)

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

กระหาย


กระหาย
สถานการณ์โรคระบาดทำให้โลกเริ่มระบม ไวรัสร้ายโควิด กำลังเป็นโคไล่ขวิดใส่ประเทศนั้นประเทศนี้ไปเรื่อย ลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนทำให้ประเทศอิตาลีจำต้องประกาศปิดประเทศเพื่อจะได้สามารถควบคุมการแพร่กระจายให้อยู่ในวงจำกัด ศูนย์กลางของพระศาสนจักรที่วาติกัน ในกรุงโรม อิตาลี ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน วาติกันประกาศปิดลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร และภายในมหาวิหาร ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ตั้งแต่วันนี้ - 3 เมษายน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 นอกจากนี้ ที่ทำการไปรษณีย์วาติกัน และศูนย์หนังสือวาติกันก็ปิดบริการด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีกำลังนำแผงเหล็กกั้นมาปิดทางเข้าหน้าลานมหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งนาน ๆ ทีเราจะเห็นภาพวาติกันไม่มีคนเดินเลย ได้มีการปรับเปลี่ยนพิธีกรรมให้มีพิธีมิสซาออนไลน์ เพราะวัดจำต้องปิด และงดมิสซาทั่วประเทศจนถึงวันที่ 3 เมษายนเช่นกัน เนื่องจากวันที่ 5 เมษายนเป็นวันอาทิตย์ใบลาน ซึ่งเมื่อถึง ณ เวลานั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร และล่าสุดในวันนี้ (พุธที่ 11 มีนาคม) สมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ ผู้รับผิดชอบการจัดงาน 24ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า (งานเฝ้าศีล 24 ชั่วโมง) ที่จัดทุกปี ปีนี้จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคมในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกันได้ประกาศยกเลิกงานแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้แล้วแต่ศาสนจักรคาทอลิกท้องถิ่นไหนจะยกเลิกการจัดงานก็ได้ บรรดาคริสตชนสามารถร่วมพิธีแบบง่าย ๆ ด้วยการรำพึงและภาวนาหน้าไม้กางเขน (ข้อมูล จากเพจ #Pope Report )
ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า และ สถานที่กลางแจ้ง

โลกกำลังให้บทเรียนที่เจ็บปวดกับเราทุกคน ในระยะแรกไวรัสร้ายนี้เริ่มระบาดขึ้นในประเทศจีนประเทศเดียว ในยุคสมัยที่ผู้คนทั่วโลกเชื่อมโยงไปมาหาสู่ ทำธุรกิจค้าขายกันได้อย่างเสรี จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลก เราต่างก็กระหายหาที่จะกอบโกยความสำเร็จจากปฏิสัมพันธ์นั้น บางคนเห็นบ่อใหญ่ก็คิดว่าคงมีน้ำให้ตักตวงในต่างแดนได้เต็มที่ บางคนรีบกระโดดลงไปในบ่อนั้นอย่างไม่ทันระมัดระวัง อย่างไม่ยั้งคิดถึงความลึกของบ่อน้ำ โลกแห่งโลภทำให้ผู้คนกระหายด้วยความเห็นแก่ตัว ต่างหวังผลประโยชน์ส่วนตน หวังผลกับประเทศตัวเองอย่างเดียว ตั้งข้อกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อหวังผล มนุษย์โลกดำเนินการลักษณะนี้มาเนิ่นนาน จนกลายเป็นความเคยชิน ทุกความสัมพันธ์คือผลกำไร ทุกการติดต่อต้องได้มาซึ่งข้อได้เปรียบ เราต่างกดขี่กันและกันอย่างเงียบงัน เราต่างก็ไม่เคยระมัดระวังว่าบางทีการกระโดดเข้าหาบ่อน้ำข้างหน้า ก็อาจจะนำมาซึ่งความล้มเหลวในบ้านเมืองของตัวเอง


เราแต่ละคนก็เป็นเช่นนั้น เราต่างคนต่างมุ่งหวังผลกำไร ผลประโยชน์เพียงเพื่อชีวิตตนคนเดียว เรามุ่งหน้ากระหายหาความสำเร็จรูปอย่างเอาเป็นเอาตาย เวลาทั้งหมดคือการออกไปหาน้ำกลางทะเลทราย ที่เติมลงไปไม่มีวันเต็ม แล้วก็พร่ำบ่นกระหายน้ำตลอดเวลา ใครผ่านไปผ่านมาขอน้ำดับกระหายเราก็ปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะไม่มีเพียงพอเพื่อกักตุน เราถูกปลูกฝังทางอ้อมด้วยระบบใหญ่ จนในความคิดความรู้สึกเราถือว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง เป็นข้ออ้างที่ทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย โลกที่มีเพียงเราเท่านั้นที่มีค่าที่สุด โลกนี้เท่านั้นที่ยกย่องบูชาเงินตรา พระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงสิ่งที่มีไว้เพื่อขอให้มีมากยิ่งขึ้น พิธีกรรมมีไว้เพื่อสะสมสถิติที่ไม่ผิดต่อข้อกำหนด ใครที่ไม่ทำตามก็จะถูกหยามหมิ่น ใครไม่ประสบความสำเร็จก็ละทิ้งความเชื่อ ใครไม่ได้ดังหวังก็หันหลังไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามต้นไม้ใหญ่ ตามหนองน้ำ ตามเสาไฟฟ้าบ้าง เรามิได้มอบคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้อยู่ที่จิตวิญญาณอันงดงามปล่อยให้จิตใจแห้งแล้ง และถูกรุกรานได้อย่างง่ายดาย
เรากระหายหาชื่อเสียง เราพยายามที่จะสร้างตัวตนคนอย่างเรา ให้โดนเด่น ให้เป็นที่รู้จักด้วยความหยิ่งผยอง ด้วยความคิดของตนเอง มิได้ใคร่ตรองความคิดเห็นของคนอื่นมาพัฒนา มาใช้เพื่อความเติบโตของสังคมไปด้วยกัน เราต่างกระหายหาการสรรเสริญเยินยอในสิ่งที่ทำ มากกว่าสิ่งที่เป็นธรรม เราต่างหวังเพียงตำแหน่งที่สูงขึ้น และก้าวไกลสู่การเป็นคนจัดการบริหารทุกสิ่งสรรพด้วยตัวเอง หวังมีอำนาจเหนือทุกคน หวังครอบครองเพื่อบัญชามากกว่าครอบคลุมหุ้มห่อด้วยความรักอาทรต่อคนอื่น เราต่างก็พยายามทำตามใจกระหายมากกว่าใจที่แสวงตามหาความจริงความงามของชีวิต
บางทีถึงเวลาแล้วที่เราต้องกลับมาหยุด ด้วยเพราะโลกบังคับให้ต้องหยุด เราจะได้มีเวลาเพื่อฟื้นฟูกู้คืนจิตวิญญาณให้กลับมางดงาม หันหน้าเข้าหากัน ลดความเป็นตัวตนลง ตักน้ำหยิบยื่นเยียวยากันและกัน เป็นช่วงที่เราจะเรียนรู้ความมีคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง หันมาตักเติมน้ำจิตน้ำใจให้กันและกัน กลับมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมเล็ก ๆ มาเป็นครอบครัวอยู่กันในบ้านเดียวกัน กลับคืนสู่ความเป็นสามัญ กินอยู่เท่าที่จำเป็น ไม่ต้องแสวงหาตามความกระหาย ให้ความห่วงใยดูแลคนใกล้ตัวให้มาก เพื่อที่เราจะก้าวผ่านเวลาแห่งความลำบากนี้ไปด้วยกัน สวดภาวนาพร้อมกันในบ้านเพื่อกันและกัน สร้างภูมิต้านโรคให้แข็งแกร่ง เพื่อวันหนึ่งเราจะได้มีพลังกาย พลังใจ ออกมาสู่สังคมโลกด้วยความกระตือรือร้นในนามของความรักความเมตตา และพร้อมที่จะมอบให้กับทุกคนที่ผ่านมาอย่างมีมิตรจิตมิตรใจ ด้วยมิต้องหวังสิ่งใดตอบแทน เพราะเราเรียนรู้แล้วว่า “น้ำแห่งชีวิต” ที่แท้จริงนั้นคือน้ำใจของเราแต่ละคน ที่จะช่วยดับกระหายของสังคมนี้ได้

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563

ภาพ ๆ นั้น


ภาพ ๆ นั้น
เหตุการณ์โรคระบาด โควิด-19 เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง ต่างตระหนกตกใจ เพราะการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้เป็นไปอย่างงรวดเร็ว หรือเป็นเพราะว่าเชื้อนี้อยู่ในยุค 5G ยุคสื่อสารออนไลน์ครองเมือง จึงแพร่ไปเป็นโครงข่ายดิจิตอล ทำให้ทั่วทั้งโลกตกอยู่ในสภาวะหยุดชะงัก โลกที่เคยวุ่นวายค่อย ๆ นิ่งสงบ เอาเข้าจริง โลกนี้ไม่เคยวุ่นวาย ใจคนต่างหากที่วุ่นวาย เราจึงจำต้องทำให้จิตใจเรานิ่งสงบสยบความสับสนให้ได้เสียก่อน การรับข้อมูลข่าวสารที่มีทั้งเท็จ - จริง ยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบ ยิ่งต้องพินิจพิเคราะห์ให้จงหนัก และต้องไม่ทำตัวเป็นสื่อแพร่ขยายข่าวให้กว้างไกลออกไป เหมือนเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัส ที่ใครมีเชื้อนี้ต้องกักขังตัวเองเอาไว้ก่อน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะให้ความรู้ให้ข้อมูล อย่าคิดว่า “ข้ารู้ดี ข้าเก่งเกิน” มันจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายไปเปล่า ๆ เพราะในทุกเรื่องย่อมมีหลายมุมที่เราอาจจะมองไม่เห็น เราต้องกักขังความเป็นตัวตนของเราเอาไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด
Profile image icon clipart image library library User Profile Icon Png Clipart , Png Download - My Profile ... image library library
เมื่อพูดถึงการสื่อสารยุคที่รวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน โดยมีอุปกรณ์เสริมส่งทำให้ใช้งานได้ง่ายดาย การสร้างตัวตนให้เป็นคนสาธารณะนั้นจึงเกิดขึ้น และในอุปกรณ์มีแอพพลิเคชันที่เราใช้สื่อสารติดต่อกัน ในทุกรูปแบบมักจะให้เราใส่ภาพเพื่อแสดงตัวตนให้คนอื่นรู้จัก ใช่หรือไม่ เราจึงมักเลือกรูป เลือกภาพที่คิดว่าเราดูดี ดูสวย ดูหล่อ ดูเท่ ดูเก๋ มาเป็นรูปปก รูปที่บ่งบอกว่าเป็นเรา ซึ่งบางทีรูปนั้นก็ผ่านการตบแต่งมาจนไกลห่างจากตัวจริง ก็เป็นสิทธิ์ที่เราสามารถจะทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่ารูปภาพ ๆ นั้นก็คือ เราต้องแสดงตัวตนความดีงามให้เกิดขึ้นกับทุกความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ แสดงให้ทุกคนเห็นความที่เราเป็นศิษย์พระคริสต์ด้วยความรักความเมตตาที่ส่งผ่านไป ให้ทุกข้อความมีแต่ด้านดีงาม หยุดการหยามหมิ่น สิ้นสุดการกล่าวร้าย ทำลายกันด้วยคำหยาบ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้หากเราใส่ใจกับการใช้สื่อสมัยใหม่อย่างสร้างสรรค์ อย่าให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากกว่าการให้ความสำคัญฉายาลักษณ์ของพระเจ้าในตัวเรา
การสื่อสารยุคใหม่ สร้างโลกใบใหม่ให้กับหลายต่อหลายคน เราหลงเข้าไปในโลกที่มีภาพใหม่ ๆ ภาพแห่งความโลภ ด้วยว่าเมื่อเห็นภาพคนอื่นที่มีนั่นมีนี่ เราก็อยากจะมีเหมือนเขาบ้าง ภาพเหล่านี้หลอกลวงให้เราหลงใหลไปกับความทันสมัยจนบ่อยครั้งเราก็ลืมความเป็นตัวตนของเราเอง จากเป็นคนที่มองโลกมุมงามกลายเป็นมองมุมทรามมากขึ้น จากเป็นคนที่ดำรงไว้ซึ่งความอ่อนโยนก็ก้าวร้าวหยาบโลนขึ้น จากเคยห่วงใยคนใกล้กาย กลายเป็นไปวุ่นวายกับคนไกล ไปให้ความสนิทเป็นญาติมิตรแทน เราหันหลังให้คนในครอบครัว เพื่อก้มหน้าให้คนอื่นมาครอบงำ เราคุยกันน้อยลงเพราะให้เวลากับการพูดคุยแบบเงียบ ๆ ผ่านทางนิ้วสัมผัสแทนใจสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนาน


เราสร้างภาพของความอวดดี อวดเก่งขึ้นมา ด้วยข้อมูลที่เราเชื่อเองว่านี่เป็นความจริงที่สุด นี่เป็นข้อมูลที่ดีที่สุด แล้วเราก็หยุดอยู่ตรงนี้ นำไปโอ้อวดว่า “ข้ารู้ ข้าเป็นคนวงใน เชื่อข้าเถอะ เมื่อมีคนกดถูกใจมาก เราก็ยิ่งคิดไปเองว่านี่แหละความยิ่งใหญ่ คิดไปเองว่าถูกต้องที่สุดแล้ว เมื่อวันหนึ่งมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งออกมา ความจริงด้านอื่นปรากฏขึ้น เรากลับไม่ยอมรับ กลับดื้อแพร่ง ไม่สนใจ ยังคงเกาะเกี่ยวความรู้ข้อมูลเดิมไว้ ไม่ยอมรับฟังความต่าง ความสุภาพอ่อนโยนหายไปจากหัวใจ ความผยองพองขนบนตัวตนจึงกลายเป็นเกราะกำบัง โดยลืมไปว่าโลกนี้กว้างใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด ขนาดว่าโลกนี้มีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์มากมายกำลังคิดค้นความเป็นอมตะของมนุษย์ สามารถที่จะปลูกถ่ายอวัยวะที่เสื่อมสภาพมาทดแทนได้ แต่แล้ว...มนุษย์กลับพ่ายแพ้ให้กับไวรัสเล็ก ๆ ที่อุบัติขึ้นมาอย่างไม่ทราบต้นตอ เราไม่สามารถที่จะล่วงรู้ความมหัศจรรย์ของพระผู้สร้างได้เลย เหตุไฉนเราจึงอวดเก่ง อวดใหญ่กันนักเล่า!!! แท้จริงสิ่งที่จะเป็นเกราะคุ้มกันเราได้ดีคือความสุภาพอ่อนน้อมต่อสิ่งสร้าง อ่อนโยนต่อกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติและความสำคัญของทุกคน เราจะเห็นความสว่าง เราจะเห็นภาพขาวของทุกผู้คน แล้วสันติสุขจะปรากฏในหัวใจเราตลอดไป สิ่งที่เราจำต้องมีให้มากขึ้นคือให้คนรอบข้างเราเห็นความงาม ความสว่าง ประคับประคองเสริมส่งกันให้เป็นสังคมแห่งความอาทร และภาพเหล่านี้จะสะท้อนออกไปให้คนอื่นได้รับรู้รับไปชื่นชมทำตาม เราต้องคอยตั้งคำถามเสมอ ๆ ว่า “วันนี้เราทำให้คนรอบกายเห็นความงามภายในบ้างหรือยัง?”

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ตรัสกับฝูงชนหน้าจัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร ถึงความทันสมัยว่า เราต้องตัดการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์มือถือ และเชื่อมต่อกับข่าวดีของพระคริสต์ เทศกาลมหาพรตนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะปิดโทรทัศน์และเปิดพระคัมภีร์” ในเทศกาลมหาพรตนี้ เรากำลังตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก เราจำต้องงดเว้นบางสิ่งบางอย่างของชีวิตลงบ้าง ลดการใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็นเพื่อสร้างภาพอวดร่ำอวดรวย ลดการทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ลดการใช้นิ้วส่งสิ่งไม่งามเข้าไปในโลกเสมือนจริง มาใช้นิ้วสวดสายประคำให้กัน ลดการใช้อุปกรณ์สื่อสาร มาสร้างสื่อสัมพันธ์กับคนในครอบครัว มองหน้ากันจริง ๆ จัง ๆ เพื่อเราจะได้เห็นภาพความดีงามของกันและกัน สิ่งนี้จะช่วยให้เราผ่านพ้นความยากลำบากในวันนี้เวลานี้ไปด้วยกัน ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ก็อย่าลืมล้างใจด้วยพระวาจาของพระเจ้าด้วยนะครับ....