วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563

พักตรงนี้


พักตรงนี้
ก็หวังว่าช่วงวันหยุดในหลายวันที่ผ่านมา หลายคนคงใช้เวลาได้หยุดพักผ่อน เดินทางไปกับครอบครัว หาที่พักกายพักใจ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หยุดพักจากการงาน การดิ้นรนขวนขวาย เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้บรรเทาจากความเหนื่อยล้าลงบ้าง บางคนเลือกที่จะพักผ่อนในเมืองที่ดูจะสงบเงียบปีละครั้งสองครั้ง ต้องกอบโกยความสะดวกสบายของการสัญจรในเมืองหลวงให้เต็มที่ ถนนหนทางแบบโล่งปลอดโปร่งก็สุดที่ตามแต่ละคนจะสรรหาการพักผ่อน


การเดินทางไปต่างที่ต่างถิ่น ออกไปพร้อม ๆ กันหลายหมื่นคนด้วยรถหลายพันคัน เป็นเรื่องที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รถราจะติดขัดกันเป็นทิวแถว ค่อย ๆ ขยับเขยื้อนกันไป แม้จะลำบากหลายคนก็ต้องพยายามไปให้ถึงที่หมาย เพราะมันมีความหมายและความสำคัญกับชีวิต เป็นเหมือนกับการจุดประกายเพิ่มเชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อนชีวิตในวันหน้า หลายคนปีละหนที่ต้องกลับคืนสู่อ้อมกอดของแผ่นดินถิ่นเกิด เพราะตลอดทั้งปีต้องทำงานและทำงาน สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การใช้หนทางร่วมกันความเห็นแก่ตัว ความมักง่ายนำมาซึ่งความเดือดร้อนของเราเองและของผู้อื่น สิ่งนี้ต้องฝึกฝนกันอย่างหนักเพื่อเราจะได้มีเวลาพักที่งดงาม ปราศจากอันตราย และอุบัติเหตุ


โดยส่วนตัวก็เลือกวันที่คิดว่าการจราจรจะลดความหนาแน่นลงบ้าง กลับไปกราบขอพรจากผู้หญิงอันเป็นที่รักยิ่ง ไปร่วมกันทานข้าวกับพี่ ๆ น้อง ๆ และร่วมเดินทางไปพักผ่อนด้วยกันที่ริมแก่ง นอนชมดวงดาว ดวงจันทร์ท่ามกลางอากาศเย็นสบายกลางหุบเขา แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับความสงบดังที่หมาย เสียงเพลงที่ร้องไม่ตรงคีย์รบกวนบรรยากาศ ก็คิดเสียว่าเป็นเรื่องที่สร้างสีสันอีกรูปแบบหนึ่งในการหยุดพักตรงนี้ในครั้งนี้ บางทีการที่มาพักตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรเหมือนกันต้องถือเสียว่าได้มาพักก็ดีแล้ว ดีกว่าอีกหลายชีวิตที่ต้องเดินทางรอนแรมหาที่พัก เพราะทุกที่เต็มหมดในสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้คิดถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่ว่า ชีวิตแห่งการเดินทางต้องพักบ้าง อย่าวิ่งมุ่งหน้าไปอย่างเดียวโดยไม่เหลียวแลอะไรเลย!!!
นานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งได้ตรัสกับคนขี่ม้าว่า “ถ้าเจ้าสามารถขี่ม้าไปครองพื้นที่ได้มากเท่าไรก็ตาม เราจะยกที่ดินผืนนั้นให้เจ้า”
คนขี่ม้าจึงควบม้าของตนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อครอบครองที่ดินให้มาก เท่าที่จะทำได้ เขาเร่งควบม้าไปเรื่อย ๆ เร็วเท่าที่ม้าจะรับไหวเมื่อเขาหิวหรือเหนื่อย เขาก็จะไม่หยุดควบม้า ดื่มกินบนหลังม้า เหตุเพราะต้องการครอบครองดินแดนให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ทั้งเขาและม้าก็หมดแรงและกำลังจะตาย
เขาจึงถามตัวเองว่า “ทำไมเราถึงกดดันตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้ได้ครอบครองผืนดิน? ตอนนี้เรากำลังจะตาย และเราก็ต้องการเพียงแค่ที่ดินเล็ก ๆ เพื่อฝังศพตัวเอง”
นิทานเรื่องนี้ก็เหมือนกับการเดินทางของชีวิตคนเรา ที่ผลักดันตัวเองเพื่อให้ได้เงินทองของมีค่าให้มาก ๆ ต้องการมีตำแหน่งแห่งหนมีตัวตนเป็นคนมีอำนาจ เป็นที่ยอมรับของทุกคน ต่างจึงวิ่งไปข้างหน้าอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่ได้หยุดแหงนหน้าชื่นชมดวงดาว ไม่ได้เบาเท้าฟังเสียงเรียก เพื่อให้เข้าใจความหมายของชีวิตที่แท้จริง ต่างละเลยที่จะดูแลสุขภาพร่างกายของตน และคนรอบข้างเรา ไม่มีแม้เวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาแวะชื่นชมกับสิ่งสวยงามรอบตัว หรือแม้กระทั่งไม่มีเวลานั่งลงอ่านหนังสือสักเล่ม ฟังเพลงไพเราะเสนาะหูที่ร้องถูกคีย์บรรเลงถูกโสตศิลป์

ในวันข้างหน้าวันที่เราต้องประสบพบเจอการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกโดยรวม วันที่อยู่ท่ามกลางผืนดินที่ใหญ่กว่าใหม่กว่า เราจะมีพละกำลังกาย มีกำลังใจที่จะบากบั่นก้าวข้ามผ่านไปหรือเปล่า หากว่าเราไม่เรียนรู้ที่จะหยุดพักตรงนี้วันนี้บ้าง อย่าให้ต้องเป็นว่า เมื่อได้มองย้อนกลับไป ต้องมาสำนึกเสียใจในสิ่งที่ต้องการนั้นจริง ๆ เรากลับไม่ได้มันมาทั้ง ๆ ที่มันอยู่ใกล้เหลือเกิน สิ่งที่เราขวนขวายและพยายามไขว่คว้ามัน กลับไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตเราเลย ทุกอย่างว่างเปล่า สูญหายไปกับวันเวลา ความรัก มิตรภาพ สันติสุข หดหายไปเสียสิ้น
แต่เมื่อเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้กับสิ่งที่เราผ่านพ้นมาแล้วในชีวิต ก็จงเริ่มทำปัจจุบันให้ดีขึ้น อย่าลืมว่าชีวิตคือความสมดุล ครอบครัวและส่วนตัว ส่วนรวม ชุมชน เราก้าวเดินไปข้างหน้านั้นเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต มิใช่สะสมความหายนะของชีวิต เดินทางเพื่อให้พบกับความสุข เพราะแท้จริงแล้ว ความสุข คือความหมายและจุดมุ่งหมายของชีวิต ความสุขสร้างขึ้นได้ง่าย ๆ โดยทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ และซาบซึ้งกับความงามตามธรรมชาติ


        ชีวิตคนเรานั้นเปราะบางและแสนสั้นนัก จงใช้ชีวิตอย่างสมดุล และในฐานะเราผู้เป็นศิษย์พระคริสต์ได้รับการเลือกสรร เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงพอพระทัย พระองค์ได้ประทานพระหรรษทานแก่เราทุกคนเพื่อสานต่อภารกิจแห่งรักที่มิใช่เพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่สำหรับเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้างทุกคน ในท่ามกลางที่มืดมิดของความขัดแย้งทั้งทางด้านความคิดและอุดมการณ์ของแต่ละคน เราต้องพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือที่ฉายแสงแห่งรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เพื่อนำผู้คนที่ตกอยู่ในความมืด ให้ได้พบกับแสงสว่างแท้จริงและกลับมาพักพิงกับพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น: