เวลาแห่งรัก
มีความรู้สึกว่าเราเพิ่งฉลองคริสต์มาสผ่านมาเอง
แป๊บเดียวเรากำลังจะฉลองกันอีกแล้วหรือ???
วันเวลาผ่านมาแล้วผ่านไปรวดเร็ว เร็วจนหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างหลัง
เดือนสุดท้ายของปีวนเวียนมาอีกรอบ สิ่งต่าง ๆ รอบข้างกายเปลี่ยนแปลงไป มีสิ่งใหม่
ๆ เกิดขึ้น เปลี่ยนเร็วจนไม่มีเวลาจะจดจำของเก่าก่อน ทุกสรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนไป
แต่หัวใจคนเรานั้นมั่นคงเปลี่ยนไปหรือไม่ สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในหนทางธรรมมีความดีเป็นเข็มทิศ
แม้จะมีสิ่งเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดก็มิอาจจะหวั่นไหว
และมักจะหวนกลับไปสำรวจตรวจสอบตัวตนเสมอ ๆ ปราชญ์กรีกโบราณ โสเครติส กล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่ถูกสำรวจตรวจตราไม่ใช่ชีวิตที่น่าอยู่”
ชีวิตก็เหมือนเส้นทางที่ยังคงต้องสำรวจ เรามีเวลา 70-80 ปี
บางคนก็สำรวจทุกซอกทุกมุม บางคนก็ไม่สำรวจมันเลย การสำรวจไม่ได้แปลว่า จะชอบสิ่งที่พบเห็นตามทาง แต่ก็อาจมีโอกาสพบเห็นเรื่องที่มีสีสันระหว่างทาง
การสำรวจเส้นทางนี้คือ “การใช้ชีวิต” นั่นเอง
ผู้คนในสังคมวันนี้จะมีคนที่คอยสำรวจตัวตนมากน้อยสักเพียงใด
เราส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปกับเวลาและลู่ไปตามกระแสแห่งโลกวัตถุ
โลกบริโภค ที่ฝังและยัดเยียดให้เราเดินไปในเส้นทางนั้น เสนอความสุขแบบจอมปลอม
จนทำให้สูญเสียความงามในชีวิตไปก็มาก ทำให้หลงทาง สร้างให้เราเป็นคนเก่งที่เห็นแก่ตัว
เพื่อสร้างโลกแห่งการแข่งขันแล้วเรียกมันว่า “การพัฒนา” แอบอ้างคำสอนแห่งความยากจนด้วยการย้อนแย้งให้เสพสิ่งสวยงามของเปลือกวัตถุภายนอก
ทั้งหลายทั้งปวงคือการหลอกล่อให้เราถอยห่างจากความรักที่แท้จริง
แล้วก็ใช้มาตรฐานเชิงเศรษฐศาสตร์มาวัดค่าผลได้ผลเสีย “วัดจุดคุ้มทุน” นี่เป็นมาตรวัดที่ถูกต้องแล้วหรือ?
บางทีเราก็พยายามสร้างตนเองเพื่อให้ได้มาตรฐานตามกระแสโลกโดยมิได้เหลียวแลคนอื่น
ประเภทว่า “เก่งคนเดียว ดีอยู่คนเดียว” ในโลกแห่งความเป็นจริง
บางสิ่งแม้อาจจะดูว่าไม่สมบูรณ์แต่มีความสุข
และก้าวเดินหน้าอย่างสันติสุขมากกว่าการเดินบนความสำเร็จเพียงลำพัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเกาะอยู่แห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน
ความสุข ความเศร้า ความรู้และอื่น ๆ รวมไปถึงความรักด้วย
วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า
“เกาะกำลังจะจม ดังนั้นทั้งหมดจงเตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ” มีแต่ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะ
‘ความรัก’ ต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
เพื่อช่วยเหลือทุกความรู้สึกให้ปลอดภัย
เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว ‘ความรัก’ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้าง
‘ความรวย’ แล่นเรือผ่านมา ความรวยได้ตอบว่า
“ไม่ได้หรอกฉันรับเธอไม่ได้
เพราะเรือฉันหน่ะเต็มไปด้วยทองคำและเงินแล้ว จึงไม่มีที่ว่างให้เธอ"
ความรักจึงตัดสินใจจะถาม ‘ความเห็นแก่ตัว’
ซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วยเรือลำงาม “ความเห็นแก่ตัว ช่วยฉันด้วย” ความรักร้องขอ
“ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก ความรักคุณหน่ะเปียกทั้งตัว
มันจะทำให้เรือฉันเปียกไปด้วย”
‘ความเศร้า’ ได้พายเรือเข้ามา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก “ขออนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณด้วยนะ”
“โอ้...ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลย
ฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ” ความเศร้าตอบ
‘ความสุข’ ได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน
แต่เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงร้องเรียกขอความ
ช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่กำลังสุข แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง”
เป็นเสียงของคนแก่คนหนึ่ง
ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมากจนลืมถามว่าใครคือผู้ใจดีคนนั้นเมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง
คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น
ความรักจึงถาม ‘ความรู้’ และคนแก่อื่น ๆ
“ใครกันเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน”
ความรู้ตอบว่า “เวลา”
ความรัก “แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันได้หล่ะ”
ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตนเอง แล้วตอบกลับมาว่า
“ก็เพราะว่ามีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน...”
บางทีชีวิตที่ผ่านมา
เวลามักนำความรักมาให้ชีวิตเสมอ แต่เป็นเราเองที่มองไม่เห็นค่าของความรัก
ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามาบดบัง โดยเฉพาะความรู้สึกแห่งยุคสมัยใหม่ ที่มองค่าความรักเป็นเพียงแค่ความ
‘คุ้ม ไม่คุ้ม’ เวลาที่เหลืออยู่ เวลาที่มีอยู่ ลมหายใจที่เข้าออก
ได้บอกให้เราใช้เส้นทางชีวิตอย่างไร? ใช้เวลาสำรวจตรวจสอบตัวเองบ้าง
เพื่อว่าเราจะได้รอดพ้นจากเกาะที่กำลังจะจมลงไปพร้อม ๆ กัน บางทีชีวิตที่ประสบความสำเร็จคือชีวิตที่มีความรัก
ความเมตตา ความรู้ ความเข้าใจโลก ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
ไม่สร้างปัญหาให้ใคร ไม่เบียดเบียนใคร ทำให้สังคมดีขึ้น แล้วเวลาจะทำให้ความดีงามของเรางอกงามขึ้นในชีวิตของคนอื่นโดยไม่ต้องไปเอ่ยอ้าง.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น