ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่
เป้าหมายหลักของผู้คนทั่วไปคือการได้รับตำแหน่งที่สูงสุด
ทำงานก็เพื่อให้เป็นเจ้าคนนายคน เราจึงต่างดิ้นรนเพื่อให้มีอำนาจ เราต่างก้าวขึ้นให้เหนือทุกคนจนลืมค่าของทุกคนไป
หลงลืมไปว่า เราต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน รับใช้กัน ที่ไหนได้ เราต่างกดขี่กัน
กดดันกันเพื่อตัวเองจะได้เป็นที่หนึ่ง ใช่หรือไม่ เรามักหลงลืมคำสอนที่ว่า คนสุดท้ายจะกลายเป็นคนแรก
และคนแรกจะอยู่ปลายทางหางแถว
ผู้คนในยุคที่ถูกกระแสแห่งความเห็นแก่ตัวเข้าครอบครอง ทำให้เกิดภาวะไร้สุข
ไม่ใส่ใจชีวิตภายใน ไร้ที่พึ่งพิง เงียบเหงาเศร้าในวิญญาณ รอวันสิ้นสลายหายไป กระแสนี้กำลังค่อย
ๆ เป็นวิกฤตของสังคมโลก ที่น่ากลัวกว่าสงครามโลก อัตราการฆ่าตัวตายมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย
ๆ จนมีมากกว่าคนที่เสียชีวิตจากภัยสงครามอย่างไม่น่าเชื่อโลกเหมือนกำลังสิ้นหวัง
และแล้ววันหนึ่งเกิดปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก จากคนไร้ชื่อเสียง
จากพระคาร์ดินัลละตินอเมริกาธรรมดาที่ทำให้โลกกลับหันมามอง มาใส่ใจคุณค่าชีวิตมากขึ้น
ภายหลังจากพระศาสนจักรคาทอลิกได้ผู้นำจิตวิญญาณคนใหม่
กระแสฟีเว่อร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทำให้ค่าเฉลี่ยในพิธีต่าง ๆ ที่พระสันตะปาปาเป็นประธานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
อาทิ การเข้าเฝ้าทั่วไปซึ่งจะจัดทุกวันพุธที่วาติกัน
ปกติจะมีคนมาเฝ้าพระสันตะปาปาประมาณ 8,000 – 25,000 คน ปรากฏว่า
มีคนมาเข้าเฝ้าสูงถึง 30,000 – 70,000 คนต่อครั้ง
ส่วนการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวทุกเที่ยงวันอาทิตย์
(ถ้าเป็นปาสกาจะเรียกสวดราชินีแห่งสวรรค์) ปกติค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25,000 คน
แต่ในยุคพระสันตะปาปาฟรังซิส ตัวเลขพุ่งสูงถึง 70,000 – 250,000 คน
จากความเรียบง่าย จากการไม่ถือตัวของพระสันตะปาปาฟรังซิส
การปฏิเสธการสวมรองเท้าสีแดงอันเป็นรองเท้าพระสันตะปาปา
การปฏิเสธที่จะไปนอนในวังพระสันตะปาปา แต่เลือกห้องนอนเล็ก ๆ ในหอพักซางตา มาร์ธา
และอื่น ๆ อีกมากมาย สื่อมวลชนต่างประเทศต่างเรียกการตัดสินใจแบบนี้ว่า
“ฟรังซิสสไตล์”
เหตุผลที่ไม่พำนักในวังพระสันตะปาปา – เรื่องนี้ ได้รับการเฉลยจาก
“คุณพ่อฮอร์เก้ ชิชินโซล่า” สงฆ์ชาวอาร์เจนไตน์ ผู้เป็นสหายคนสนิทของพระสันตะปาปาฟรังซิส
คุณพ่อชิชินโซล่าเผยว่า สาเหตุที่พระสันตะปาปายังพักที่ห้องพักเล็ก ๆ ในหอพักซางตา
มาร์ธา แทนที่จะเป็นวังพระสันตะปาปา เป็นเพราะ
“พระสันตะปาปาต้องการอยู่แบบหมู่คณะ(แบบจิตตารมณ์นักบวช) พระองค์ไม่ต้องการอยู่แบบโดดเดี่ยวตัวใครตัวมัน
พระองค์อยากจะเสวยอาหารแบบมีเพื่อนร่วมโต๊ะและพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวประจำวันกัน”
นอกจากนี้ คุณพ่อชิชินโซล่ายังเผยว่า เป็นความจริงที่พระสันตะปาปา
ฟรังซิส ทรงอุทานออกมาทันทีที่ได้เข้าวังพระสันตะปาปาเป็นครั้งแรกว่า “โอ ..
ห้องนี้(วังพระสันตะปาปา)ใหญ่เกินไป ถึงขนาดจุคนได้ 300 คนเลยนะ!!
พ่อไม่ต้องการที่พักใหญ่ขนาดนี้หรอก”
วันหนึ่งพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงตื่นนอนและเดินออกมาหน้าห้อง
(เวลาประมาณ ตี 4.30 น.) พระองค์เห็นทหารสวิสยืนรักษาความปลอดภัยหน้าห้องนอน
พร้อมหอกประจำตัว
พระสันตะปาปาจึงตรัสถามเขาว่า “มาทำอะไรตรงนี้
นี่คุณอยู่ตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอ”
ทหารสวิส: ครับผม
พระสันตะปาปา: ยืนแบบนี้ (ทั้งคืน) ???
ทหารสวิส: พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ครับ
ผมเข้าเวรถัดจากเพื่อนผมครับ
พระสันตะปาปา: แล้วคุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ
ทหารสวิส: มันเป็นหน้าที่ของผมครับพระสันตะปาปา
ผมต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้พระองค์
จากนั้นพระสันตะปาปาทรงมองเขาด้วยความห่วงใย
และเสด็จกลับเข้าไปในห้องพักของพระองค์ นาทีต่อมา พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงถือเก้าอี้ออกมาด้วย
พระสันตะปาปาตรัสกับเขาว่า “เอ้า ... อย่างน้อยก็นั่งลงและพักบ้างนะ”
ทหารสวิสทำตาเลิกลั่ก และทูลพระองค์ว่า “พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์
โปรดอภัยให้ลูกด้วย ลูกทำแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ เรามีกฎว่าทำแบบนั้นไม่ได้ครับ”
พระสันตะปาปา: กฏ????
ทหารสวิส: มันเป็นคำสั่งจากผู้บัญชาการครับ
พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงยิ้มรับ และตรัสว่า “โอ้ว จริงดิ ... เอาล่ะ
ดีเลย พ่อคือพระสันตะปาปานะ!!! และพ่อขอสั่งให้คุณนั่งลงเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้น ทหารสวิสก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่พระสันตะปาปาทรงแบกออกมาให้
และพระสันตะปาปาก็เสด็จกลับเข้าไปในห้องพักอีกครั้ง คราวนี้
พระองค์ทรงถือ “ขนมปังกับแยม” ออกมาให้ทหารสวิสคนนี้และตรัสกับเขาว่า “คุณอยู่เฝ้าตรงนี้มานานหลายชั่วโมง
คุณต้องหิวแน่ ๆ เอ้า .. ทานซะนะ ... ขอให้อร่อยกับอาหารนะน้อง” (ข้อมูล : Pope Report)
การเห็นคุณค่าของผู้คนรอบข้างคือบ่อเกิดแห่งความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
สิ่งนี้ย้ำเตือนเราให้เห็นคุณค่าของผู้คนรอบข้าง
อย่าให้ความเห็นแก่ตัวนำทางชีวิตเรา ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเราให้มีคุณค่า
แล้วชีวิตเราจะมีคุณค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น