วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ทำเลยไม่พร่ำเพ้อ


ทำเลยไม่พร่ำเพ้อ
              สำหรับประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งโดนพายุไต้ฝุ่นฮากีบิสถล่ม ชนิดที่ว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ด้วยความพร้อม ความมีวินัย การวางแผนที่ดี สื่อสารและทำตามคำแนะนำขององค์กรของรัฐอย่างจริงจัง ไม่พูดเยอะ ไม่อวดรู้ ไม่โวยวาย ไม่เรียกร้อง ร่วมมือร่วมใจกัน หลายภาพ หลายสื่อที่นำเสนอความมีวินัยและการจัดการที่รวดเร็ว ทำให้คนทั้งโลกรู้ถึงความสามัคคีและคุณภาพของคนญี่ปุ่น เราจึงเห็นความเสียหายไม่มาก และการฟื้นฟูที่รวดเร็ว ประเทศเขาเป็นประเทศที่ประสบภัยพิบัติบ่อยครั้งและหนักหนา แต่ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเข้มแข็ง และพัฒนาเจริญเติบโตขึ้นด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง
             ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเคยถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณู ที่เมืองนางาซากิและฮิโรชิมา ทำให้เป็นประเทศพ่ายแพ้สงครามจนเกือบสิ้นแผ่นดิน เมื่อเริ่มตั้งต้นใหม่จึงร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ประเทศเขามีความสงบสุขเพราะบทเรียนจากบาดแผลของสงครามทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของสันติ พระสันตะปาปาฟรังซิส ปรารถนาที่จะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ นำสันติสุขมาสู่คนญี่ปุ่น และสำหรับเราคนไทย ถึงแม้ว่าเรายังไม่ถึงขั้นสาหัสเหมือนคนญี่ปุ่น เราเป็นเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งในประเทศนี้ แต่เราก็มีความสงบภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ตลอดมา ก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาเยือนพวกเรา เราจึงควรสร้างความหวังและสันติสุข นำแสงสว่างแห่งความรักฉายแสงสู่สังคมเพื่อให้ทุกคนที่อยู่รายล้อมเรา จะได้พบกับความสุขที่แท้จริง เพื่อให้การมาเยือนของสันตะบิดรเปี่ยมไปด้วยความสุข
           ในความจริงพระสันตะปาปาพระองค์นี้มีพระชนมายุเยอะพอสมควร ร่างกายมิได้แข็งแรง แต่หัวใจของพระองค์ท่านนั้นแกร่งยิ่งนัก พร้อมที่จะมาหาลูก ๆ ผู้ห่างไกล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยประทานการสัมภาษณ์ในหัวข้อการเสด็จเยือนต่างประเทศ พระองค์ยอมรับว่า ช่วงเริ่มสมณสมัย พระองค์วางแผนว่า ไม่ต้องการเดินทางไกลมากเกินไป (อาทิ ต่างประเทศ) แต่หลังจากได้ไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่เกาะลัมเปดูซ่า ประเทศอิตาลี ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2013 พระองค์ทรงเปลี่ยนความคิดทันที เพราะพระองค์สัมผัสได้จากข่าวต่าง ๆ ที่ถูกเผยแพร่ออกไปว่า การที่พระสันตะปาปาไปเยี่ยมสัตบุรุษตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้สิ้นหวัง มันเป็นการช่วยฟื้นฟูความหวังให้กับสัตบุรุษที่ได้พบพระสันตะปาปาอย่างแท้จริง พระสันตะปาปายังกล่าวด้วยว่า “พ่อไม่เคยชอบการเดินทางบ่อย ๆ ตอนเป็นพระสังฆราชที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา พ่อเดินทางมากรุงโรมเฉพาะงานที่จำเป็นและพ่อเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ สำหรับพ่อ มันเป็นเรื่องหนักเสมอที่จะต้องออกจากสังฆมณฑลของตน เพราะสำหรับสังฆมณฑล พระสังฆราชคือ “คู่ชีวิต” ของสังฆมณฑลเลยนะ”
           การเยือนต่างประเทศครั้งแรกของพระสันตะปาปาฟรังซิส คืองานเยาวชนโลก 2013 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ครั้งนี้พระสันตะปาปายอมรับว่า “งานนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พ่อจะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา และแน่นอน งานเยาวชนโลกเป็นหน้าที่สำหรับพระสันตะปาปาที่ต้องไปร่วมงาน งานนี้ไม่มีข้อสงสัยเลย ยังไง พ่อต้องไปอยู่แล้ว” พระสันตะปาปาทรงกล่าวติดตลก เวลาไปเยือนประเทศต่าง ๆ “หลายครั้ง ผู้คนจะตะโกนต้อนรับพ่อด้วยคำว่า “โฮซานนา” ปฏิกิริยาของพ่อเวลาได้ยินเขาตะโกนคำนี้ก็คือพ่อจะนึกถึงเหตุการณ์ในพระวรสาร ฝูงชนเริ่มต้นด้วยการตะโกนโฮซานนาเพื่อต้อนรับ แต่ตอนจบ เขาอาจจะตะโกนว่า “เอามันไปตรึงกางเขน” ก็ได้นะ”
           พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงยกสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ตรัสไว้เกี่ยวกับการเสด็จเยือนต่างประเทศ มาเป็นสิ่งเตือนใจพระองค์ นั่นคือ “ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่พ่อเหนื่อยกับการยกมืออวยพรฝูงชน” คำพูดนี้ทำให้ พระสันตะปาปาฟรังซิส เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่า ทำไมพระสันตะปาปาต้องเยือนต่างประเทศ
      พระสันตะปาปา ยังแบ่งปันด้วยว่า พระองค์ยังไม่ตัดสินใจจะเสด็จเยือนประเทศในโลกตะวันตกประเทศใด แต่ในใจของพระองค์ ทรงต้องการจะไปเยือน “ประเทศชายขอบที่หลายคนมองข้าม” มากกว่า เพราะประชาชนในประเทศเหล่านี้จะได้ประโยชน์อย่างมาก สุดท้าย พระสันตะปาปายอมรับว่า “วิธีการเข้าหาฝูงชน” ของพระองค์สร้างปัญหาให้ทีมรักษาความปลอดภัย เพราะพระองค์ไม่ต้องการใช้รถที่มีกระจกกันกระสุน และต้องการสัมผัสฝูงชนแบบใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาฟรังซิส ย้ำว่า พระองค์จะไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการนี้ เพราะพระสันตะปาปาคือนายชุมพาบาลและบิดา ดังนั้น มันต้องไม่มีสิ่งกีดขวางพระสันตะปาปากับประชาชนของพระองค์ ถึงมันจะเสี่ยงภัย แต่พระเจ้าจะจัดการทุกสิ่งเอง (ข้อมูล Pope Report)

          แบบอย่างของคนญี่ปุ่นและพระสันตะบิดรของเราคือ การลงมือทำ ไว้ใจในพระ ไว้ใจในกันและกัน ไม่บ่นพร่ำเพ้อ ชีวิตแบบนี้จึงเป็นชีวิตที่จะเดินสู่สันติสุขอย่างแท้จริง ความมีวินัยอย่างหนึ่งที่แสนง่ายในชีวิตเราคือ การไม่พูดเยอะ ไม่บ่น แต่วางใจในพระและลงมือทำตามที่พระจิตเจ้านำทางหรือดลใจ สิ่งไหนทำแล้วสุขใจสิ่งนั้นคือทางแห่งความงาม...




ไม่มีความคิดเห็น: