วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

อะไรที่หายไป


อะไรที่หายไป
ในชีวิตจริงเรามักพบเจอกับเหตุการณ์ที่ของสำคัญ ของจำเป็น ของมีค่าสูญหาย แล้วเราก็พยายามหาแล้วหาอีกนึกแล้วนึกอีกว่าสิ่งนั้นมันเคยอยู่ตรงไหน!!! บางครั้งบางเวลาถึงกลับต้องรื้อค้นจนมีของอื่นที่ลืมไปแล้วโผล่มาให้เห็น สิ่งที่หาไม่พบ สิ่งที่พบไม่ต้องการ....ถ้าเจอเราก็รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น แต่ถ้าสูญหายไปจริง ๆ เราจะรู้สึกเศร้า โกรธตัวเองที่ลืม ที่ไม่ใส่ใจสิ่งนั้นให้เพียงพอ ยิ่งในสมัยนี้ด้วยแล้วเรามักจำสิ่งต่าง ๆ ไม่ค่อยได้ เนื่องเพราะเราคิดว่าเรามีเครื่องมือช่วยจำแทนเรา ในความเป็นจริง มันจำแทนเราไม่ได้เสียทุกเรื่อง ยิ่งนับวันสมองของคนเราไม่ได้รับการใช้งานมากนัก เราจึงหลง ๆ ลืม ๆ กันมากขึ้น จดจำได้น้อยลง ถ้าถามตัวเราว่า จำเบอร์โทรศัพท์ญาติมิตรสหายสัก 10 เบอร์ คงเป็นเรื่องยาก ขนาดเบอร์ตัวเองแท้ ๆ บางครั้งยังนึกไม่ออกบอกไม่ถูก ความจำส่วนนี้สูญหายไปหมดสิ้น


เรายังมีความสะดวกที่เอื้อให้เราไม่กลัวการลืมของอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือ แต่ละบ้าน แต่ละที่มีกล้องวงจรปิด ถ้าลืมเมื่อไรเราก็รีรันเหตุการณ์ได้ เช่น ในวัดเซนต์หลุยส์ของเรา บ่อยครั้งมีคนลืมนั่นลืมนี่หลังจากมาร่วมมิสซา ส่วนใหญ่ของเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้ให้เจ้าของมารับคืน หรือถ้านานวันสักหน่อย เราก็ย้อนดูว่ามีใครเก็บของเหล่านั้นไว้บ้างหรือเปล่า ทำให้การหาของหายง่ายดายขึ้น สำคัญที่เราก็ต้องจดจำให้ได้ว่าเรานั่งตรงไหน เวลาใด ถ้าทุกสิ่งเราจำไม่ได้ ของนั้นก็มีโอกาสที่จะไม่ได้กลับคืน ฉะนั้นแล้ว ความจำ ยังสำคัญเสมอ อย่าปล่อยให้ความจำสูญหาย เพราะเรามีเครื่องไม้เครื่องมือช่วย มันอาจจะช่วยได้บางส่วนเท่านั้น
เมื่อเราพูดถึงของที่หาย มีหลายเรื่องราวก็หายไปจากชีวิต สิ่งนั้นเคยสำคัญกับเรา แต่วันหนึ่งเราอาจจะไม่ให้ความสำคัญ จึงทำให้ชีวิตเราดูบางเบา ดูไม่ค่อยจะสมบูรณ์ เคยสังเกตไหมว่าความสุขในชีวิตเราหายไปบ้างหรือเปล่า บางครั้งเราให้เวลากับสิ่งภายนอก กับการเสาะหา โดยลืมการแสวงหาความสุขภายในไป เรามุ่งมั่นสู่ความสำเร็จทางด้านการงานและการเงิน จนเกินความจำเป็นจนทำร้ายร่างกายอย่างไม่รู้ตัว มีแต่ความเครียด ความหงุดหงิด ความกลัว และความอิจฉาผู้อื่น จนลืมไปว่าความสุขนั้นของใครก็ของมัน ต้องสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งการสร้างสุขนั้นต้องเปิดใจกว้างเพื่อรับความสุขจากผู้อื่น และส่งต่อความสุขนั้นไปยังผู้อื่นเพื่อเพิ่มพูนให้สุขยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะบังเกิดได้ด้วยการลดละความเห็นแก่ตัว และไม่มุ่งที่จะนำคนอื่นมาเปรียบเทียบ ยิ่งถ้าสร้างมาตรฐานการดำเนินชีวิตทางวัตถุสูงเกินจำเป็น ต้องมีข้อเงื่อนไข บีบคั้นชีวิตอยู่ตลอดเวลา อย่างไม่รู้ตัว ถูกสิ่งที่เรียกว่า “วัตถุแห่งความสุข” หลอกให้วิ่งหา จนเมื่อได้ความสุขนั้นมาแล้ว ก็ยังถูกหลอกให้วิ่งหาความสุขอื่น ๆ อีกต่อไปไหม?  การแสวงหาความสุขของเรา “ชอบธรรม” พอที่จะไม่นำความทุกข์ย้อนกลับมาเป็นของแถมที่ไม่ต้องการให้ในภายหลังไหม?  
ความสุขที่หายไปบางครั้งก็มาจากการทำความรักหล่นหายระหว่างทาง ความเมตตาถูกทิ้งลงข้างทาง เราเห็นการหย่าร้าง เลิกรา ของเหล่าดารานักแสดงเป็นประจำ มีให้เห็นทุกวันบนหน้าฟีดข่าว สิ่งนี้กำลังสร้างฐานข้อมูลใหม่ให้ผู้คนในสังคม แล้วก็มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ครอบครัวไม่เป็นครอบครัว การแต่งงานเป็นเพียงพิธีกรรม เป็นเพียงงานสังสรรค์ภายนอกเท่านั้น ผู้คนมักให้ความสำคัญกับการจัดงานมากกว่าคำสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อกันตราบวันสิ้นชีวา ลืมว่าจะดูแลกันทั้งในยามสุขและยามทุกข์ เนื่องเพราะเราต่างฝ่ายต่างยึดมั่นในตัวตน ความอดทนไม่มี หลงลืมวันแรกรัก ความฝันแรกร่วมกันสร้างครอบครัว มักมีคำว่า “ทัศนคติไม่ตรงกัน” เป็นคำกล่าวอ้างเพื่อให้ตัวเองดูดีที่จะห่างร้างลาจากกัน ในวันหน้าเราจะมีผู้คนที่ไร้รากหรือรากอ่อนแออยู่ในสังคมอีกเท่าไรกัน เราลืมการสร้างครอบครัวเพื่อสร้างสังคมกันหมดแล้วหรือ???


เราหลงลืมรอยยิ้มหายไปจากใบหน้า รอยยิ้ม ความสง่างาม ความมั่นใจนั้นเป็นทรัพย์สินทางจิตใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากมีสิ่งเหล่านี้ จะมีทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อหมดยิ้ม หมดรัก ทำให้ผู้คนหล่นหายไปจากชีวิตเรา วันเวลาผ่านไปมีผู้คนเข้ามาทำความรู้จักมากมาย แต่ที่ยังสนิทเป็นมิตรสหาย ยินดีที่จะคบหากันในระยะยาวมีสักกี่คน ในสังคมที่ต่างคนต่างอยู่ ในเมืองที่วุ่นวายกลับรู้สึกเดียวดายและเงียบเหงา เพราะเราลืมความจริงใจต่อกัน แค่ยิ้มให้กันยังมีอคติมาขวางกั้น ความสัมพันธ์ต่อกันจึงเปราะบางพร้อมแตกหัก โรคซึมเศร้าจึงระบาดอยู่ทุกหนแห่ง เราต่างทำให้ความสุขหายไปอย่างไม่รู้ตัว
ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ก็จงเป็นคนดีมีเมตตา การมีจิตใจดี ก็จะทำให้เราเป็นผู้ที่ได้รับความคุ้มครองดูแลอย่างดีที่สุดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ความร่ำรวยและอำนาจ ทำดีย่อมได้ดีตอบแทนเสมอ หมั่นสำรวจค้นหาว่าการทำความดี เรายังเรียกร้องให้คนยกย่องสรรเสริญ อยากให้คนอื่นเห็นหรือเปล่า  เรายังหวังผลตอบแทน หรือคาดคั้นจะเอาผลตอบแทนให้ได้หรือเปล่า? ถ้าเป็นดังนี้ แสดงว่าเรายังเป็นคนดีแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถสัมผัสคุณค่าแห่งความดีที่แท้จริงได้  เราลืมความจริงข้อนี้ไป ความสุขเราก็สูญหาย ดังนั้นการค้นหาความสุขจึงต้องปล่อยบางสิ่งไว้ในที่ที่ของมัน   การหยุดความอยากได้ คือ ฟากฝั่งแห่งความสุข อะไรที่หายไปเรายังออกแรงค้นหา แล้วความดีที่หายไปเล่า เราพร้อมที่จะออกแรงค้นหากันแล้วหรือยัง

ไม่มีความคิดเห็น: