นั่งตรงไหน!!!
บ่าย ๆ ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีนัดกับหลานสาวผู้หลงใหลในศิลปะการแสดงละครเวที
และด้วยความกะทันหัน บัตรที่นั่งในการแสดงรอบสุดท้ายเกือบเต็มทุกที่
ครั้งนี้เราจึงได้ที่นั่งบนชั้นสอง เป็นชั้นลอยของโรงละครรัชดาลัย
นี่เป็นครั้งแรกที่มานั่งดูในชั้นบน สองถึงสามครั้งที่ผ่านมาจะวนเวียนอยู่ชั้นล่าง
ตรงกลาง ๆ บ้าง ตรงด้านหน้าใกล้ ๆ เวทีบ้าง ก็จะมีความแตกต่างกันไป นั่งด้านที่ชิดเวทีหน่อยเราก็เห็นหน้านักแสดงได้ชัดเจน
เห็นอารมณ์ เห็นแววตา นั่งตรงกลาง ๆ ก็จะเห็นได้ครอบคลุมทั้งเวที
แต่เมื่อนั่งด้านบน เป็นมุมสูง มุมกด จะเห็นภาพรวมทั้งหมด เห็นทุกการเคลื่อนไหว เห็นแม้กระทั่งอาการของผู้ชม
จริง ๆ แล้วเราแต่ละคนก็มักจะติดกับที่นั่งที่เราคุ้นชิน แม้แต่เข้าโรงภาพยนตร์
เราก็จะเลือกนั่งแถวที่เราคิดว่า สบายสายตาเราดูได้สะดวกที่สุด สบายร่างกาย
ไม่ถูกบัง ก็มักจะเลือกในที่นั่งในแถวนั้น
ในชีวิตจริงของเราแต่ละคนย่อมมีที่นั่งประจำที่ ประจำทาง เป็นความคุ้นชิน อย่างเช่นเวลามาเข้าวัด
เราก็จะเลือกนั่งในบริเวณเดิม ๆ เมื่อใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ปรับที่นั่ง
หรือมาแล้วที่นั่งเต็ม ก็จะรู้สึกถึงความไม่คุ้นเคย นั่งไม่สบาย มุมไม่ได้
เสียงไม่ชัดเจน อารมณ์แบบนี้ย่อมเคยเกิดกับเราทุกคน เราล้วนมีที่นั่งเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
เราล้วนมีความคุ้นเคยและไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เรามักยึดติดในสิ่งเดิม ๆ
ที่เราทำ เราเป็น และไม่อยากให้ใครเข้ามาล่วงล้ำ แต่ก็อีกนั่นแหละ ความเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ยิ่งในสภาพสังคมโลกที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกันแทบทุกนาที เราก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัว
แม้ว่าเราจะคงยึดมั่นในสิ่งเดิม ๆ สิ่งภายนอกพร้อมปรับเปลี่ยนอย่ายึดติด
ขอเพียงมีชีวิตภายในที่ชิดสนิทและมั่นคง
เราก็สามารถอยู่ท่ามกลางกระแสที่ไหลเปลี่ยนอย่างแข็งแรงไม่โน้มเอียงไปมา
ยุคแห่งการพลัดเปลี่ยนมีมาให้เห็นทุกวัน
เช่นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาสนามม้านางเลิ้ง
ที่มีอายุถึง 102 ปี ก็จำต้องปิดตัวลง
ทำให้มีคนไปดูการแข่งม้าครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก
เห็นข่าวนี้ทำให้ย้อนคิดถึงวันเก่า ๆ ถนนสายเดิม ๆ หน้าสนามนั้น
เคยใช้เป็นเส้นทางมาทำงานอยู่ทุกวันเป็นเวลาหลายปี ในตอนที่ได้ทำงานใหม่ ๆ ได้เคยอาศัยบ้านเช่าอยู่แถวศรีย่าน
สามเสน ต้องนั่งรถเมล์ผ่านสนามม้าแห่งนี้ ยิ่งวันอาทิตย์ไหนที่ต้องมาทำงานพิเศษ
ถนนนี้จะคึกคักไปด้วยผู้คน มีรถมอเตอร์ไซด์จอดเรียงรายยิ่งกว่าร้านขายรถเสียอีก
วันเวลาผ่านไป ย้ายที่ทำงาน ย้ายที่พัก สิ่งคุ้นชินค่อย ๆ จางหายลง รถเมล์ที่นั่งสายประจำแทบไม่เคยได้ขึ้นอีกเลย
มาเห็นข่าวอีกที สนามม้านี้ปิดลงเสียแล้ว
แน่นอนไม่มีอะไรคงที่คงทนบนหนทางของโลกใบนี้
สรรพสิ่งเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายอยู่ตลอดเวลา
ตลาดปลาซึกิจิ ตลาดขายอาหารทะเลสดชื่อดังในโตเกียว
ของประเทศญี่ปุ่น ก็ประกาศปิดตัวและย้ายสถานที่ไปเปิดใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อทุบตลาดนี้ทิ้งทำเป็นลานจอดรถรองรับกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
2020 หลายคนบ่นว่าเสียดาย นี่เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว
ตลาดแห่งนี้ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ เพราะสร้างมาตั้งแต่ปี 1935 พ่อค้าแม่ขายก็มักชินกับแผงเดิม ๆ จะให้ย้ายไป วิถีชีวิตก็ต้องปรับต้องเปลี่ยนกันใหม่
แต่เพื่อให้เกิดระบบระเบียบแม้จะเสียดายวัฒนธรรมเก่าก่อนก็จำต้องน้อมรับต่อการเปลี่ยนไป
ข้ามมาฝากฝั่งยุโรป บริษัทโฟล์คสวาเกน
ประกาศเลิกผลิตรถเต่า รถยนต์รุ่นบีตเทิล หลังจากมีการนำมาใช้ถึง 3 ชั่วอายุคน และกลายเป็นรถยนต์รุ่นที่คลาสสิกที่สุดที่คนทั่วโลกชื่นชอบ
รถเต่ารุ่นแรกเกิดขึ้นในเยอรมนี เมื่อปี 1938 มาช่วงหลัง
ๆ ยอดขายลดลงไปมาก เรียกว่าแทบขายไม่ได้เลย เพราะมีรถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่เกิดขึ้นและกำลังได้รับความนิยม
ได้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือตัวอย่างของสิ่งเก่า ที่ถูกสิ่งใหม่มาแทนที่
ไม่มีสิ่งใดคงทนคงที่
มีแต่ความดีงามนั่นแหละจะเป็นนิรันดร์คู่กับความเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าเราจะนั่งตรงไหนที่ใด สักวันเราก็ต้องย้ายโยกเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง
หากแต่ที่นั่งที่จะคงอยู่ตลอดไปได้นั้น คือ การได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้คน
ไม่ใช่การไปนั่งทับศีรษะใคร การนั่งในใจคนให้ได้นานนั้นเป็นเรื่องไม่ยากที่จะทำ
แต่ยากตรงที่เราต้องยอมละตัวตนเลิกอวดดีอวดเก่ง และสุภาพ เสียสละ รู้จักรับใช้ เราอยู่ในยุคที่ทุกการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีการแข่งขัน
และตกอยู่ในกระแสที่ยึดตัวตนเป็นที่ตั้งจึงเกิดการช่วงชิงพื้นที่ครอบครอง
แต่พื้นที่นั้นหาใช่พื้นที่ภายในใจคน เป็นพื้นที่เพื่อความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ
ทางด้านชื่อเสียงเสียเป็นส่วนใหญ่ หากคนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงล้วนแต่ไม่ใยดีต่อทุกผู้คน
แทนที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งดีกว่าอาจจะกลายเป็นการเดินหน้าไปสู่ห้วงเหวลึกก็เป็นไปได้
เราจะนั่งตรงไหน เราจะเป็นใครใหญ่โต ต่ำต้อยเพียงใด ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อยู่ที่หัวใจและชีวิตภายในของเรามั่นคงแล้วหรือยัง???
ถ้าผู้ใดปรารถนาจะเป็นผู้นำก็ต้องปฏิบัติตนเป็นผู้รับใช้ทุกผู้คนทุกระดับด้วยหัวใจที่เป็นเช่นเด็กเล็กๆที่มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์
ประพฤติตนให้เป็นที่ยอมรับและนั่งอยู่ในหัวใจผู้คนให้ได้ นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้บอกเราไว้เป็นแนวทาง
เพื่อให้เราสามารถปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกยุคทุกสมัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น