วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

เราล้วนต่างที่มาที่ไป


เราล้วนต่างที่มาที่ไป
            ในเส้นทางระหว่างเดินทางไปทำธุระแถวจังหวัดบุรีรัมย์ ผ่านลำตะคอง ตรงเกาะกลางถนนเคยมีตอม่อที่กำลังสร้างเป็นฐานเสาใหญ่รองรับทางลอยฟ้า วันนี้หลายช่วงถนนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ถนนถูกวางบนฐานใหญ่ กลายเป็นถนนลอยฟ้าที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตการสัญจรให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็คิดถึงว่า ก่อนการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมต้องมีสาเหตุที่ไปที่มา การสร้างถนนลอยฟ้านี้ก็เพื่อให้การสัญจรสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าเทศกาลหรือช่วงวันหยุดยาว เพื่อให้การเดินทางและการขนส่งมีความคล่องตัว และเพื่ออะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะนำไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว


ในวันที่เรากำลังเผชิญอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จึงเกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่หลายคนบนโลกกำลังก้าวไปสู่จุดนั้น นั่นคือ การอยากมี “ตัวตน” ซึ่งทำได้อย่างง่ายบนกระแสภิวัฒน์ดิจิทัลเช่นนี้ ขณะเดียวกัน เราก็เห็นหลายคนพลาดท่า พลาดพลั้ง เพราะการแสดงตัวตนที่เกินเลย สนองความอยากเด่นอยากดัง เลยพังไม่เป็นท่า แม้แต่เราเองก็ถูกกระแสการมีตัวตนเล่นงานทางอ้อมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระแสแบบนี้ยิ่งทำให้ผู้คนเกิดความทะนงในตัวตนจนไม่ได้มองถึงความแตกต่างของสรรพสิ่ง อยากทำอะไรก็ทำ คิดอย่างไรทำอย่างนั้น ข้ามขั้นข้ามตอน และขาดความเคารพในความคิดเก่าก่อน ขาดความเคารพในความต่างของคนอื่น หลายครั้งในชีวิตเรา ใช่หรือไม่ การกระทำของเราอาจจะไปทำให้คนอื่นหมดพลัง หมดกำลังใจในการสร้างสรรค์ความดีความงาม เพราะเราเอาแต่ตัวตนของเราไปสวมใส่คนอื่น โดยมิได้ศึกษาและเคารพความเป็นมาเป็นไปของคนคนนั้น โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และแปลกใหม่ ทันยุคทันกระแส ไร้เหลียวแลเหตุผลของสิ่งที่มีมาก่อน
ในหลายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกย่อมมาจากการต่อยอดจากสิ่งเดิม เพิ่มเติมด้วยความเคารพให้เกียรติกับผู้ก่อเริ่มสร้างร่างแรก นี่จึงขึ้นชื่อว่าเป็นการพัฒนาสู่ความเจริญที่แท้จริง ไม่เหมือนกับวันนี้ที่เราไม่ค่อยที่จะให้เกียรติกัน เรามักที่จะคิดเอาเองว่าสิ่งที่เราทำนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว บางครั้งบางอย่างอาจจะดีในมุมหนึ่ง แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับของเดิม เพราะไร้การศึกษาที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ ในความอยากมีตัวตนคนเบื้องหลังที่ทำงานปิดทองหลังพระจึงจมหายไปจากสังคม
เพราะเราต่างช่วงชิงเพื่อให้คนที่ได้รับเชิดชูมากกว่าทำเพื่อความสุขใจ ทำเพื่อยกถวายขึ้นมอบแด่พระเจ้า การใช้การตลาดสร้างตัวตน มันไม่คงทนเท่ากับใช้ความดีกระทำให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ 
ในยุคแห่งความอันตรายที่ทำร้ายจิตวิญญาณ ด้วยการนำความดีเพียงเพื่อชักจูงให้คนเดินตามแถวทางที่เราคิดไว้เพียงอย่างเดียว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรกระทำ ใช่หรือไม่ มนุษย์เราเกิดมาล้วนมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพ จิตใจ ฐานะทางสังคม ความคิด ทัศนคติและจริตวิสัยในการดำเนินชีวิต มีความต่างทางด้านข้อมูล ซึ่งวันนี้ใครมีข้อมูลมากจะเป็นผู้มีอิทธิพลสูง เราจึงมักอ้างว่าข้อมูลเราดีสุด เจ๋งสุด ทั้งหลายทั้งปวง ทุกความแตกต่างล้วนมีที่มาที่ไป ถึงแม้เราจะมีความแตกต่างที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิด แต่เราสามารถสร้างความแตกต่างทางความคิด ฐานะ จิตใจได้ เมื่อเราเติบโตขึ้น ในถนนรถหลายคันวิ่งร่วมทางในระยะหนึ่งแล้วก็แซงหน้าขึ้นไป บางครั้งก็ถูกแซงให้อยู่ด้านหลัง หรือไม่ก็แยกไปอีกทางหนึ่ง เป้าหมายในชีวิตแต่ละคนก็เช่นกัน ย่อมแตกต่างกันออกไป บางครั้งอาจจะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ทางเดินหรือวิธีการไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ย่อมแตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์เหมือนกัน

ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถแยกประเภทความแตกต่างมนุษย์ได้ทั้งหมด รู้แค่ว่า คนนี้น่าจะเป็นแบบนี้ จากทัศนคติของเรา  บางครั้ง เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ที่มาที่ไป แม้แต่ตัวของเราบางครั้ง ก็แสดงออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว พระเจ้าสร้างความแตกต่างขึ้นมา เพื่อให้โลกมีพัฒนาการ แต่เราก็มักคิดจะครอบครองโลกไว้เพียงคนเดียว ด้วยการพยายามแสดงตัวตนให้ดูโดดเด่น โลกเราจึงมีพัฒนาการที่ไร้จิตวิญญาณมากขึ้น
ในความหมายคุณค่าทางจิตวิญญาณนั้นมาจากการยอมรับตัวตนของเราด้วยความสุภาพยอมรับคนอื่นด้วยความเคารพ และมีทัศนคติที่ดีต่อความคิดเห็นของคนอื่น มองให้เห็นลึกลงไปว่า หากเป็นเราจะทำเช่นไร ทำได้ดีเท่าเขาหรือไม่ เมื่ออยู่ในสภาวการณ์เช่นนั้น ทุกกรณีของผู้คน ย่อมล้วนมีที่มาที่ไป คนพูดง่ายกว่าคนทำเสมอ คนวิจารณ์ย่อมไร้จินตนาการในความงาม เราจึงควรมองข้ามความพยายาม ความศรัทธาของคนอื่นในทุกการกระทำ ความอ่อนน้อมกลายเป็นสิ่งที่โลกกำลังหลงลืม ความสุภาพยอมรับความแตกต่างกลายเป็นความช่วงชิงที่ยืน เพื่อชูคอให้สูงกว่าคนอื่น และที่สุดเรากำลังลืมสิ่งที่พระวาจาสั่งสอนเราอย่างน่าเสียดาย “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง” คำถามชวนคิดวันนี้ เรามีสำนึกตนเองมากกว่าการต้องการมีตัวตนใช่หรือไม่..สำนึกตัวเองแบบง่ายที่สุด คือ หยุดคิดและเตือนตนเสมอว่า ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เพื่อให้ใจเราสะอาดขึ้น และทำตัวให้ผู้คนรู้ว่าเราเป็นศิษย์พระคริสต์มิใช่ศิษย์คิดล้างอาจารย์...


ไม่มีความคิดเห็น: