จับเวลา
ในการวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ แม้กระทั่งการเดิน
ถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก จนกระทั่งถูกบรรจุใส่ในนาฬิกาแนวใหม่เพื่อสุขภาพ
ที่สามารถจะตั้งเวลาและเก็บสถิติในการการออกกำลังกายในแต่ละครั้งได้
แถมยังวัดการเต้นของหัวใจในขณะออกกำลังกายเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสุขภาพ เมื่อพูดถึงการจับเวลาในการออกกำลังกาย
เราสามารถจับเวลาได้ในหลายลักษณะ แบบแรกคือการตั้งเวลาที่เราจะใช้ในการออกกำลังกาย
หรือจับเวลาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งภายในเวลาที่กำหนด ตัวเลขเวลาจะเริ่มเดินถอยหลังจนถึงเลขศูนย์
หรือจะตั้งเวลาแบบให้เดินหน้าไปสู่ยังจุดหมายปลายทางก็ได้
หรือปล่อยให้เดินไปตามปกติ แล้วมาดูผลรวมของเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด
หลายคนอาจจะชอบแบบถอยหลังเพื่อหาศูนย์
แต่บ่อยครั้งเราชอบจะให้เวลาเดินไปข้างหน้า และพยายามเร่งรีบเร่งรัดเพื่อไปให้ไว ๆ
ทั้ง ๆ ที่ เราก็รู้ว่า เวลานั้นเที่ยงตรงเสมอ มีเพียงใจคนเราที่ชอบรีบเร่ง
รวบรัด ตัดไปให้ถึง บางทีเมื่อไปถึงแล้วไม่เป็นดังหวังชีวิตก็พัง
ครั้นจะให้ถอยหลังอีกก็เป็นไปไม่ได้ วันเวลาในชีวิตจริงไม่มีการจับเวลาหรือตั้งเวลาให้กับการทำความดี
ไม่มีการตั้งเวลาคาดการณ์ใด ๆ ได้ แม้มีเทคโนโลยีจับเวลา คอยจัดการกับเวลาได้ แต่ในบางเวลานั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นได้เสมอ
จงปล่อยให้หัวใจเดินไปกับวันเวลาอย่างซื่อสัตย์ จงปล่อยให้สรรพสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาลเวลาอย่างมั่นคง
และจงรับรู้ปรับสู่การเปลี่ยนแปลงของเวลาด้วยหัวใจที่มั่นคงในความรัก รู้จักรอคอย
รู้จักให้เวลา รู้จักหยุดเพื่อเดินต่อ และรู้จักที่จะพยุงคนอื่นให้ยืน เดินหน้าต่อไปพร้อม
ๆ กับเราให้ได้
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเวลาที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง
กล่าวถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ที่มีนิสัยใจเร็วด่วนได้ ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใด ล้วนไม่สามารถสงบจิตสงบใจ
เพราะต้องการเร่งรัดให้ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจตน ครั้งหนึ่ง เขานัดพบคนรักที่ใต้ต้นไม้
แต่ทว่ามาก่อนเวลานัดมากเกินไป ด้วยนิสัยใจร้อนไม่ชอบรอ ทำให้เดินวนไปวนมา
กระสับกระส่ายอยู่ใต้ต้นไม้แห่งนั้น
ยามนั้นเอง เทวดาปรากฏกาย เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้นั้น
พร้อมทั้งยื่นวัตถุทรงกลมชิ้นหนึ่งให้ พลางกล่าวว่า “นี่เป็นของวิเศษ หากเจ้าไม่ชอบการรอคอย
ก็จงหมุนปุ่มนี้ไปทางขวาหนึ่งรอบ
เจ้าก็สามารถที่จะย่นระยะเวลาจากความเป็นจริงให้เร็วขึ้นไปตามที่เจ้าต้องการ”
เมื่อชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่เมื่อเขาลองหมุนปุ่มไปตามคำบอก พลันคนรักของเขาก็ปรากฏกายขึ้น ทั้งยังส่งสายตาหวานซึ้งให้กับเขา
ในใจชายหนุ่มบังเกิดความอยากครอบครองจึงคิดว่าหากเร่งเวลาไปจนทั้งสองแต่งงานกันได้คงดียิ่ง
จากนั้นหมุนปุ่มไปอีกรอบหนึ่ง
ก็พลันพบว่าตนเองกลายเป็นเจ้าบ่าวอยู่ในงานแต่งงานอันเลิศหรูอลังการ
ส่วนคนรักของเขาอยู่ในชุดเจ้าสาวงดงาม รายรอบไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย
จากนั้นชายหนุ่มจึงคิดอยากใช้เวลาอยู่กับเจ้าสาวของเขาในห้องหอตามลำพังจึงได้หมุนปุ่มวนไปด้านขวาอีกครั้ง
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ยังคงหมุนปุ่มวิเศษไปเรื่อย ๆ
ไปถึงตอนที่เขามีบุตรชาย กระทั่งมีหลานชาย
ทั้งยังมิใช่เพียงคนเดียวแต่มีบุตรหลานเต็มบ้าน
กระทั่งบุตรหลานสร้างเนื้อสร้างตัวกลายเป็นขุนนางใหญ่ไปปกครองทั่วทุกสารทิศ
ผู้คนต่างพากันเคารพนับถือ...ถึงตอนนี้ ในใจชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปีติยินดี
จากนั้นเมื่อหมุนปุ่มอีกรอบ ชายหนุ่มกลับกลายเป็นเฒ่าชรา
โรคร้ายรุมเร้านอนรอความตายอยู่บนเตียง บรรดาบุตรหลานอกตัญญูบางส่วนพากันมาขนทรัพย์สินภายในบ้านออกไปจนเกลี้ยง
ทั้งยังใจดำอำมหิตนำเฒ่าชราไปทิ้งยังชายป่า ชายที่ตอนนี้ทั้งชราทั้งป่วยไข้ อดอยากหิวโหย
ค่อย ๆ อ่อนแรงลง ลมหายใจขาดช่วง ก้าวเข้าสู่ความตายทีละน้อย...ถึงตอนนี้
ชายหนุ่มแตกตื่นตกใจจนขนหัวลุก หยาดเหงื่อไหลโทรมกาย
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงเทวดาดังขึ้น “พ่อหนุ่ม
ท่านยังอยากให้เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็วอยู่หรือไม่?” “ข้าจวนจะจบชีวิตแล้ว
ยังจะต้องการให้เวลาหมุนไปเร็วอันใดอีกเล่า”
ชายหนุ่มตอบอย่างทอดอาลัยเทวดาจึงรับของวิเศษจากมือของชายหนุ่มกลับคืนมา
พลันทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม
พาชายหนุ่มย้อนกลับไปตอนที่เขายังคงยืนรอคนรักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ในยามนั้น
ชายหนุ่มจึงสัมผัสถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่สาดส่องลงมา
สดับเสียงร้องอันไพเราะของนกน้อย มองเห็นผีเสื้อโผบินเหนือมวลดอกไม้ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า
การรอคอยอะไรบางอย่างนั้น ถือเป็นความสุขที่หอมหวานประการหนึ่ง (Cr.คนบ้าหนังสือ)
บางสิ่งบางอย่างผ่านไปตามครรลองของการสร้างและการเกิดก่อ
เราเป็นผู้ใดหรือ? ยิ่งใหญ่เพียงใด? จึงไปเร่งรัดรวบรัดวันเวลาให้มาอยู่ภายใต้การกำกับของเรา
อย่างมากเราก็แค่เป็นคนควบคุมตัวจับเวลามาใส่ในเครื่องมือแค่นั้นเอง
มนุษย์หรือจะยิ่งใหญ่เทียมเท่าวันเวลาและธรรมชาติได้ น้อมรับ ใช้วันเวลา ด้วยความรับรู้
อยู่กับปัจจุบัน วันแห่งสุขให้ได้ แล้ววันเวลาจะมีค่าเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น