วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

มโนโซเชียล


มโนโซเชียล
เวลาของผู้คนบนโลกใบนี้หมดไปกับการสื่อสารระหว่างกันมากทีเดียว ยิ่งในยุคที่เครื่องมือสื่อสารมีความทันสมัยมากขึ้นเท่าไร ความรวดเร็วในการส่งผ่านไวขึ้นเท่าไร ความง่ายในการติดต่อกันก็มากขึ้นเท่านั้น ความเหลื่อมล้ำนำหน้าด้านข้อมูลข่าวสารก็ลดลงตามมา นับวันเรายิ่งเห็นผู้คนวุ่นวายกับการสื่อสารบนเครื่องในมือที่ถืออยู่ วัฒนธรรรม การกระทำ พฤติกรรมแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นตามมา ทำให้นึกย้อนไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ได้ยินคำว่า New Media ก็ยังออกอาการงงงวยกับคำนี้ จนกระทั่งมีโอกาสได้รับการอบรมจากคุณพ่อ ปีแอร์ บาแบง ที่เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส คุณพ่อได้ให้การอบรมในหัวข้อ New Media New Culture สื่อใหม่กับวัฒนธรรมใหม่ ในวันนั้นพวกเราคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าสิ่งที่คุณพ่อนำเสนอคืออะไร??? จนกระทั่งเมื่อ 5 - 6 ปีที่ผ่านมา จึงได้เห็นสิ่งที่คุณพ่อเคยกล่าวไว้ได้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้วในวันนี้ 

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ในด้านของความดีงาม สังคมโลกจะถูกหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันมากยิ่งขึ้น เกิดวัฒนธรรม การใช้ภาษาเข้าใจกันได้มากขึ้น ร่วมมือร่วมใจกันในความทุกข์ยากได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และสิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วอย่างเป็นรูปเป็นร่างคือ การช่วยเด็กติดถ้ำที่ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นปรากฏการณ์ของโลกที่ทุกคนร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวก้อยร้อยใจ ร่วมแรงแข็งขันไร้การแข่งขัน เพื่อให้ท่วงทันต่อเวลา และสายน้ำที่ล้นหลากเข้าท่วมถ้ำ เราในฐานะเจ้าของพื้นที่ที่เป็นศูนย์ของความสามัคคีแห่งนานาชาติ ย่อมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และปรารถนาให้สิ่งนี้คงอยู่ เป็นบทเรียนเป็นบทนำเพื่อใช้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกในกาลครั้งต่อไปหากมีภัยมา เป็นความยิ่งใหญ่อย่างหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว 
ในขณะที่เราได้เรียนรู้ความยิ่งใหญ่ในโลกที่จารึกชื่อประเทศไทยไว้ในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวันนี้ แต่คนในสังคมไทยเราเกิดอาการใหม่ เป็นวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เรียกว่า อาการหลงใหลในออนไลน์หรือเรียกง่าย ๆ ว่าชอบสร้างมโนและนำไปโชว์ในโซเชียล ชอบโพสต์ภาพถ่ายที่ถูกตบแต่งด้วยแอพพลิเคชั่น ทำให้หน้าตาทุกคนบนโลกนี้สวยหล่อ จนกระทั่งเราชาวโซเชียลชอบใช้กล้องจากมือถือมากกว่าการชอบส่องกระจก หลายคนหลงการถ่ายภาพ ถ่ายกันเรี่ยราด ถ่ายแบบไม่รู้กาลเทศะ ด้วยความง่ายแค่ยกและกด ก็ได้ภาพ ส่งขึ้นไปโชว์ในสื่อทันที ทำให้เรากลายเป็นนักข่าวนักถ่ายภาพที่หลงว่าเราสามารถที่จะทำได้ โดยไม่ต้องอาศัยผู้ชำนาญการ  จากถ่ายภาพตัวเองก็ขยายออกไปถ่ายมันทุกเวลา กินก็ต้องถ่ายโชว์ว่ากินอะไร บางครั้งเราก็ลืมที่จะสวดก่อนกิน แต่ไม่ลืมที่จะถ่ายก่อนตักเข้าปาก เท่านี้ยังไม่พอ หลายคนอาการหนักกว่าไปหารูปอาหารหรูจากร้านดัง โรงแรมเด่น และมโนเอาว่าไปนั่งกิน เป็นการอิ่มออนไลน์ ถึงกับหลอกตัวเองก็มีทำได้ในโลกเสมือนจริง และยังหลอกให้คนอื่นเห็นการกินหรูอยู่แพง เป็นการหลอกลวงเสมือนจริง แต่ความจริงแล้วนี่เป็นการหลอกตัวเอง ก็ถือว่าเป็นความสุขของแต่ละคน ก็อย่าได้ไปหมั่นไส้ให้เกิดบาปอิจฉากันเลย ถ้าเราไม่ชอบก็อย่าไปใส่ใจ หาอะไรที่เป็นประโยชน์จากสื่อใหม่ หาความดีในวัฒนธรรมนี้เสีย

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

นอกจากนี้แล้ววัฒนธรรมเช็คอินถิ่นอื่นหลอกว่าไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ แรก ๆ อาจจะทำเพื่อความสนุกกันในหมู่เพื่อนฝูง หลัง ๆ ทำไปทำมาเกิดสนุกและมโนแจ่มโชว์รวย เลยกดเช็คอินเป็นว่าเล่น แต่ลืมหาทางที่จะไปสวรรค์ และเป็นเรื่องที่หลายคนพลาดที่สุดในเวลาที่ออกท่องเที่ยวในสถานที่จริง ๆ แทนที่เราจะชื่นชมความสวยงามตามธรรมชาติ ได้ใกล้ชิด ถึงความอัศจรรย์ของสิ่งสร้าง แต่เรากลับมัวมุ่งแต่ใส่ใจอยู่กับภาพผ่านเลนส์และใช้เวลาไปกับการจัดภาพจัดแสงจุดโฟกัสเราจึงแคบในโลกที่กว้างความงามจากตาเห็นจากจมูกสูดกลิ่นไอดิน ถูกละเลยไป หลายสิ่งรอบกายถูกมองข้ามผ่าน เราหลงอยู่กับภาพเล็ก ๆ ตรงหน้า มิได้ใยดีกับความไพศาลรอบตัว
และด้วยว่าเราอยู่ในสังคมของคนพูด มากกว่าคนลงมือทำ หากใครหรือเรามีภาพอะไรที่ต่างจริตจากคนอื่น เราก็จะกลายเป็นศูนย์ของการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเมามัน ในหลายเหตุการณ์ ยังไม่รู้ความจริง ก็มีคนมาบอกเล่าเป็นตุเป็นตะ มีคนออกมาให้ความรู้ทางวิชาการที่ออกจะเกินเลย และที่สำคัญก็มีคนเชื่อข้อมูลเหล่านั้นไปแล้ว มีหลายคนโชว์เก่งอวดอ้าง สร้างมโนเกินจินตนาการ แล้วก็หลงในข้อมูลนั้นแบบยึดติดห้ามใครโต้แย้ง ต้นไม้แห่งการอวดดีจึงเจริญงอกงามเต็มพื้นที่สาธารณะ

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ใช่หรือไม่ เราตกอยู่ในกระแสที่ต้องมีตัวตน เป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ อยู่อย่างอิสระกันไม่เป็น จึงต้องสร้างพื้นที่สำหรับรองรับ ทั้ง ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องมี ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ ความกดดันกลับทำให้เราถอยห่างจากความจริง เมื่อความจริงเป็นไปไม่ได้ ก็ใส่มโนเอาในโลกเสมือนจริงนี่แหละเป็นการใช้เป็นพื้นที่ปลดปล่อย จนทำให้เราหมดสำนึก ไร้มโนธรรมสำนึก เข้าข้างตัวเอง รักตัวเองแบบผิด ๆ จึงรักคนอื่นไม่เป็น หลอกกระทั่งตัวเอง แล้วคนอื่นจึงเป็นเรื่องเล็กที่จะหลอกลวงกัน ในยุคที่ความจริงใจจริงจังหายากกว่าเม็ดทราย เราจึงสร้างมโนเทียมขึ้นมา พี่น้อง เราควรสร้างวัฒนธรรมใหม่ในสื่อใหม่ด้วยความดี ความงาม และความจริงแท้ ช่วยกันรักษามโนธรรมให้คงอยู่กับตัวเอง เพื่อให้สัจธรรมอยู่คู่โลกต่อไป หากเราไม่ทำในวันนี้ ไม่นานสิ่งเทียมจะเข้ามาทำร้ายจิตวิญญาณแห่งความจริงให้พ่ายแพ้ นี่ไม่ใช่มโน มันคือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว  

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อนาคตไล่ล่า


อนาคตไล่ล่า
            เรื่องราวบางเรื่องเกิดขึ้นรวดเร็ว ผ่านพ้นไปเหลือทิ้งไว้แต่ความทรงจำ แม้คนเราจะพยายามสร้างอนาคตให้สดใส แต่วันวานในอดีตก็มักย้อนคืนมาให้เราได้ระลึกเสมอ ในขณะที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ โรงเรียนประจำวัดของเรากำลังก้าวสู่วันใหม่ที่ผ่านวันเก่ามาถึง 60 ปี แต่แล้วเราก็พบกับความเศร้าอย่างกะทันหันในเหตุการณ์สูญเสียบุคคลากรที่สำคัญคนหนึ่ง คุณครูสมยศ พุ่มมาก ทำให้ความทรงจำในวันเก่าย้อนคืนมา หลังจากทราบข่าวการล้มป่วยแบบปัจจุบันทันด่วน มีเวลาเพียงไม่กี่วันที่ทุกคนได้ไปเยี่ยมผ่านทางหน้าต่างกระจกในห้องไอซียู ในวันที่ครูไม่รู้สึกตัวแล้ว ผู้ชายคนหนึ่งในชุดลูกเสือที่เดินสอนเด็ก ๆ อยู่รอบวัด มีบ้างเจอกันทักทายกัน เห็นหน้ากันเป็นเวลานานหลายปี ครูสมยศมักออกจากโรงเรียนกลับบ้านในตอนเย็นคล้อย หรือไม่ก็ยามค่ำอยู่บ่อย ๆ ยิ่งในระยะหลังโรงเรียนได้รวมเด็กจากโรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล ทำให้มีเด็กผู้ชายมาเรียนอยู่ด้วย ภาระในการที่จะต้องคอยดูแลยิ่งมีความลำบากมากขึ้นกว่าสมัยที่ยังเป็นโรงเรียนสตรีล้วน (เป็นธรรมชาติของเด็กผู้ชายที่ย่อมซุกซนตามวัย) แต่ครูสมยศก็ได้ทำหน้าที่ครูจวบจนลมหายใจสุดท้าย จิตวิญญาณของครูจะอยู่ในลูกศิษย์ลูกหาที่ผ่านการอบรมสั่งสม เพื่อขยายผลคุณงามความดีต่อไปในอนาคต ให้ความดีของวันนี้วันที่ผ่านมาของครูสมยศ สร้างสังคมที่ดีงาม อย่าให้อนาคตต้องกลับมาไล่ล่าหาความทุกข์กับทุกผู้คนที่ผ่านมายังรอบรั้วครอบครัวเซนต์หลุยส์แห่งนี้ หลับให้สบายนะครับคุณครู
            เรื่องราวบางเรื่องก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาชีพครูผู้สอนสั่งผู้คน แน่ละ ยุคสมัยใหม่มันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครจะกำหนดบังคับ กระแสสังคมแห่งการบริโภคปลุกเร้าให้คนเราจับจ่ายใช้สอยกันแบบเกินตัว แล้วที่สุดก็เกิดกลยุทธ์ให้นำรายได้ในอนาคตมาจับจ่ายก่อนเวลา จะออกมาในรูปแบบการลงทุนบ้าง ใครมีความรู้ความพร้อมย่อมทำได้ ออกมาในการปล่อยกู้เพื่อสร้างฐานสร้างงานใหม่บ้าง ใครมีความสามารถก็ก้าวสู่ความสำเร็จได้ แต่มีไม่น้อยที่หลงและตกลงไปในกระแสที่เห็นเงินก้อนใหญ่รีบคว้าไว้โดยมิได้ศึกษาหาความรู้ มีเพียงความอยากได้มีเพียงความโลภและความหวังในวันข้างหน้าว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เงินจำนวนไม่น้อยของอนาคตถูกนำมาใช้อย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง การบริหารส่วนตัวที่อาจจะไม่ดีเพียงพอ วันนี้จึงเกิดเหตุการณ์อนาคตไล่ล่า เมื่อถึงที่สุดหนทางที่มีแค่เรียกร้องหาคนช่วย เรียกร้องฟ้องหาความยุติธรรมที่ค่อนเอียงมาทางตนเป็นตัวตั้ง วันนี้หลายคนถูกไล่ล่าจนเสียกระบวน สูญเสียจิตวิญญาณอาชีพ หลายสถานะหลายสถาบันเริ่มสั่นคลอนเพราะใช้อนาคตอย่างไม่ระมัดระวัง ทุกอย่างจึงพังทลายมลายหายไปกับกาลเวลา


            เรื่องราวหลายอย่างหลายเรื่องราวจะเกิดขึ้นตามมา ผลกระทบจากการใช้จ่ายเกินตัวเกินจริง กำลังวิ่งไล่หลังผู้คน ยิ่งเมื่อเทคโนโลยีเจริญพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเราก็ยิ่งเห็นการจับจ่ายเกินตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งสภาพเศรษฐกิจโลกซบเซา หนี้เก่า ๆ ก็จะถูกเก็บคืนมากขึ้น และนี่จึงเป็นที่มาของอีกหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แน่นอนตามหลักความยุติธรรม ใครเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ และชดเชยส่วนต่าง การถูกหล่อหลอมปลูกฝังว่าหนี้คือทุนชนิดหนึ่ง กำลังส่งผลชี้ให้ว่าสิ่งเหล่านี้เหมาะสมกับคนที่มีความรู้พร้อมสรรพหาใช่ทุกคนที่จะทำแบบเดียวกันได้ วิถีชีวิตที่พอเพียงตามแบบที่ตนเป็นอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตที่ไม่ก่อหนี้ชักนำเงินรายได้จากอนาคตมาใช้จับจ่ายก่อน เป็นวิถีชีวิตที่จริงแท้และมั่นคง มีความสุขในสิ่งที่มีมิใช่ในสิ่งที่หวัง รับผิดชอบสิ่งที่ทำด้วยหัวใจ และยิ่งได้อ่านข่าวของครูกลุ่มหนึ่งที่ออกมาเพื่อกดดันทุกภาคส่วนเพื่อจะไม่ใช้หนี้ที่ตัวเองเป็นผู้ไปกู้มา ทำให้เห็นว่าคนเป็นครูไม่ควรจะแสดงออกแบบนี้ ใช่หรือไม่ นี่เป็นตัวอย่างของการถูกไล่ล่าเพราะด้วยความชะล่าใจ ความโลภ ที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า เห็นแก่ความสะดวกสบายที่ง่ายดาย และในไม่ช้าเราก็จะเห็นผลของการใช้จ่ายในอนาคตทำให้หลายคนหมดอนาคต


เรื่องราวที่เกิดขึ้นการจากไปของครูสมยศ ครูที่ทำหน้าที่ครูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ลูกศิษย์ลูกหากลับมารวมตัวกันเพื่อช่วยงานศพ เป็นการทำหน้าที่สุดท้ายที่ครูเป็นศูนย์รวมของความรักและความสามัคคีอีกครั้งหนึ่งในความสูญเสียของคนดี ๆ คนหนึ่งจะก่อให้เกิดมรรคผลของความดีอีกมากมาย ก่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจกัน และที่สุดนี่คือบทเรียนบทสำคัญบทหนึ่งที่สอนเราให้รู้จักเคารพในคุณค่าของทุกคน มิใช่เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง อยากได้อยากให้เป็นดังหวังของตัวเองฝ่ายเดียว การรู้จักที่จะเห็นใจกัน การเห็นคุณค่าในชีวิตผู้อื่นคือการเห็นพระเจ้าสถิตอยู่ตรงนั้น เป็นสิ่งที่เราผู้มีศรัทธาต้องมีอยู่ในสายเลือด อย่าให้อนาคตมาไล่ล่าเรา เป็นเราต่างหากที่จะกำหนดอนาคตและไว้วางใจพระผู้นำทาง ไม่มีใครเก่งเกินปลายจมูกตัวเอง ในโลกที่เต็มไปด้วยคนอวดเก่งมากกว่าคนที่เก่งจริงแบบทุกวันนี้ เป็นช่วงที่อันตรายทางจิตวิญญาณมากที่สุด
ปล.. แม้ว่าคุณครูสมยศ พุ่มมาก จะมิใช่คริสตชน แต่ครูสอนในโรงเรียนเซนต์หลุยส์เรามาอย่างยาวนาน สร้างลูกหลานของเราให้เป็นคนดีมาหลายต่อหลายรุ่น ขอให้เราสวดภาวนาสำหรับดวงวิญญาณของครูได้อยู่ในสันติสุขตลอดกาลด้วยเทอญ

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

จับเวลา


จับเวลา
ในการวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ แม้กระทั่งการเดิน ถือเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก จนกระทั่งถูกบรรจุใส่ในนาฬิกาแนวใหม่เพื่อสุขภาพ ที่สามารถจะตั้งเวลาและเก็บสถิติในการการออกกำลังกายในแต่ละครั้งได้ แถมยังวัดการเต้นของหัวใจในขณะออกกำลังกายเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสุขภาพ เมื่อพูดถึงการจับเวลาในการออกกำลังกาย เราสามารถจับเวลาได้ในหลายลักษณะ แบบแรกคือการตั้งเวลาที่เราจะใช้ในการออกกำลังกาย หรือจับเวลาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งภายในเวลาที่กำหนด ตัวเลขเวลาจะเริ่มเดินถอยหลังจนถึงเลขศูนย์ หรือจะตั้งเวลาแบบให้เดินหน้าไปสู่ยังจุดหมายปลายทางก็ได้ หรือปล่อยให้เดินไปตามปกติ แล้วมาดูผลรวมของเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด


หลายคนอาจจะชอบแบบถอยหลังเพื่อหาศูนย์ แต่บ่อยครั้งเราชอบจะให้เวลาเดินไปข้างหน้า และพยายามเร่งรีบเร่งรัดเพื่อไปให้ไว ๆ ทั้ง ๆ ที่ เราก็รู้ว่า เวลานั้นเที่ยงตรงเสมอ มีเพียงใจคนเราที่ชอบรีบเร่ง รวบรัด ตัดไปให้ถึง บางทีเมื่อไปถึงแล้วไม่เป็นดังหวังชีวิตก็พัง ครั้นจะให้ถอยหลังอีกก็เป็นไปไม่ได้ วันเวลาในชีวิตจริงไม่มีการจับเวลาหรือตั้งเวลาให้กับการทำความดี ไม่มีการตั้งเวลาคาดการณ์ใด ๆ ได้ แม้มีเทคโนโลยีจับเวลา คอยจัดการกับเวลาได้ แต่ในบางเวลานั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นได้เสมอ จงปล่อยให้หัวใจเดินไปกับวันเวลาอย่างซื่อสัตย์ จงปล่อยให้สรรพสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาลเวลาอย่างมั่นคง และจงรับรู้ปรับสู่การเปลี่ยนแปลงของเวลาด้วยหัวใจที่มั่นคงในความรัก รู้จักรอคอย รู้จักให้เวลา รู้จักหยุดเพื่อเดินต่อ และรู้จักที่จะพยุงคนอื่นให้ยืน เดินหน้าต่อไปพร้อม ๆ กับเราให้ได้



มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเวลาที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง กล่าวถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ที่มีนิสัยใจเร็วด่วนได้ ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใด ล้วนไม่สามารถสงบจิตสงบใจ เพราะต้องการเร่งรัดให้ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจตน ครั้งหนึ่ง เขานัดพบคนรักที่ใต้ต้นไม้ แต่ทว่ามาก่อนเวลานัดมากเกินไป ด้วยนิสัยใจร้อนไม่ชอบรอ ทำให้เดินวนไปวนมา กระสับกระส่ายอยู่ใต้ต้นไม้แห่งนั้น
ยามนั้นเอง เทวดาปรากฏกาย เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้นั้น พร้อมทั้งยื่นวัตถุทรงกลมชิ้นหนึ่งให้ พลางกล่าวว่า นี่เป็นของวิเศษ หากเจ้าไม่ชอบการรอคอย ก็จงหมุนปุ่มนี้ไปทางขวาหนึ่งรอบ เจ้าก็สามารถที่จะย่นระยะเวลาจากความเป็นจริงให้เร็วขึ้นไปตามที่เจ้าต้องการ
 เมื่อชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อเขาลองหมุนปุ่มไปตามคำบอก พลันคนรักของเขาก็ปรากฏกายขึ้น ทั้งยังส่งสายตาหวานซึ้งให้กับเขา ในใจชายหนุ่มบังเกิดความอยากครอบครองจึงคิดว่าหากเร่งเวลาไปจนทั้งสองแต่งงานกันได้คงดียิ่ง จากนั้นหมุนปุ่มไปอีกรอบหนึ่ง ก็พลันพบว่าตนเองกลายเป็นเจ้าบ่าวอยู่ในงานแต่งงานอันเลิศหรูอลังการ ส่วนคนรักของเขาอยู่ในชุดเจ้าสาวงดงาม รายรอบไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย จากนั้นชายหนุ่มจึงคิดอยากใช้เวลาอยู่กับเจ้าสาวของเขาในห้องหอตามลำพังจึงได้หมุนปุ่มวนไปด้านขวาอีกครั้ง
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ยังคงหมุนปุ่มวิเศษไปเรื่อย ๆ ไปถึงตอนที่เขามีบุตรชาย กระทั่งมีหลานชาย ทั้งยังมิใช่เพียงคนเดียวแต่มีบุตรหลานเต็มบ้าน กระทั่งบุตรหลานสร้างเนื้อสร้างตัวกลายเป็นขุนนางใหญ่ไปปกครองทั่วทุกสารทิศ ผู้คนต่างพากันเคารพนับถือ...ถึงตอนนี้ ในใจชายหนุ่มเต็มไปด้วยความปีติยินดี


จากนั้นเมื่อหมุนปุ่มอีกรอบ ชายหนุ่มกลับกลายเป็นเฒ่าชรา โรคร้ายรุมเร้านอนรอความตายอยู่บนเตียง บรรดาบุตรหลานอกตัญญูบางส่วนพากันมาขนทรัพย์สินภายในบ้านออกไปจนเกลี้ยง ทั้งยังใจดำอำมหิตนำเฒ่าชราไปทิ้งยังชายป่า ชายที่ตอนนี้ทั้งชราทั้งป่วยไข้ อดอยากหิวโหย ค่อย ๆ อ่อนแรงลง ลมหายใจขาดช่วง ก้าวเข้าสู่ความตายทีละน้อย...ถึงตอนนี้ ชายหนุ่มแตกตื่นตกใจจนขนหัวลุก หยาดเหงื่อไหลโทรมกาย
เป็นอย่างไรบ้าง? เสียงเทวดาดังขึ้น พ่อหนุ่ม ท่านยังอยากให้เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็วอยู่หรือไม่?” “ข้าจวนจะจบชีวิตแล้ว ยังจะต้องการให้เวลาหมุนไปเร็วอันใดอีกเล่า ชายหนุ่มตอบอย่างทอดอาลัยเทวดาจึงรับของวิเศษจากมือของชายหนุ่มกลับคืนมา พลันทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม พาชายหนุ่มย้อนกลับไปตอนที่เขายังคงยืนรอคนรักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ในยามนั้น ชายหนุ่มจึงสัมผัสถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่สาดส่องลงมา สดับเสียงร้องอันไพเราะของนกน้อย มองเห็นผีเสื้อโผบินเหนือมวลดอกไม้ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า การรอคอยอะไรบางอย่างนั้น ถือเป็นความสุขที่หอมหวานประการหนึ่ง (Cr.คนบ้าหนังสือ)
บางสิ่งบางอย่างผ่านไปตามครรลองของการสร้างและการเกิดก่อ เราเป็นผู้ใดหรือ? ยิ่งใหญ่เพียงใด? จึงไปเร่งรัดรวบรัดวันเวลาให้มาอยู่ภายใต้การกำกับของเรา อย่างมากเราก็แค่เป็นคนควบคุมตัวจับเวลามาใส่ในเครื่องมือแค่นั้นเอง มนุษย์หรือจะยิ่งใหญ่เทียมเท่าวันเวลาและธรรมชาติได้ น้อมรับ ใช้วันเวลา ด้วยความรับรู้ อยู่กับปัจจุบัน วันแห่งสุขให้ได้ แล้ววันเวลาจะมีค่าเสมอ

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประกาศกดิจิตอล


ประกาศกดิจิตอล
หัวใจไทยสุกใสในค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อรายงานข่าวว่าพบเด็กหนุ่มกลุ่ม “หมูป่า อะคาเดมี” ที่หลงถลำลึกเข้าไปในถ้ำ ที่ถูกน้ำท่วมปิดทางออก เป็นเวลา 9 วัน 10 คืน จนทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำใจไทยกู้ภัยพาน้องกลับสู่อ้อมกอดของสังคม เป็นค่ำคืนที่คนไทยพร้อมใจกันนอนดึกดื่นตื่นเต้นยินดีกันทั่วหน้า น้ำในถ้ำลดลง ด้วยน้ำใจที่ทวีคูณจนล้นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความเปรมปรีดิ์ และที่สำคัญเหนืออื่นใด เกิดปรากฎการณ์ใหม่ ในการช่วยกันให้คุณค่า ให้คำแนะนำที่งดงาม เกิดการทำงานที่เป็นระบบระเบียบ ไม่มีการเกี่ยงงอนถือยศถือตำแหน่ง เรียนรู้ที่จะช่วยกันทำเพื่อส่วนรวมโดยมิต้องเปิดหน้าโชว์ตัว ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ทำหน้าที่ผู้อำนวยการในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้อย่างน่าชื่นชม หน่วย SEAL ผู้ปิดทองหลังพระ หน่วยกู้ภัยทั้งในและต่างประเทศที่ร่วมกันทำงาน จิตอาสาต่าง ๆ เอกชน ชาวบ้านร้านช่อง ต่างมีส่วนทำให้ชาวโลกทึ่งในความเป็นหนึ่ง ทุกคนทุกหน่วยทำตามหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ทำเสร็จหน้าที่ก็จบ เคารพในหน่วยอื่นที่มีหน้าที่รับช่วงต่อไป นี่ใช่หรือไม่ที่เรียกว่า ในเรื่องร้าย ๆ ก็มีความดีความงดงาม มีความรักในทุกกรณีที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้



การกล่าวโทษกันไปมาไม่มีประโยชน์อันใด น้อมรับในความซุกซนตามวัย ตามปัจจัย ของเด็กหนุ่ม การให้อภัยช่วยให้ชีวิตคนเราเข้มแข็ง วัฒนธรรมแบบเก่า ค่านิยมแบบเดิมที่เฝ้าหาคนผิดเพื่อมารับโทษนั้น หาได้มีประโยชน์ไม่ ในยุคสมัยใหม่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การสื่อสารที่กว้างขวางและรวดเร็วถูกนำมาใช้เพื่อให้ความรู้ เพื่อเสริมภูมิปัญญา พัฒนาจิตใจ ส่งเสริมแนวคิดกันและกันให้แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้มีองค์ความเข้าใจที่ถูกต้องเหมือน ๆ กัน การสื่อสารแบบเดิมที่ต้องอาศัยนักข่าวถูกลดทอนบทบาทลงไป นี่จึงเป็นหน่อใหม่แห่งความสดใสของการอยู่ร่วมกันของมวลหมู่ชาวเรา ทำให้เราต่างตระหนักว่าในทุกวินาทีมีพระเจ้าอยู่เสมอ มีข่าวดีที่งอกงามอยู่ในทุกสถานที่ทุกสถานการณ์ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คงไม่ใช่เกิดมาเพื่อให้พ้นผ่านเลยไป ย่อมมีบทเรียนให้กับชีวิตในทุกเวลา
การบอกกล่าวกันแบบชาญฉลาดในสื่อออนไลน์กลายเป็นการแนะนำหนทางสังคมแนวใหม่เพื่อให้สังคมเดินไปในครรลองคลองธรรมอันเดิม ได้อย่างมีทิศมีทางมากยิ่งขึ้น ความมุ่งมั่นของนายเวอร์นอน อันส์เวิธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ เป็นคนแรก ๆ ที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ๆ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ กล่าวว่า จะทำทุกอย่างและจะไม่ละทิ้งเด็ก ๆ เขาได้แนะนำทางการไทยให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญนักดำน้ำในถ้ำมาจากอังกฤษ จนนำมาสู่การพบเจอทีม หมูป่าจอห์น โวลัน, ริค สแตนตัน และ โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ มาถึงก็ทำงานทันที ไม่ยอมเสียเวลาในการให้สัมภาษณ์ใด ๆ


ในความกว้างไกลของการใช้สื่อใหม่ในมิติใหม่ ทำให้เราเห็นผู้ทำงานเบื้องหลังอีกหลายต่อหลายคน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนภารกิจ และทุกคนล้วนมีความดีงามอยู่ในตัว ทำให้เราได้ข้อคิด อย่างเช่น คุณสุรทิน ชัยชมพู นายกสมาคมน้ำบาดาลไทย กล่าวไว้ว่า บทลงโทษ เด็กก็ได้รับไปแล้ว หนักหนาพอสมควร และอาจจะหนักหนากว่าที่บางคนเคยเจอมาตลอดในชีวิตนี้เลยก็ว่าได้ กับการอยู่ในถ้ำ 9 วัน 10 วัน แบบนั้น ไม่มีใครอยากจะเจอหรอกนะผมว่า จะให้เด็กออกมาโดนตำหนิติติงจนรู้สึกผิด คงจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ให้บอกพวกเขาเพียงว่า..จงรักชีวิตพวกเขาเองให้มาก ๆ รู้จักรักคนอื่นเป็นห่วงคนอื่น เหมือนกับที่คนอื่นคอยเป็นห่วงและรักชีวิตของพวกเขา ให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เป็นคนดี ให้เหมาะสมและคู่ควรกับสิ่งที่ทุกคนได้พยายามช่วยชีวิตเขาออกมา
     จันทร์ ใจจันทรา เจ้าของที่นากว่า 40 ไร่ ยอมรับน้ำจากถ้ำหลวงเพื่อช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าต้องช่วยเหลือคนรอดชีวิตออกมาก่อน ข้าวตายปล่อยมันตายไป เราหว่านใหม่ได้ ดำใหม่ได้
            พอ วัชรดล หรือ รวินท์ มาศลือเลิศ ผู้อาสาซักผ้าฟรีให้กับทีมค้นหาเด็กติดอยู่ในถ้ำ ไม่ว่าต่างชาติ และ คนไทย หน่วยซีลทั้งไทย อเมริกา และ ชาติต่าง ๆ ส่งชุดเปื้อนโคลนให้เธอซัก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำงานท่ามกลางสายฝนตลอดเกือบจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว ทุกคนมองข้าม แต่เธอมองเห็น รับซักผ้าค่ะ ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ซัก อบ หอม ๆๆ ให้เลย ถ้าจะให้ช่วยเรียกได้เลย ทำให้ฟรี ไม่คิดเงิน ซัก อบ แห้ง ช่วยในสิ่งที่ตัวเองถนัด
พี่ ๆ ที่มาจาก จังหวัดตรัง มีอาชีพรับจ้างปีนเก็บรังนก บนเกาะลิบง มาช่วยน้องๆทีมหมูป่า แม้ไม่มีเงินมา แต่รวบรวมเงินจากคนในหมู่บ้านเดียวกัน จากชาวบ้านเป็นค่าตั๋วเครื่องบินตอนกลับจะเอาเงินจากไหนพวกเขายังไม่ได้คิดขอแค่ว่ารีบมาช่วย เดี๋ยวไม่ทันการและอีกหลายคน หลายกลุ่ม ที่ทำให้เราเรียนรู้ความงามบนแผ่นดินนี้


การทำความดีถูกส่งต่อในโลกที่รวดเร็ว นี่คือการประกาศข่าวดี ความรัก ความเมตตา เสมือนเป็นประกาศกในยุคดิจิตอล และเราก็ยังเชื่อมั่นว่าความร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในสังคมใหม่นี้ จะเป็นเกลียวเชือกที่แข็งแรงนำพาเหล่าเด็ก ๆ ผู้ซุกซนให้ออกมาขอบคุณทุกคนในเร็ววัน กลับสู่อ้อมกอดแห่งสันติสุขนี้ได้ พวกเขาจะกลายเป็นต้นกล้าที่จะนำพาสังคมให้เดินหน้าอย่างมั่นคงในวันพรุ่งแห่งอนาคตกาล เป็นประกาศกดิจิตอลสืบต่อไป