คนสุดท้าย
โลกที่อยู่ ณ วันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนชนิดที่เราแทบไม่รู้ตัวเลย ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างแข่งกันออกมายกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างธนาคาร
โอนข้ามสาขา ข้ามจังหวัด เพราะเตรียมรับมือกับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ยุคไร้เงินสด
อีกไม่นานเราจะใช้โทรศัพท์จ่ายค่าโน่นนี่นั่นกันแบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องกรีดกราย
ไปถึงสาขาธนาคาร ไม่ต้องเปลืองค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลานั่งรอคิวอีกต่อไป
หลายคนก็เห็นว่าทุกสิ่งดูมันง่ายขึ้น แต่อีกหลายคนก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้กำลังทำให้การมีชีวิตชีวา
การพูดคุยเห็นหน้าเห็นตาของผู้คนหมดไปจากวิถีปกติ
บ้างก็ว่าชีวิตคือการปรับตัวหาไม่แล้ว…เราก็จะกลายเป็นสิ่งตกยุคเก่าล้าสมัย
คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง กลายเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
การปรับตัวรู้เท่าทัน พร้อมอยู่กับสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจ
และใช้ให้เป็นประโยชน์ในบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่เราต้องติดตามเรียนรู้ นับวันช่องว่างของการเปลี่ยนแปลงยิ่งทียิ่งถี่ขึ้นเรื่อย
ๆ ในอีกมุมหนึ่ง สิ่งเหล่านี้สอนให้เราเข้าใจว่า อย่าไปยึดติดกับความสำเร็จในวันวาน
อย่าไปหลงกับความรู้จนไม่ยอมรับรู้เรื่องราวอื่นใด อย่าคิดว่าความฉลาดของเราในวันนี้จะเป็นที่หนึ่งตลอดกาล
ทุกสรรพสิ่งคือพลวัตที่มีมาอย่างต่อเนื่อง หากเราหลงติดกับดักแห่งความอวดรู้และยโสในความคิดของเราเอง
เราอาจจะไม่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ จมอยู่กับสิ่งเดิม ๆ
แล้วที่สุดก็จะกลายเป็นคนด้อยค่า ใช่หรือไม่ คนเราทุกคนย่อมมีวันเป็นฮีโร่และวันที่เป็นคนโง่งม
ย่อมมีวันที่ขึ้นสูงสุดและร่วงหล่นจนต่ำตมก็ได้ คนแรกจะกลายเป็นคนสุดท้าย
ส่วนคนสุดท้ายก็จะกลายเป็นคนแรก
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นสามารถยึดประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์ได้เกือบทั้งหมด
แต่แล้ว…ช่วงปลายสงคราม
กองทัพญี่ปุ่นหลายกองพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ถึงกระนั้นทหารญี่ปุ่นก็ยังคงทำการรบอย่างทรหดต่อไป
เนื่องจากทุกคนเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วญี่ปุ่นจะเป็นผู้ชนะ ร้อยตรีฮิโระ โอโนดะ
คือหนึ่งในทหารที่ประจำอยู่บนเกาะลูบังของฟิลิปปินส์ ได้รับคำสั่ง ให้นำทหารอีก 3
นาย ไปปฏิบัติภารกิจสอดแนมข้าศึกในป่า และมีหน้าที่ซุ่มโจมตี กดดัน
เพื่อประวิงเวลาของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ทหารทั้ง 4 ออกปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น
อเมริกาก็ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ
ทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้ในที่สุด จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงออกพระราชโองการให้กองทัพญี่ปุ่นทุกกองวางอาวุธและถอนกำลังออกจากจุดประจำการทุกแห่งและเตรียมตัวกลับประเทศอย่างเร่งด่วน
ภาพ: อินเตอร์เน |
เมื่อร้อยตรีฮิโระ กลับมายังฐานที่มั่นกองทหารแล้วก็ไม่พบใคร
จึงเข้าใจว่าทหารฝ่ายศัตรูได้เข้าโจมตีพรรคพวกจนต้องถอยหนีออกจากเกาะ
เขาและพรรคพวกจึงตัดสินใจกลับเข้าป่า เพื่อทำการสู้รบต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าสงครามจบลงแล้ว
และไม่มีใครออกตามหาพวกเขาเนื่องจากเข้าใจว่าทั้งหมดเสียชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจ
พวกเขาต้องอาศัยนอนในถ้ำ หาของป่ากินตามมีตามเกิด
และลอบฆ่าชาวบ้านที่คิดว่าเป็นศัตรู หลายปีต่อมาได้มีเครื่องบินทิ้งใบปลิวบนเกาะ
แจ้งว่าสงครามโลกยุติแล้ว และญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้ เขาก็ยังไม่เชื่อ และเข้าใจว่าเป็นแผนการหลอกให้พวกเขาออกไปติดกับทั้งหมดจึงยังคงปักหลักอยู่ในถ้ำกลางป่าลึกต่อไป
เวลาผ่านไป จากหลายปีเป็นสิบปี และจำนวนปีก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทหารในหน่วยของเขา เสียชีวิตไปทีละคนสองคนจากความเจ็บไข้ได้ป่วยและไม่มียารักษาโรค
จนเหลือเขาเพียงผู้เดียว แต่เขาก็ยังยึดมั่นในปณิธานจะไม่ยอมแพ้แก่ทหารศัตรูอย่างเด็ดขาดโดยไม่รู้ว่าสงครามได้ยุติไปนานแสนนานแล้ว
และโลกภายนอกได้เปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด
จนกระทั่งวันหนึ่ง นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้พบเขา ทั้งคู่คุยกันถูกคอและทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าสงครามจบไปนานแล้ว
และทางการญี่ปุ่นอยากให้เขาออกมาปรากฏตัวซะที แต่กระนั้นร้อยตรีฮิโระโอโนดะ ก็ยังแคลงใจไม่หาย
ในปี 1974 หลังจากที่สงครามผ่านมา 30 ปีเขาจึงยอมจำนน สิ่งที่เหลือติดตัวมีเพียงเสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่า
ปืนเล็กยาวพร้อมกระสุน และดาบซามูไรอีกเล่มเดียวเท่านั้นทางการญี่ปุ่น
ก็นำทหารกล้าคนนี้กลับคืนสู่มาตุภูมิ เขาได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เทียบเท่าวีรบุรุษที่สุดเขาก็มิอาจจะปรับตัวเข้ากลับสังคมคนญี่ปุ่นในยุคใหม่ได้
กลายเป็นโรคซึมเศร้า และในปี 1980
เขาย้ายไปอยู่ประเทศบราซิลแล้วจบชีวิตที่นั่นอย่างเงียบ ๆ
อย่าจมอยู่กับความสำเร็จและภาคภูมิใจในวันวาน อาจจะทำให้เราไม่ก้าวหน้าไปไหน
ในโลกนี้ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่มีชัยชนะใดที่ถาวร
ไม่มีใครจะครอบครองตลอดกาล สิ่งที่มีค่าสำหรับชีวิตในทุกยุคทุกสมัยนั่นคือความดี
ความเมตตา และความรัก สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะเป็นนิรันดร์ หากมีอุดมการณ์ใดในโลกจะคงอยู่ได้ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้
และจะไม่มีคำว่าสุดท้ายสำหรับสามสิ่งที่กล่าวมา…..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น