ความกลัวคือสิ่งที่น่ากลัว
ระหว่างที่คุยกับพี่ ๆ
น้อง ๆ ผ่านทางกลุ่มไลน์
มีหนึ่งในพวกเราชวนคุยเรื่องราวในสมัยที่ยังเป็นเด็กและมีความทรงจำร่วมกัน เรื่องที่พวกเราพี่น้องนึกถึงคือ
การได้ฟังเรื่องที่พวกผู้ใหญ่คุยกันยามค่ำคืน ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีทีวีมาแยกบ้าน
มาแย่งความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือมายึดพื้นที่ร่วมกันให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปแบบสมัยนี้
และเรื่องราวที่บรรดาลุงป้าน้าอามาจับกลุ่มคุยกัน ก็มักหนีไม่พ้นเรื่องผีสางนางไม้เพื่อทำให้เด็ก
ๆ อย่างพวกเรารู้สึกหวาดกลัว ถึงขนาดต้องนั่งนิ่งบนกระดานแผ่นเดียว
ด้วยกลัวว่าจะมีนิ้วมือลอดช่องรอยต่อแผ่นกระดานมาจิกมาจับ
มีบางจังหวะได้ขยับแนบชิดเกาะติดกับพ่อแม่แล้วก็หลับไป
พอโตขึ้นเราก็รู้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องเล่าเพื่อความสนุกสนาน
เพื่อให้เราเด็ก ๆ ไม่ออกไปซุกซนยามค่ำคืน เพราะมีแต่ความมืดมิดที่อาจจะทำให้เราไม่ปลอดภัย
ความกลัวสมัยวัยเด็กคือการกลัวผี ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ การกลัวความมืดนั่นเอง
พอพ้นจากวัยเด็กก็มีความกล้าที่จะอยู่ในความมืดมากขึ้น เลิกกลัวความมืด
มีวันเวลาได้นอนนับดาว ใช่หรือไม่ ต้องออกไปอยู่กับความมืด
เราจึงไม่กลัวความมืด ก็จะพบว่าความมืดนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ถึงตอนนั้นเราก็ไม่กลัวความมืดอีกต่อไป
พอเราเริ่มมีวิถีชีวิตที่พลิกผันจากรูปแบบในวันวาน
มาสู่วัฒนธรรมใหม่ในวันนี้ที่ดูเหมือนมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย
มีแสงไฟส่องทางในความมืด เรากลับมีความกลัวรูปแบบใหม่เกิดขึ้น
เป็นความกลัวที่ถูกสร้างขึ้นแบบสาธารณะ สร้างให้เกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้คนเป็นอันมาก
นั่นคือ กลัวความยากลำบาก กลัวมีรายได้น้อย กลัวความล้มเหลว
ล้วนเป็นสิ่งน่ากลัว เพราะเกิดขึ้นกับใครย่อมทำให้เป็นทุกข์ ความทุกข์ที่แท้นั้นเกิดจากใจที่หวาดกลัวต่างหาก
สิ่งที่เราต้องทำคือ จัดการกับความกลัว
ด้วยการเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่เรากลัว
ยังมีความกลัวอีกหลายรูปแบบบนหนทางชีวิตของยุคปัจจุบัน
และที่กำลังมาแรงแซงความกลัวทั้งหลายทั้งปวงคือ กลัวจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
หลายคนจึงพยายามหาที่หาทางเพื่อยึดเกาะเกี่ยวใช้เป็นฐานที่มั่น
และสร้างตัวตนขึ้นมา แต่สิ่งมากเกินไปคือ การกลัวคนอื่นเด่นกว่าตัวเอง
อันนี้อันตรายมาก การทำความดีที่คิดกันว่าน่าจะดีก็กลายเป็นการขัดแข้งขัดขากัน
หลายคนจึงเบื่อหน่ายหนีหาย กลับไปอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของตัวเอง
และปล่อยให้ใครอยากทำอะไรก็ทำไป เราจึงเห็นคนสร้างภาพ สร้างตัวตนแบบจอมปลอมมากขึ้น
การแสดงออกผ่านสื่อสมัยใหม่โดยไม่มีความกลัวเกรงสายตาคนอื่น
กลายเป็นยิ่งกล้าทำตามกันมากขึ้น ในลักษณะแบบนี้จึงเป็นการใช้ความกล้าลบเลือนความกลัวแบบผิดที่ผิดทาง
หากยังมีลมหายใจเราต้องกล้าที่จะทำดี และกลัวที่จะทำชั่ว ไม่ใช่แยกแยะไม่ออกว่าจะกล้าจะกลัวสิ่งไหนตอนไหนดี
หลายคนกลายเป็นคนท้อแท้และกลัวที่จะทำดี เพียงเพราะเสียงต่อว่าและคำวิจารณ์
ใช่หรือไม่ถ้าเรากลัว เราจะต้องกล้าที่จะไปสัมผัสในสิ่งที่เรากลัว
ถ้าสิ่งนั้นคือความงดงาม ไม่ใช่การหนีสิ่งที่เรากลัว การหันหน้ามาเผชิญกับมันต่างหาก
คือสิ่งที่ควรทำ เพราะจะทำให้เราหายกลัว เมื่อนั้นมันจะไม่มีพิษสงอีกต่อไป
นักเขียนชาวอเมริกันคนหนึ่งเล่าว่าเขาเป็นคนกลัวขายหน้ามาก
วันหนึ่งจิตแพทย์ชื่อดัง อัลเบิร์ต เอลลิส (Albert Ellis) เล่าว่า
เคยแนะนำให้คนไข้ของเขานั่งรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ค เมื่อผ่านสถานีใดให้ส่งเสียงเรียกชื่อสถานีนั้นดัง
ๆ โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะมองอย่างไร
เขาจึงทดลองทำดูบ้างเมื่อนั่งรถไฟใต้ดินในลอนดอน แม้จะรู้สึกประหม่าและพรั่นพรึงขณะที่ส่งเสียงดังท่ามกลางผู้คนแน่นขนัด
แต่ปรากฏว่าไม่มีใครด่าหรือทำร้ายเขาเลย มีบางคนเท่านั้นที่มองเขาด้วยสายตาประหลาด
นับแต่วันนั้นความกลัวขายหน้าได้ลดลงมาก
เมื่อมาพิจารณาดูแบบจริง
ๆ จัง ๆ สิ่งที่เรากลัวนั้นไม่ทำให้เราทุกข์มากกว่าความกลัว
และนี่เป็นจุดอ่อนของผู้คนทุกยุคทุกสมัย
เมื่อสังคมมีวิวัฒนาการสู่ระบบทุนนิยมเสรี ใช้การบริโภคขับเคลื่อน
ใช้ระบบบริหารด้วยการแข่งขัน และเพื่อให้ทุกสิ่งเข้าสู่ตลาดการค้าการขาย
การจับจ่ายของผู้คนจึงถูกตั้งอยู่บนความกลัว นักการตลาดจึงรู้ดีว่า ความกลัวจะเป็นแรงจูงใจอย่างดีในการขายสินค้าและนับวันเราก็ถูกกระแสสร้างให้เกิดความกลัวสมัยใหม่เกิดขึ้นเสมอ
กลัวว่าจะไม่สวยกลัวว่าจะไม่เด่น กลัวว่าจะไม่ทันสมัย กลัวจะตกเทรนด์
แล้วเราก็จะถูกบอกว่าต้องทำแบบนั้น ต้องใช้สินค้าตัวนี้ เราจึงหายกลัว มันจริงหรือ
? เราถูกทำให้กลัวด้านร่างกาย และไม่กล้าด้านชีวิตภายใน
เมื่อเป็นเช่นนี้สังคมวันนี้จึงอ่อนล้าและอ่อนแอลง ต่างคนต่างกลัว
ต่างคนต่างกล้าแสดงออกแบบผิด ๆ โดยคิดว่าจะมาลบเลือนความกลัว
แต่ทำไมยิ่งทำเรายิ่งมีแต่ความกลัว เพราะสิ่งที่เรากล้าทำไปนั้นมันปราศจากความกล้าที่จะสัมผัสความกลัวด้วยจิตวิญญาณ
พูดอย่างถึงที่สุดเรากล้าเพราะเราบูชาวัตถุภายนอกกันเกินไป เราจึงจมอยู่กับความกลัวตลอดเวลาและหาสันติสุขในชีวิตไม่พบ
ความกลัวคือสิ่งที่น่ากลัว
แต่ความกล้าที่ฆ่าวิญญาณเรานั้นน่ากลัวกว่า “อย่ากลัวมนุษย์ที่ฆ่าได้แต่กาย
แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้”