วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’

ใช่หรือ ไม่ใช่
เดี๋ยวนี้คนเราฆ่าแกงกันง่ายดายเหลือเกิน ใจร้อน ขาดสติ โมโหร้าย ใช้กำลังและอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน การใช้รถใช้ถนนร่วมกันก็มีแต่ความเห็นแก่ตัว และไร้น้ำจิตน้ำใจต่อกัน ไม่ค่อยมีคำว่า “อภัย ใจสบาย” ให้พบเห็น อาจเป็นเพราะสังคมมุ่งแต่การแข่งขันกัน ใช่...สังคมไทยปัจจุบัน เป็นสังคมที่เห็นคุณค่าทางวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ ยิ่งพัฒนาไปเท่าใด จะยิ่งเกิดปัญหาจากการพัฒนาเท่านั้น ยิ่งมีวัตถุสนองความต้องการมากเท่าใด ยิ่งไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ คนไทยในยุคทุนนิยมบูชาความร่ำรวย จึงมีปัญหาทางจิตเกิดขึ้นมากมาย  มีพฤติกรรมการแสดงออกที่รุนแรง ขาดเมตตา ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ เคยเรียน เคยได้รับการปลูกฝังมาว่า “เมตตาธรรมค้ำจุนโลก” แต่เราประพฤติตรงข้ามและปฏิเสธว่า “ไม่ใช่” คนไทยยุคใหม่ตกเป็นทาสของทุนนิยมที่ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคมาเป็นเหยื่อล่อ ทำให้เกิดกิเลสอยากมีอยากได้ สนับสนุนให้เกิดค่านิยมบริโภคผ่านสื่อต่าง ๆ โดยปราศจากการควบคุม

ภาพ : http://p3.isanook.com

ค่านิยมของสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดของระบบการสื่อสารสมัยใหม่ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่ของวิถีการดำเนินชีวิต ข่าวสารไหลเข้ามาหาเราอย่างรวดเร็ว จนไม่มีเวลากระทั่งตั้งตัวตั้งสติ จนทำให้หลายต่อหลายคนขาดสติ กล่าวหาผู้อื่นแบบไม่เคยไตร่ตรอง มองคนอื่นในด้านเดียว ด้านที่แย่ หลายคนใช้สื่อสมัยใหม่เพียงเพื่อกลบเกลื่อนปมของตัวเอง ด้วยการกดทับคนอื่นและยกย่องตัวเองให้สูงเด่น บางครั้งบางหนคนเราก็ทำร้ายกันด้วยวาจา ฆ่ากันด้วยอักษรเพียงไม่กี่ตัว ยิ่งมีข่าวร้ายรายนาทีมากขึ้นเท่าไร หัวจิตหัวใจของผู้คนยิ่งแข็งหยาบกระด้างลงไปทุกนาทีเช่นกัน ใส่ความคนอื่น กล่าวหา ด่าทอว่าคนอื่น “โง่” มีให้เห็นมากมาย เพียงเพื่อสะใจ และการแสดงความคิดเห็นแบบหยาบ ๆ โดยไม่ต้องเผชิญหน้า มันง่ายและถูกจริตของผู้คน
ในสังคมปัจจุบันเรามักชอบตรวจสอบคนอื่น ไม่ยอมหันมาตรวจสอบตนเอง ใช่หรือไม่ใช่ เราต้องเตือนตนด้วยตนเอง หรือจงตั้งตนไว้ในคุณธรรมก่อน แล้วจึงสอนคนอื่น ทำได้เช่นนี้จึงจะไม่มัวหมอง ไม่ควรแต่คิดหาความผิดของคนอื่น แต่ควรพิจารณาตนว่า อะไรที่ตนทำแล้วหรือยังไม่กระทำ เราถูกสอนให้รู้เรื่องภายนอกตัว โดยมิได้เน้นว่าเมื่อเรียนรู้เรื่องของคนอื่นแล้ว ให้หันมาตรวจสอบตนเองบ้าง ค่านิยมแบบนี้จึงนำปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมา

สิ่งที่น่ากลัวสำหรับคนยุคใหม่ที่บริโภคยอด Like จากสื่อใหม่เป็นอาหาร เพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเองจนหลงลืมศีลธรรม ยิ่งทุกสื่อสมัยใหม่ที่มีการให้ถ่ายทอดสดผ่านมือถือด้วยแล้ว ความเสื่อมทรามจะตามมามีให้เห็นรายวัน และจะกลายเป็นความชินชา หนุ่มสาวหลายคนใช้เรือนร่างล่อหลอก ให้มีคนติดตาม แล้วนำไปต่อยอดขายสินค้าทำรายได้ หาเงินจับจ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย สื่อสมัยใหม่ทำให้คนรุ่นใหม่หมกมุ่นในกาม เป็นที่รวมสิ่งยั่วยุทางเพศ สื่อลามกต่าง ๆ มากมาย การค้าบริการทางเพศแบบออนไลน์มีให้เห็นมากมาย มีการผิดประเวณี ผิดขนบธรรมเนียม  เมื่อสังคมไทยตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จนถอนตัวไม่ขึ้น และส่วนใหญ่คิดว่า การมีความพร้อมทางวัตถุจะทำให้ชีวิตมีความสงบสุข จึงชอบวิ่งตามวัตถุ ไขว่คว้าหามาบำรุงชีวิต นิยมวัตถุ นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือย ยกย่องคนรวย โดยไม่คำนึงถึงว่าจะร่ำรวยมาได้โดยวิธีใด เกิดการแข่งขันเอารัดเอาเปรียบ ไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงมาจากความสับสนวุ่นวายทางจิตใจ เมื่อจิตใจไม่มั่นคง ก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยึดมั่น
ข่าวดาราเลิกรา หย่าร้างคู่แล้วคู่เล่า มีให้เห็นมาตลอด และทุกคนก็ออกมาแถลงข่าวอย่างไม่รู้สึกเลยว่านี่เป็นความล้มเหลวที่เลวร้ายของสถาบันหลัก พื้นฐานที่เป็นสาเหตุของการหย่าร้าง มาจากผลกระทบความมั่นคงในครอบครัว ที่ได้รับแรงกดดันมาจากการใช้ชีวิตภายนอกบ้าน โดยเฉพาะความตึงเครียดจากสภาพการทำงานที่มีมากขึ้น เมื่อกลับเข้าบ้านต่างก็มีความตึงเครียดกลับเข้ามาด้วย หากไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ ก็จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง และทำให้ชีวิตครอบครัวยุติลงต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งคู่ชีวิตก็สามารถอยู่ได้ ความอดทนน้อยลงไม่มีการเสียสละและไม่รู้จักการให้อภัยกัน ใช่...การที่มีคนมาอยู่ร่วมกันมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าทั้งสองคนไม่ได้มีการใคร่ครวญ ไตร่ตรองกรองความคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ เป็นอย่างดี และร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ลุล่วงลงได้ด้วยดี ความไม่เข้าใจกันจึงเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ค่านิยมที่สอนเราให้เก่งนั้นบางทีก็ ไม่ใช่ ให้เก่งกับทุกคนและทุกเรื่อง

ภาพ : http://prosperityedwell.com/wp-content/uploads/2016/06/familypic.jpg

ปัญหาการหย่าร้างย่อมส่งผลกระทบต่อลูกหลาน แต่เราพยายามที่จะสร้างค่านิยมที่ช่วยกันเลี้ยงแบบต่างคนต่างอยู่ และดูว่ากำลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ แท้จริงแล้ว เด็กในครอบครัวที่แตกแยกจะขาดความรัก ความอบอุ่น มีความรู้สึกไม่มั่นคง เนื่องจากลูกเคยชินต่อสภาพพ่อแม่ให้ความรัก ความอบอุ่น และความมั่นใจแก่เขา แต่ความสัมพันธ์แบบนี้ต้องถูกทำลายไป ยังไงก็ต้องส่งผลต่อจิตใจเด็ก ๆ ลูก ๆ ทั้งนั้น แต่เราคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา ด้วยการสร้างกระแสค่านิยมใหม่ ๆ มากลบเกลื่อน

ใช่หรือไม่ใช่ ทุกวันนี้ศีลธรรมจรรยาที่ดีงามกำลังถูกปลอมแปลงลบเลือนให้หายไปจากหัวใจของผู้คน การธำรงไว้ซึ่งความดีงามโดยปราศจากความรักความเมตตาจึงเป็นเหมือนกับร่างกายที่ปราศจากจิตวิญญาณ สังคมในปัจจุบันนี้ที่ทุกอย่างกลายเป็นความเคยชิน ความชั่วกลายเป็นความดี ความเลวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนออกมาชื่นชม ความผิดกลายเป็นการปกป้องตนเองและครอบครัว จนทำให้เงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แบบนี้มันใช่หรือ....

ไม่มีความคิดเห็น: