วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรียน(เลียน)คำสอนพ่อ ๔

เรียน(เลียน)คำสอนพ่อ ๔
บทที่ ๔ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้


“คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วย เมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้” (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑)

ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมโลกที่พบเจอทั้งภัยธรรมชาติ สงครามไล่ล่าอาณาดินแดนเพื่อครอบครองทรัพยากรแหล่งพลังงาน การชุมนุมประท้วงต่อต้านผู้นำ การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นมาจากความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวของคนเพียงไม่กี่คน ที่ส่งผลต่อคนหมู่มาก ในสังคมโลกที่ตกอยู่ในกระแสของการบริโภคเป็นใหญ่ บูชาวัตถุเป็นเอก ชีวิตของคนเป็นสิ่งสุดท้าย มองไม่เห็นความหมายในคุณค่าของกันและกัน มีแต่กอบโกยเก็บเกี่ยว พอไม่ได้ดังใจก็เรียกร้องต้องการที่จะเป็นฝ่ายได้ถ่ายเดียว เพราะเราไม่ได้เรียนรู้ที่จะรับและให้แก่กันและกัน เรามีแต่คอยที่จะคิดว่าทำอะไรต่อมิอะไรแล้วจะ“ขาดทุนหรือได้กำไร” หรือเปล่าเพียงเท่านี้ การ“รับและให้” ถูกแปรรูปอยู่ในระบบทุนนิยม แทนที่จะเป็นธรรมนิยม นี่จึงเป็นความถดถอยของสังคมโลกที่พร้อมจะกลายเป็นสงครามโลกได้ทุกเมื่อ
ในความเป็นจริงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” นั้นเกิดมาพร้อมกับการรับและการให้ เราได้รับความรักจากพ่อแม่ จากคนในครอบครัว คนรอบ ๆ ข้าง เราทุกคนเคยเป็นคนน่ารักที่ทุกสายตาทุกการพบเห็นต่างเอ็นดูมาด้วยกันทั้งนั้น สิ่งนี้คือการเริ่มต้นของการได้รับ ในขณะเดียวกันในวินาทีนั้นเราก็เป็นผู้ให้ ให้ความน่ารัก ให้รอยยิ้มความอิ่มเอมใจหลายต่อหลายคน เป็นการรับและให้อย่างบริสุทธิ์ อย่างไม่มีอะไรปรุงแต่ง ทั้งรับและให้นี้เกิดมาจากสิ่งเดียวนั่นคือ “ความรัก” เป็นเพราะความรัก ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่นิ่มนวล แม้จะสัมผัสได้แต่ก็ยากที่จะหาคำมาอธิบายพรรณนา ความรักอาจจะเป็นความรู้สึกที่ดี และมันก็คงจะดียิ่งกว่าถ้าหากความรักถูกนำมาแปรให้กลายเป็นรูปธรรม เป็นคำพูด เป็นการกระทำ เป็นการให้ หรืออะไรบางอย่างที่มองเห็นผลผลิต
ยิ่งเราเติบโตขึ้นท่ามกลางการได้รับความรักจากครอบครัว จากคนรอบกายเราก็ยิ่งพร้อมจะเป็นผู้ให้ความรักนี้ต่อคนอื่น การให้สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ความสุขของผู้รับคือ ความยินดีที่ได้รับสิ่งที่มอบให้ ในขณะที่ผู้ให้คือ ความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือและแบ่งเบาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การให้ที่ปราศจากเงื่อนไข เป็นการให้ที่ทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับมีความสุข ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ด้วยความเต็มใจ และเปี่ยมไปด้วยเมตตาเอื้ออาทร ไม่รู้สึกเสียดายหรืออาลัยอาวรณ์ในสิ่งที่ให้ไปนั้น และการได้รับสิ่งตอบแทนกลับคืนมานั้น เป็นเพียงผลพลอยได้จากการให้ การให้เป็นการยกระดับฝ่ายจิตวิญญาณ  ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนทั้งหลายดังที่พ่อหลวงในดวงใจของเราได้ทรงกระทำไว้เป็นต้นธารธรรมทาน
ภาพ : http://truemetamorphosis.com
สิ่งที่เราให้ออกไปคือสิ่งที่เราได้กลับมา  ถ้าให้สิ่งที่ดี  ก็จะได้รับสิ่งที่ดีกลับคืนมา  ยิ่งให้มาก  ก็ยิ่งได้รับมากหรือได้กลับคืนมาเป็นสิบเท่า ถ้าให้อยู่เรื่อย ๆ ก็จะมีเรื่องดีงามบังเกิดอยู่ร่ำไป  ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ  และหนึ่งในกฎของการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จก็คือ  การที่ให้โดยปราศจากความเห็นแก่ตัวแล้วเราก็จะได้รับผลตอบแทนที่แท้จริง  พยายามคิดถึงเรื่องการให้แทนที่จะคิดแต่เรื่องการรับ เราจะรู้สึกปลอดโปร่งและมีความสบายใจ  ให้ในสิ่งที่มีคุณค่าแก่ผู้ที่รู้จักคุณค่าหรือผู้ที่สมควรได้รับ

หลายคนใช้ชีวิตขวนขวาย อุทิศเวลาเพื่อการงาน โดยหวังเพียงเพื่อตัวเอง เพื่อความสุขที่ตนปรารถนา รู้จักเพียงแค่การฉกฉวย แก่งแย่ง หรือแบมือรับ คนเหล่านี้เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสียบ้างคงอาจจะรู้สึกหนักหนาเอาการ แต่ถ้ารู้จักให้ถึงต้องเสียก็พอทำใจที่จะรับได้ คุณค่าของการให้คือการที่ต้องต่อสู้กับอารมณ์ข้างในไม่ให้โลภ ไม่ใช่มุ่งแต่อยากได้ใคร่มีจนหูตาลาย การให้ไม่ได้เป็นการสูญเสีย เป็นเพียงการแบ่งปัน เป็นการแลกเปลี่ยน เป็นการรับในเชิงคืนกลับ เพราะผู้ให้คือผู้ที่ได้รับความรักจากคนที่ถูกให้ อย่าอยู่เพียงเพื่อมองตัวเอง ลองเหลียวแลผู้คนรอบข้าง แล้วเราจะรู้ว่าสังคมน่าเวทนาในขั้นวิกฤติค่านิยมที่ผิด ๆ ครอบงำร้ายกว่าถูกโจมตีด้วยสงครามเสียอีก คนที่รู้จักให้และมีคุณธรรมอยู่ในใจเท่านั้นที่จะพาสันติสุขคืนสู่สังคม การให้มิได้เป็นเพียงคุณค่า แต่เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องเสียสละ ทุ่มเท ด้วยหัวจิตหัวใจ และการให้ที่สูงสุดคือการให้ชีวิตตนเพื่อชีวิตของคนอื่น ใช่หรือไม่ 70 ปีแห่งพระภารกิจแห่งการให้ด้วยชีวิตของพ่อหลวงที่ทำให้คนไทยทั้งปวงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในวันนี้ เป็นผลผลิตของพระองค์ท่านอย่างเป็นรูปธรรม เราเป็นหนึ่งในนั้น....

ไม่มีความคิดเห็น: