วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อ่านรักจากก้อนอิฐ

อ่านรักจากก้อนอิฐ


            ทุกครั้งที่มาเข้าวัดเพื่อร่วมมิสซา ตัวผู้เขียนเองชอบมองดูกำแพงวัดเซนต์หลุยส์ของเราที่สร้างด้วยก้อนอิฐ และไม่ได้ฉาบปูนปิด บางก้อนมีสีแดง บางก้อนก็ออกสีหม่นๆ ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนกัน แต่ถ้านั่งพินิจพิเคราะห์ก็จะพบความแตกต่าง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ในความแตกต่างของสี ของลักษณะ เมื่อถูกนำมาร้อยเรียงเป็นแถวเป็นแนว เป็นสัดส่วน ก่อให้เกิดความสวยงาม ก้อนอิฐทั้งหมดถูกเชื่อมประสานด้วยปูน เพื่อให้อิฐเกาะเกี่ยวเหนียวติด ทำให้เกิดความแข็งแรง มั่นคง เป็นดังเช่นพวกเราแต่ละคน ที่มีที่มาที่ไปแตกต่างกัน วันหนึ่งเรามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวในวัดแห่งนี้ โดยการเชื่อมประสานด้วยความรัก ความเชื่อ ความศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า จุดนี้นำมาซึ่งพระศาสนจักรที่มั่นคงแข็งแรง
            

            ชีวิตเราทุกวันนี้ถูกกำหนดให้รวดเร็ว แข่งขันกับเวลา การดำเนินชีวิต การอ่านชีวิตจึงคล้ายๆกับการอ่านหนังสือพิมพ์รายวันนั่นเอง อ่านเสร็จแล้วก็ทิ้งลงถังขยะ เลือกอ่านแต่หัวข้อใหญ่ๆ อ่านแต่หน้า 1 หน้าบันเทิงเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว หนังสือพิมพ์รายวันหลายๆฉบับมีเรื่องที่น่าสนใจ ให้ความรู้ ให้ความคิด(ข้อคิด)ที่ดี แต่จะมีซักกี่คนที่สนใจอ่าน เพราะไม่มีเวลานั่นเอง แม้แต่ในเรื่องความรัก เราก็ใช้กันฉาบฉวยเหมือนกับการอ่านหนังสือพิมพ์ ใช้แล้วก็ทิ้งก็ขว้างกันไป เลือกเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจ ไม่ได้ให้เวลาศึกษาสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน มีจำนวนไม่ใช่น้อยที่เลือกใช้ชีวิตด้วยกันในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เลือกจดทะเบียนสมรสกันตามเขตต่างๆ ตามโฆษณา เช่น บางรัก บางซื่อ สัมพันธวงศ์ บางคู่ก็คิดเพื่อแก้เคล็ดไปจดในเขตชื่อที่ไม่เป็นมงคล เช่น บางพลัด บางซ่อน บางคอแหลม ผลการวิจัยพบว่าคู่สมรสในปัจจุบันหย่าร้างกันถึง 30 % ทำให้คิดว่า ความรักไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย ไม่ได้ขึ้นกับชื่อเขตหรือวันเวลาที่ใช้แต่งงาน มีปัจจัยที่สำคัญอีกมากมายที่เราไม่ใส่ใจกัน
            ได้อ่านความรักแบบหนังสือพิมพ์ประจำวันกันไปแล้ว วันนี้เปิดเรื่องด้วยก้อนอิฐ ก็มาอ่านความรักจากก้อนอิฐกันดูบ้าง อิฐแต่ละก้อนกว่าจะสำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ ต้องผ่านขบวนการมามากมาย จากดินหยาบผสมกับน้ำนำมาบดเหยียบย่ำให้เข้ากัน เพื่อให้เกิดความเหนียวแน่น จากนั้นก็นำมาอัดใส่กรอบ ใส่แบบ ตากแดดให้แห้งพอหมาด นำมาตัดมาแต่งให้ได้รูปทรง นำเข้าเตาที่เต็มไปด้วยความร้อนสูง เผาจนได้ที่ ปล่อยให้เย็น จึงเป็นก้อนอิฐอย่างที่เห็น นี่เป็นขั้นตอนเพียงคร่าวๆ ก้อนอิฐก้อนเดียวดูจะเปราะบาง แต่เมื่อเรานำมาเรียงต่อกันแล้ว ก็เป็นโครงสร้างตึก อาคารบ้านช่องได้อย่างแข็งแรงเลยทีเดียว เหมือนกันกับโครงสร้างของสังคม ที่ประกอบไปด้วยเราแต่ละคนที่ผ่านขบวนการมามากน้อยแค่ไหน บางคนผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านกรอบ ผ่านระบบระเบียบมามาก ย่อมเข้มแข็งกว่าคนที่ผ่านประสบการณ์มาแบบฉาบฉวย สังคมใดที่มีคนประเภทแรกมาก โครงสร้างสังคมนั้นก็แข็งแกร่ง ตรงกันข้าม สังคมไหนมีคนประเภทที่สองเยอะก็เป็นสังคมที่อ่อนแอ


            สังคมทุกวันนี้ โครงสร้างเริ่มที่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะการใช้ชีวิตที่ข้ามขั้น ข้ามตอน ในเรื่องความรักซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของชีวิตก็กำลังเข้าจุดวิกฤต เพราะสังคมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรักแท้นั่นเอง รัก กว่าจะเป็นรักต้องเริ่มจากรอให้เวลาเพาะบ่ม เรียนรู้ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาด้วยกัน และให้ความสัมพันธ์อันดีเป็นไม้หันอากาศ เกี่ยวร้อย รอ กับ กอ เข้าด้วยกันจึงจะกลายเป็นรัก พี่น้องในฐานะที่เราเป็น    คริสตชน เราต้องภูมิใจให้มาก เพราะว่าคำสอนที่สำคัญของเราก็คือความรัก เราทุกคนต้องเป็นตัวอย่างในเรื่องความรักให้กับสังคมทั่วไป ให้โครงสร้างของสังคมมั่นคงยิ่งขึ้น ที่สำคัญควรจะปลูกฝังให้ลูกหลานเราเข้าใจในความรักแบบคริสตชน ช่วยกันสร้างก้อนอิฐแต่ละก้อนให้แข็งแรง อย่าให้เป็นก้อนที่ใช้ประโยชน์เพียงเอาไว้ปาหัวคนอื่นเท่านั้น.

ไม่มีความคิดเห็น: