วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บาเบล #2

บาเบล #2”
            โลกของเรากำลังก้าวย่างเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ในศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางความเจริญทางวิทยาการเทคโนโลยี เป็นศตวรรษแห่งอารยะของมวลมนุษยชาติ ที่วิทยาศาสตร์สามารถแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการได้ทุกรูปแบบ และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง.....
           วิทยาการเทคโนโลยีเหล่านี้ มนุษย์คิดค้นขึ้นมาก็เพื่อแสวงหาคำตอบความมหัศจรรย์ของชีวิต ซึ่งไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยมักจะมีการตั้งข้อสงสัยกันว่า "มนุษย์คือใคร มนุษย์มีวิญญาณหรือ ตายแล้วจะไปไหน มนุษย์เกิดมาได้อย่างไร โลกเรามาจากไหน  โลกเป็นมาอย่างนี้ได้อย่างไร โลกมีจุดจบหรือ? "ทำให้เกิดการค้นหา หลักการ เหตุผล และทฤษฎีต่างๆก็เกิดตามมา นำมาสู่วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในที่สุด 

            มาในยุคนี้มนุษย์เริ่มพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ (BIOCHEMISTRY TECHNOLOGY) ในรูปแบบต่างๆมากมาย เช่น การโคลนนิ่ง การตัดต่อยีนทางพันธุกรรม การปลูกถ่ายอวัยวะ  การผสมเทียม เด็กหลอดแก้ว ฯลฯ ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของชีวิตมนุษย์ได้
            มนุษย์อหังการ ท้าทายต่อองค์พระผู้สร้าง จากปัญญาอันน้อยนิด จากความหวาดกลัวในจิตใจและจากความไร้เดียงสา ทำให้มนุษย์หมดความไว้วางใจ เปรียบเสมือนฝูงปลาที่แสวงหาอาหารของนกกาบนท้องนภา พระเป็นเจ้าพระองค์เป็นทุกสรรพสิ่ง มนุษย์หรือจะเข้าถึงพระองค์ได้?
     "ให้เรามาสร้างเมืองขึ้น ให้มีหอสูงเทียมฟ้า เราจะได้มีชื่อเสียงและไม่ต้องกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก"(ปฐม. 11:4) ทุกยุคทุกสมัยมนุษย์ไม่เคยที่จะหยุดท้าทายพระผู้สร้าง บทเรียนจากหอบาเบลสอนให้รู้ว่า เราไม่มีทางจะเข้าถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้ แต่ตรงกันข้ามยิ่งมนุษย์ท้าทายมากเท่าไหร่มนุษย์ก็ต้องประสบกับชะตากรรมมาเเล้วนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากลับเป็นสิ่งที่ทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง สงครามเกิดขึ้นก็เพราะมนุษย์คิดประดิษฐ์อาวุธขึ้นมา อุบัติเหตุใหญ่ๆหลายครั้งที่ทำให้มนุษย์สูญเสียไปเพราะมนุษย์ประดิษฐ์ รถยนต์ เครื่องบิน เทคโนโลยีการขนส่ง ได้ รวมทั้งระบบการเงินการธนาคารที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้นมา ก็กลับทำให้เศรษฐกิจพังพินาศอยู่ในทุกวันนี้ หรือว่านี่เป็นการทำลายล้างขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยอาศัยน้ำมือของมนุษย์กันเอง

      มนุษย์กำลังเพลิดเพลินกับปัญญาที่คิดว่าชาญฉลาดที่สุดของตนเองโดยไม่สนใจถึงเสียงเตือนขององค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ได้มีปัญญาก็แค่ช่วงอายุตนเท่านั้น  ทิ้งไว้แต่ปัญหาให้กับคนรุ่นหลัง มนุษย์กำลังกลับไปสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่ต้องคลำหาทางกันเอง แล้วใครหละที่เป็นแสงสว่างให้เรา ใครกันแน่เป็นเจ้าชีวิตที่แท้จริง ใครกันเป็นผู้สร้าง? ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเสมอ

     หยุดเถิด....การแสวงหาที่ยิ่งใหญ่ จะไปกันทำไมให้ไกลนัก แค่รู้จักตัวตนของคนเรา และช่วยกันสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ทำเต็มไปด้วยความรักและสันติ ก่อนที่เราจะไม่เหลืออะไรเลย  ก่อนที่เราจะกระจัดกระจายไปสู่ดาวดวงอื่น ทุกคำตอบของเราอยู่ที่ใจเราเอง ใจที่พระเป็นเจ้าเป็นสร้างจากพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ถ้าเรามั่นใจ ไว้วางใจในพระองค์เราก็จะไม่เจอกับวิกฤตแห่งหอบาเบลเเน่นอน.......  

ไม่มีความคิดเห็น: