“บาเบล #2”
โลกของเรากำลังก้าวย่างเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ในศตวรรษที่
21 ท่ามกลางความเจริญทางวิทยาการเทคโนโลยี
เป็นศตวรรษแห่งอารยะของมวลมนุษยชาติ
ที่วิทยาศาสตร์สามารถแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการได้ทุกรูปแบบ
และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง.....
วิทยาการเทคโนโลยีเหล่านี้
มนุษย์คิดค้นขึ้นมาก็เพื่อแสวงหาคำตอบความมหัศจรรย์ของชีวิต
ซึ่งไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยมักจะมีการตั้งข้อสงสัยกันว่า "มนุษย์คือใคร
มนุษย์มีวิญญาณหรือ ตายแล้วจะไปไหน มนุษย์เกิดมาได้อย่างไร โลกเรามาจากไหน โลกเป็นมาอย่างนี้ได้อย่างไร โลกมีจุดจบหรือ?
"ทำให้เกิดการค้นหา หลักการ เหตุผล และทฤษฎีต่างๆก็เกิดตามมา
นำมาสู่วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในที่สุด
มาในยุคนี้มนุษย์เริ่มพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
(BIOCHEMISTRY TECHNOLOGY) ในรูปแบบต่างๆมากมาย เช่น
การโคลนนิ่ง การตัดต่อยีนทางพันธุกรรม การปลูกถ่ายอวัยวะ การผสมเทียม เด็กหลอดแก้ว ฯลฯ ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของชีวิตมนุษย์ได้
มนุษย์อหังการ
ท้าทายต่อองค์พระผู้สร้าง จากปัญญาอันน้อยนิด
จากความหวาดกลัวในจิตใจและจากความไร้เดียงสา ทำให้มนุษย์หมดความไว้วางใจ
เปรียบเสมือนฝูงปลาที่แสวงหาอาหารของนกกาบนท้องนภา พระเป็นเจ้าพระองค์เป็นทุกสรรพสิ่ง
มนุษย์หรือจะเข้าถึงพระองค์ได้?
"ให้เรามาสร้างเมืองขึ้น ให้มีหอสูงเทียมฟ้า
เราจะได้มีชื่อเสียงและไม่ต้องกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก"(ปฐม. 11:4)
ทุกยุคทุกสมัยมนุษย์ไม่เคยที่จะหยุดท้าทายพระผู้สร้าง
บทเรียนจากหอบาเบลสอนให้รู้ว่า เราไม่มีทางจะเข้าถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้
แต่ตรงกันข้ามยิ่งมนุษย์ท้าทายมากเท่าไหร่มนุษย์ก็ต้องประสบกับชะตากรรมมาเเล้วนับครั้งไม่ถ้วน
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากลับเป็นสิ่งที่ทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง
สงครามเกิดขึ้นก็เพราะมนุษย์คิดประดิษฐ์อาวุธขึ้นมา อุบัติเหตุใหญ่ๆหลายครั้งที่ทำให้มนุษย์สูญเสียไปเพราะมนุษย์ประดิษฐ์
รถยนต์ เครื่องบิน เทคโนโลยีการขนส่ง ได้
รวมทั้งระบบการเงินการธนาคารที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้นมา
ก็กลับทำให้เศรษฐกิจพังพินาศอยู่ในทุกวันนี้ หรือว่านี่เป็นการทำลายล้างขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยอาศัยน้ำมือของมนุษย์กันเอง
มนุษย์กำลังเพลิดเพลินกับปัญญาที่คิดว่าชาญฉลาดที่สุดของตนเองโดยไม่สนใจถึงเสียงเตือนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
มนุษย์ได้มีปัญญาก็แค่ช่วงอายุตนเท่านั้น ทิ้งไว้แต่ปัญหาให้กับคนรุ่นหลัง มนุษย์กำลังกลับไปสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนใหญ่ต้องคลำหาทางกันเอง แล้วใครหละที่เป็นแสงสว่างให้เรา
ใครกันแน่เป็นเจ้าชีวิตที่แท้จริง ใครกันเป็นผู้สร้าง? ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเสมอ
หยุดเถิด....การแสวงหาที่ยิ่งใหญ่
จะไปกันทำไมให้ไกลนัก แค่รู้จักตัวตนของคนเรา
และช่วยกันสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ทำเต็มไปด้วยความรักและสันติ
ก่อนที่เราจะไม่เหลืออะไรเลย
ก่อนที่เราจะกระจัดกระจายไปสู่ดาวดวงอื่น ทุกคำตอบของเราอยู่ที่ใจเราเอง
ใจที่พระเป็นเจ้าเป็นสร้างจากพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ถ้าเรามั่นใจ
ไว้วางใจในพระองค์เราก็จะไม่เจอกับวิกฤตแห่งหอบาเบลเเน่นอน.......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น