วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ถนนใหญ่ในใจคน

ถนนใหญ่ในใจคน
ถนนหนทางสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นมารองรับกับรถยนต์ที่มากขึ้นในทุก ๆ วัน สร้างเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอกับปริมาณรถ บนถนนที่กว้างใหญ่ขึ้น แต่ละฝั่งก็หลายเลน ยิ่งทำให้การขับขี่ใช้ความเร็วกันมากขึ้น ต่างคนต่างต้องการไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว ใครขับช้าจะถูกไล่ ถูกแซง รถใหญ่ถูกยกให้เป็นเจ้าถนน รถเล็กต้องหลบหลีกให้เสมอ โดยปกติเลนซ้ายสุดให้รถใหญ่วิ่ง แต่ความเป็นจริงรถใหญ่ก็มักซิ่ง วิ่งเข้ามาเลนขวา เพราะด้วยความเร็ว เพราะด้วยความใหญ่ เพราะด้วยความไม่สนใจกัน อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด แต่...สำหรับในเมืองหลวงที่มีจำนวนยานยนตร์หลายล้าน หลากยี่ห้อ ต่างรุ่น ต่างขนาด ก็มิสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้รวดเร็วดั่งใจหมาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าก่อนเริ่มงานและในช่วงเย็นย่ำค่ำคืน ถนนที่ว่ากว้างใหญ่ก็ยังมิเพียงพอ เหมือนเมื่อถึงเวลาก็นำรถออกมาจอดกองรวมกันบนถนนใหญ่ใจกลางเมือง กว่าจะขยับเขยื้อนเลื่อนล้อได้แต่ละวงรอบช่างยากเย็นแสนเข็น และยิ่งในฤดูฝนแบบนี้ หากตกลงมาเมื่อใด เมื่อนั้นถนนใหญ่จะกลายเป็นหนทางที่แสนทุกข์สาหัสไปเลย

บนถนนที่กว้างใหญ่ การขับขี่ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นเท่าตัว เพราะอุบัติเหตุย่อมมีขึ้นได้ทุกเวลา บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่พัทยา กำลังเพลิดเพลินพูดคุยกันอย่างสนุกปากกับผู้ร่วมทาง พลันทันใดนั้นก็มีวัตถุเล็ก ๆ ปลิวมาด้วยความเร็วสูง ปะทะกับกระจกหน้ารถอย่างจัง เสียงดังจนหยุดเสียงสนทนาให้เหลือเพียงเสียงลมหายใจ จากนั้นสิ่งที่เหลือทิ้งไว้ คือ รอยร้าวเล็ก ๆบนกระจก สิ่งนี้เป็นเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหนทางชีวิตในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ต้องมาเจอกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่...กลับมาแสดงอำนาจ อวดบารมี พยายามข่มขู่ด้วยเสียงอันดัง เข้ามาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อต้องปะทะกับคนแบบนี้ เลือกที่จะเงียบ และแสดงออกด้วยผลงานที่เหนือกว่า การควบคุมอารมณ์แบบมีชั้นเชิง เพื่อให้ประจักษ์แจ้งว่าโลกนี้กว้างใหญ่กว่าการเบ่งของคุณหลายล้านเท่านัก สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ คือ รอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจพร้อมทั้งความเวทนาต่อความโอ้อวด เบ่ง วางกล้าม ของคนบางคนในเศษเสี้ยวเวลาที่ต้องพบเจอ
เหตุใดเล่าคนเราถึงจะยิ้มให้กันบ้างไม่ได้??? พูดคุยสนทนาพาทีกันโดยไม่มีขอบเขตยศชั้นกันไม่ได้เชียวหรือ??? จำได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน เราเคยขับขี่รถบนถนนที่สวนไปสวนมา ขับไปโบยมือให้กันไป เปิดกระจกทักทาย ไม่ต้องต่างคนต่างขับต่างแย่งช่องทางเพื่อวิ่งไปจอดติด จากรอยร้าวเล็ก ๆ บนกระจกและรอยหงุดหงิดน้อย ๆ ในใจ ถูกกลบลบเลือนให้หายไป ในค่ำคืนที่มีผู้ใจดีมอบโอกาสให้ไปชมคอนเสิร์ตระดับโลก Bon Jovi ที่เมืองทองธานี ในค่ำคืนที่ฝนฉ่ำ บนทางด่วนในท้องถนนใหญ่ที่มุ่งหน้าไปนั้น แม้จะมีบ้างบางช่วงที่รถต้องหยุด ค่อย ๆ เคลื่อนไป แต่เรารู้ว่าอย่างไรเสีย เราก็กำลังจะได้เพลิดเพลินกับเสียงดนตรี
กว่าสองชั่วโมงบทเพลงมากมายถูกเลือกมาบรรเลงสด ๆ กับเสียงร้องอันทรงพลัง และยิ่งเมื่อบทเพลง It's my life บทเพลงอมตะบทนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างก็ขับขานตาม ในขณะขับรถกลับบ้าน บทเพลงบทนี้ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท และมีสิ่งให้คิดคำนึงถึงเรื่องราวบนถนนใหญ่ของชีวิตที่กำลังโลดแล่นอยู่ กับเรื่องราวมากมายที่ผ่านประสบพบเจอ
It's my life
It's now or never
I ain't gonna live forever
I just wanna live while I'm alive
นี่คือชีวิตของฉัน
ถ้าไม่กระทำเสียตอนนี้ ก็จะไม่ได้กระทำอีกแล้ว
ฉันไม่ได้อยากที่จะอยู่ค้ำฟ้า
ฉันแค่อยากจะมีชีวิตชีวา ในเวลาที่ยังหายใจ
            บนถนนชีวิต เราอาจจะเลือกหนทางเดินของเราได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า สักวันหนึ่งเราก็ต้องมีเวลาอยู่ในถนนบางสายร่วมกับผู้อื่น แล้วเราจะไปยึดโยงเอาถนนสายนั้นมาเป็นของเราเพียงผู้เดียวได้อย่างไรเล่า??? การแบ่งปัน ความเข้าอกเข้าใจ การรู้จักยอมรับผู้อื่นบ้าง จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราอยู่ในโลก บนถนนใหญ่สายนี้ได้อย่างมีความสุข ลดความเร็ว ความแรง อคติ ความเกลียดชัง ความโกรธเคืองลงไปบ้าง ลงมือกระทำสิ่งดี ๆ เรื่องดี ๆ เสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าจะไปสำนึกเสียดายในวันที่มีลมหายใจรวยระรินในโรงพยาบาล
            ในขณะที่เราอยู่บนถนนใหญ่ มีบ้างที่ต้องแวะ มีบ้างที่ต้องหลงทาง ต้องถามทาง ต้องเลี้ยวรถกลับ ตั้งหลักใหม่เพื่อให้ถึงที่หมาย ในหนทางชีวิตของเราก็เช่นกัน เหนื่อยนักก็พักกายพักใจลงบ้าง แวะพักเพิ่มพลังใจ หากผิดพลาดหลงทิศผิดทางก็หาคนที่สามารถจะปลุกปลอบขวัญ เพื่อให้มีกำลังใจ พร้อมที่จะลุกเดินหน้าต่อไป ผิดไปกลับใจตั้งหลักกันใหม่ เพราะนี่คือชีวิต ในขณะเดียวกันระหว่างทางอาจจะมีคนมาถามทาง เราก็ต้องพร้อมจะชี้แนะด้วยความเข้าใจคนหลงทางมา ต้องมีเมตตาต่อคนผิดพลาด เพราะเราไม่อยู่ค้ำฟ้า แต่เราสามารถที่จะใช้ความดีของเราค้ำฟ้าให้อยู่ตลอดไปได้

ใช่.. ถึงแม้ว่าเราจะเห็นท้องฟ้าได้ทุกวัน แต่บางวันเราก็ลืมที่จะมอง เราอยู่บนถนนชีวิตที่กว้างขึ้นปะปนกับผู้คนหลากหลายความคิด หลากหลายทัศนคติ ต่างคนต่างก็มีอิสระในชีวิต เลือกที่จะก้าวไปในถนนใหญ่เส้นใดเส้นหนึ่งได้ เช่นนี้แล้ว เมื่อพระเจ้าประทานชีวิตให้กับเรา เราต้องเลือกทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า ทำให้โลกนี้สวยงามด้วยความดี ด้วยความเมตตาต่อกัน ไม่ข่มขู่ข่มเหงกัน เพราะนี่มันคือชีวิต ชีวิตต้องไม่สิ้นศรัทธาจึงจะกล้าท้าทาย ชีวิตนี้ใครลิขิต เป็นเราที่ต้องขีดเขียน หมั่นเพียรในทางงาม ความสุขจะตามมาในไม่ช้า เรามาทำถนนในใจเราให้ใหญ่ โดยที่ไม่ต้องทำตัวเองให้ใหญ่คับฟ้ากันดีกว่า เพราะนี่คือคุณค่าของ “ชีวิต”

ไม่มีความคิดเห็น: