หยาดหยดที่งดงาม
ภาพร่างหนูน้อยไร้วิญญาณเกยอยู่ที่ชายหาดในประเทศตุรกี
ที่แชร์กันไปทั่วโลก สร้างปรากฏการณ์ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมได้มากมายเลยทีเดียว
ชนิดที่เรียกว่าพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ร่างน้อย ๆ สร้างแรงกระเพื่อมแห่งจริยธรรม
สร้างความมีเมตตาต่อมนุษย์ด้วยกันได้อย่างยิ่งใหญ่ ท้องฟ้า ท้องทะเล
กว้างใหญ่ไพศาล สิ่งเล็ก ๆ ที่ล่องลอยมาเกยนั้น ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงปรับสู่ความสมดุลได้อย่างดีงามสิ่งใดที่เราทำแม้เพียงน้อยนิดย่อมมีผลกระทบต่อสรรพสิ่งบนโลกนี้ทั้งนั้น
นี่เป็นการสะท้อนในคุณค่าของสิ่งมีชีวิต
ไม่น่าเชื่อเด็กตัวเล็ก ๆ กลายเป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ตีสอนโลกที่หลงทิศหลงทาง
ที่สร้างแต่ความบาดหมาง สร้างแต่ทางทุกข์ให้กันอยู่ร่ำไป ได้หยุดและหันมามองกันมากขึ้น
ภาพ :http://www.meekhao.com/wp-content/uploads/2015/09/3-years-old-syrian-dead20.jpg |
สงคราม ความขัดแย้ง
ความเกลียดชัง การบ้าคลั่งในลัทธิที่ผิดหลง
ทำให้หลายล้านชีวิตที่ไม่คิดจะตอบโต้ความรุนแรง ที่แสดงความรักในตัวเองรักในครอบครัว
พยายามหนีความโง่เขลาของผู้กระหายหาความรุนแรงในรูปแบบของสงคราม
เพื่อให้รอดพ้นจากความทุกข์แค้นเคือง
ใครเล่าอยากจะละทิ้งถิ่นกำเนิดเกิดกายหากไม่ถึงที่สุดจริง ๆ นี่เป็นโศกนาฏกรรม
อับดุลเลาะห์ เคอร์ดี
ผู้รอดชีวิตแต่สูญเสียสมาชิกทุกคนในครอบครัว เล่าว่านับจากที่กองกำลังรัฐอิสลาม
หรือ IS
บุกโจมตีและยึดครองเมืองไว้ ตนจึงตัดสินใจทิ้งบ้านเกิด เดินทางข้ามไปยังตุรกี
จากนั้นนั่งเรือมุ่งหน้าไปยังเกาะคอสของกรีซ
แต่เพราะมีผู้ลี้ภัยมากเกินกว่าจะรับน้ำหนักได้เรือจึงล่ม
“ช่วงที่เรือกำลังจะพลิกผมรีบไปหาลูกเมีย
ก่อนที่เราทั้งหมดจะตกลงไปในน้ำ เมียผมเกาะอยู่บนเรือที่คว่ำ ผมเลยมองหาลูก
และเข้าไปพยุงให้พวกเขาขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อจะหายใจได้เป็นพัก ๆ
ต้องช่วยสลับไปทีละคนทีละคน ผมคิดว่าเราอยู่ในน้ำราว 3 ชั่วโมง
ผมมองอย่างสิ้นหวังเมื่อลูกคนหนึ่งหมดแรงแล้วค่อยๆ จมลงไป ผมรีบดันอีกคนไปไว้กับเมีย
แต่..ผมขอโทษ ผมจับมือเมียไว้ แต่มือลูกลื่นหลุดไปแล้ว” ชายผู้สูญเสียกล่าว
นายอับดุลเลาะห์ เคอร์ดี
เหยื่อสงครามที่เสียลูกเมียไปอย่างไม่มีวันกลับ กล่าวเพียงว่า “ในฐานะพ่อที่สูญเสียลูก
ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากโลกนี้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่อยากขอคือให้โศกนาฏกรรมในซีเรียขณะนี้ยุติลงทันที”
นับตั้งแต่ต้นปีถึง ณ ตอนนี้
จำนวนตัวเลขผู้อพยพที่ขึ้นฝั่งหรือเดินทางมาถึงยุโรปกลับพุ่งสูงต่อเนื่องไม่เว้นวัน
ตัวเลขผู้อพยพที่ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพุ่งสูงถึง 350,000 คนแล้ว ( http://btsstation.com)
เห็นผู้อพยพหนีภัยสงครามมากขึ้น
ทำให้เรารู้สึกหดหู่เหลือเกิน โลกเกิดมีสำนึกร่วมกัน หลายประเทศตื่นตัว
เปิดรับผู้อพยพมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่สนใจหรือมีบ้างบางประเทศพยายามผลักดันไปให้พ้น
ๆ อาณาเขตแดนของตัวเอง เขตแดนที่ต่างก็เคยไปช่วงชิงมาจากผู้อื่น
ยิ่งคิดยิ่งย้อนให้เห็นความแปลกประหลาดในหัวจิตหัวใจของมนุษย์เรา
ในสมัยหนึ่งเชื้อชาติที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ออกไปทั่วโลกเพื่อไล่ล่าเมืองขึ้น
แล้วก็บังคับข่มขู่ให้คนด้อยกว่ามาอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง
เพื่อจะใช้เป็นแรงงานพัฒนาประเทศ ครั้นเมื่อมาถึงยุคนี้ ยุคที่เจริญแล้ว กลับบังคับข่มขู่คนด้อยกว่าไม่ให้เข้ามาแย่งชิงสิ่งสร้าง
ที่คิดว่าเป็นของตัวเอง
เรามาถึงจุดนี้จนได้จุดที่ต้องมีการสูญเสียแล้วจึงคิดจะแบ่งปัน จากหยาดหยดแห่งความทุกข์ของหนูน้อยไอย์ลาน
เคอร์ดี วัย 3 ขวบ
ความเมตตา
การช่วยเหลือกันและกันเท่านั้นคือสิ่งที่จะช่วยเยียวยาความโหดร้ายของสงครามนี้ได้
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ตรัสว่า “ให้ทุกเขตวัด ทุกหมู่คณะนักบวช อารามทุกแห่ง
และสักการะสถานในยุโรปร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน
พ่อจึงขอเรียกร้องการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากเราทุกคน
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้จะเริ่มต้นทันทีที่วาติกันเป็นที่แรก วัดคาทอลิก 2
แห่งในเขตวาติกันจะดำเนินการรับครอบครัวผู้ลี้ภัยไปพักอาศัยด้วย” สิ่งนี้สอนเราว่า
ต้องเปิดใจในความมีเมตตาจิตต่อกัน ใช่..ในมุมเล็กๆ
เราคงพบเห็นความมีเมตตาที่เป็นดังหยาดหยดที่งดงามได้เสมอ เฉกเช่นมีคน ๆ
หนึ่งนั่งรถประจำทางมาทำงานทุกวัน สิ่งหนึ่งที่พบเจอบ่อย ๆ
คือผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งจะซื้อน้ำ ซื้อกาแฟมาฝากให้พนักงานเก็บเงินและคนขับรถ จนกระทั่งเขาได้ถ่ายเป็นคลิปและนำมาโพสต์บนโลกออนไลน์เพื่อชื่นชม
(คลิปครูเป๊ะ http://www.plug-innews.com/2067)ตอนที่เห็นครั้งแรกก็ชื่นชมอยู่ในใจ ในเวลาต่อมาทราบว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เรารู้จัก
เป็นคุณครูในโรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา ที่เราเรียกจนติดปากว่า “ครูเป๊ะ”
ครูผู้เข้มงวดนักเรียน แต่หลังเวลาเรียนครูคือคนที่ใจดีมีน้ำใจ
มองเห็นความต้องการของผู้อื่นเสมอ สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณครูสร้างแบบอย่างไว้ในชุมชนแห่งนี้อย่างเงียบ
ๆ มากว่า 30 ปี
เคยมีโอกาสได้พูดคุยในครั้งที่ไปส่งคุณครูปากทางเข้าบ้าน
(ก่อนจะมีคลิปนี้หลายเดือน) มีคนร่วมทางถามครูว่า
ทำไมซื้อน้ำซื้อของไปฝากพนักงานขับรถและกระเป๋ารถ ครูเล่าว่า
ครูต้องออกจากบ้านแถวบางนาตั้งแต่เช้ากลับก็ดึก ๆ เพราะครูจะอยู่ช่วยงานที่โรงเรียนมักกลับเป็นคนสุดท้ายเสมอ
จะใช้เวลาบนรถเมล์นอนหลับบ้าง กลัวว่าจะเลยป้าย จึงมักชวนกระเป๋ารถคุยไถ่ถามสารทุกข์สุข
พอถึงป้ายกระเป๋าก็จะเรียกให้ตื่นและลงตรงป้ายเสมอ จริง ๆ
แล้วนี่เป็นความน่ารักที่มักไม่มีการโอ้อวด สิ่งที่ทำ แท้แล้วล้วนทำด้วยหัวใจแห่งเมตตา
ครูมีเมตตากับทุกผู้คน ครูเป๊ะเป็นเหมือนหยาดหยดที่งดงาม ทำในสิ่งเล็ก ๆ
แต่ยิ่งใหญ่สำหรับโลกวันนี้ที่ขาดแคลนน้ำใจ และหยาดหยดของน้ำใจครูนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกศิษย์ที่ผ่านการอบรมจากชีวิตของครู
แน่ล่ะครูไม่ต้องการให้ใครมากล่าวยกย่องสรรเสริญ แต่ในฐานะคนร่วมรั้ว ร่วมชุมชนก็อดที่จะภาคภูมิใจ
ที่เรามีแบบอย่างที่งดงามนี้ และขอนำแบบอย่างเมตตาจิตของคุณครูมาใช้ในวิถีชีวิต
ใช่หรือไม่ หยาดหยดแห่งความเมตตาเมื่อมาหลอมรวมกันมาก ๆ
ย่อมกลายเป็นมหานทีที่จะสร้างความร่มรื่นให้กับทุกสรรพชีวิต เพื่อว่าโศกนาฏกรรม
ความโหดร้ายใด ๆ ในโลกในชีวิตของเราแต่ละคนจะลดน้อยถอยลงไปได้บ้าง....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น