บางทีเราก็เข้าใจอะไรผิด
ในยุคที่เราใช้วัตถุปัจจัยภายนอกนำการดำรงอยู่ เราจึงมักคิดและติดแนวทางในการใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมไปด้วย
ค่าของความดีมักถูกแทนที่ด้วยการประชาสัมพันธ์ เรามักเห็นการทำบุญเพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากถูกฉาบ
ด้วยฉาก ด้วยป้ายชื่อขององค์กร บริษัท ห้างร้าน ที่ฉกฉวยประโยชน์จากกองบุญ มีเมตตาโดยมิต้องโฆษณากันได้ไหม!!!
สังคมสงเคราะห์ถูกแทนที่ด้วยการทำCSR เพื่อเพิ่มในพอร์ตของหน่วยงาน
หัวใจกรุณาถูกแทนค่าด้วยป้ายไวนิลขนาดใหญ่ การเห็นอกเห็นใจถูกตีค่าด้วยภาพถ่ายยิ้มแย้มยกนิ้วโป้ง
like โดยมีชาวบ้านผู้เดือดร้อนเป็นฉากประกอบ ใช่หรือไม่ นี่เป็นความเข้าใจผิดคิดแยกไม่ออกว่า
นั่นคือ สิ่งมีชีวิตที่ทุกข์ร้อน มิใช่อุปกรณ์ที่ไร้ชีวิตที่นำมาซ่อมแซมเพื่อเพิ่มมูลค่า
บางทีเราก็เข้าใจกันผิดที่คิดว่า การให้ได้มาซึ่งจำนวนทรัพย์สินเพิ่มพูน
จะเพิ่มสุขให้กับชีวิต ด้วยค่านิยมที่มักนับถือคนที่ร่ำรวย มากกว่าคนที่มุ่งมั่น ให้ความสำคัญกับคนที่มีตำแหน่งมากกว่าคนที่แกร่งกล้ายึดมั่นในทางธรรม
ยกย่องเชิดชูคนที่ก่อประโยชน์ให้เรามากกว่าคนที่สวดภาวนาเพื่อเรา
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
บางทีเราก็แยกไม่ออกว่าเราควรสร้างสภาพแวดล้อมด้วย “รัก” มิใช่ใช้การบังคับด้วย
“แรง” หากแยกแยะออกว่าเราควรอยู่และใช้ปัจจัยภายนอกอย่างไรให้เป็น
ให้รับใช้ เพื่อนำไปสู่หนทางแห่งเมตตาธรรม โดยไม่เรียกร้อง บังคับ ข่มขู่ ด้วยวาจาและกิริยา
แต่ให้ความกรุณาเข้าอกเข้าใจ ทำให้สภาพแวดล้อมน่าอยู่ด้วยกันอย่างสันติ บางครั้งต้องลดความระแวงสงสัย
เพิ่มความจริงใจให้ต่อกัน คนเรายิ่งถูกบังคับยิ่งขัดขืน ในทางตรงกันข้าม ยิ่งวางใจก็จะได้รับความจริงใจและศรัทธาตอบแทน
คนไม่เหมือนเครื่องจักรกลที่ต้องซ่อมแซมปรับปรุงแต่งให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแต่ต้องค่อย
ๆ สร้างสมเพิ่มความรักให้กัน แล้วชีวิตจึงจะเติบโตก้าวเดินต่อไป
บางทีเราก็เข้าใจผิดคิดว่าในคำสอนเรื่องความยากจนนั้นคือการไม่มีเงินทอง
หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ สิ่งนี้สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้อธิบายคำสอนนี้ไว้อย่างกระจ่างแจ้ง
ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา
ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนั้น พระเยซูตรัสกับชายคนหนึ่งที่เข้ามาหาพระองค์และทูลถามว่าจะต้องทำอย่างไร
ถึงจะได้เข้าอาณาจักรสวรรค์ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาไปว่า “จงไปขายทรัพย์สินทุกสิ่งที่ท่านมี
และตามเรามา” ชายคนนั้นทำหน้าเศร้าและเดินจากพระองค์ไป
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า “การยึดติดกับความร่ำรวยคือจุดเริ่มต้นของการโกงทุกรูปแบบ
โกงทุกแห่งหน อาทิ โกงในเรื่องส่วนตัว โกงในธุรกิจการค้า โกงแม้แต่การติดสินบนด้วยเรื่องเล็ก
ๆ ไล่ไปจนถึงการโกงในแวดวงการเมืองและโกงในแวดวงการศึกษา ทำไมต้องโกง? ก็เพราะคนเหล่านี้ยึดติดกับอำนาจ ยึดติดกับความมั่งคั่งของตน พวกเขาเชื่อว่าตัวเองอยู่บนสวรรค์แล้ว
พวกเขาปิดตัวเอง และสุดท้าย พวกเขาก็เอาทุกสิ่งติดตัวไปไม่ได้”
“นี่คือความลึกลับในการครอบงำความมั่งคั่ง ความร่ำรวยมีความสามารถในการยั่วยวน
มันทำให้เราตกลงไปในการล่อลวง และทำให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในสรวงสวรรค์บนโลกนี้
แต่สวรรค์บนโลกคือสถานที่ซึ่งปราศจากขอบเขต การดำเนินชีวิตที่ปราศจากขอบเขตคือชีวิตที่ไร้ประสิทธิภาพ
การดำเนินชีวิตที่ปราศจากความหวังคือชีวิตที่น่าเศร้า การยึดติดกับความมั่งคั่งทำให้เราซึมเศร้าและทำให้เราไร้ประสิทธิภาพ”
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
บางทีเราก็ยึดติดผิดที่ผิดทางไป เราไปแสวงหาความร่ำรวยเพื่อเสพติด
เราสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อส่งเสริมรูปลักษณ์ภายนอก จึงไม่ได้ทำให้จิตใจเรายากจน จิตใจที่ยากจนนั้นแม้กายจะร่ำรวยก็ย่อมคิดถึงการใช้ความร่ำรวยเพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิใจ
โดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน โดยไม่ต้องประกาศให้โลกรู้ โดยไม่ต้องขอรับโล่ห์เหรียญใด
ๆ แท้จริงสิ่งภายนอกที่เราบังคับแสวงหาให้ได้มา ให้มีมิใช่หนทางที่จะนำเราไปสู่สันติได้เลย
แต่บางทีโลกวันนี้ กระแสวันนี้ทำให้เราเข้าใจอะไรผิด ๆ มามากมาย หันกลับมามองชีวิตด้วยหัวใจแห่งความงดงาม
แล้วความจริงจะปรากฏ