วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บางทีเราก็เข้าใจอะไรผิด

บางทีเราก็เข้าใจอะไรผิด
            ในยุคที่เราใช้วัตถุปัจจัยภายนอกนำการดำรงอยู่ เราจึงมักคิดและติดแนวทางในการใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมไปด้วย ค่าของความดีมักถูกแทนที่ด้วยการประชาสัมพันธ์ เรามักเห็นการทำบุญเพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากถูกฉาบ ด้วยฉาก ด้วยป้ายชื่อขององค์กร บริษัท ห้างร้าน ที่ฉกฉวยประโยชน์จากกองบุญ มีเมตตาโดยมิต้องโฆษณากันได้ไหม!!! สังคมสงเคราะห์ถูกแทนที่ด้วยการทำCSR เพื่อเพิ่มในพอร์ตของหน่วยงาน หัวใจกรุณาถูกแทนค่าด้วยป้ายไวนิลขนาดใหญ่ การเห็นอกเห็นใจถูกตีค่าด้วยภาพถ่ายยิ้มแย้มยกนิ้วโป้ง like โดยมีชาวบ้านผู้เดือดร้อนเป็นฉากประกอบ ใช่หรือไม่ นี่เป็นความเข้าใจผิดคิดแยกไม่ออกว่า นั่นคือ สิ่งมีชีวิตที่ทุกข์ร้อน มิใช่อุปกรณ์ที่ไร้ชีวิตที่นำมาซ่อมแซมเพื่อเพิ่มมูลค่า
            บางทีเราก็เข้าใจกันผิดที่คิดว่า การให้ได้มาซึ่งจำนวนทรัพย์สินเพิ่มพูน จะเพิ่มสุขให้กับชีวิต ด้วยค่านิยมที่มักนับถือคนที่ร่ำรวย มากกว่าคนที่มุ่งมั่น ให้ความสำคัญกับคนที่มีตำแหน่งมากกว่าคนที่แกร่งกล้ายึดมั่นในทางธรรม ยกย่องเชิดชูคนที่ก่อประโยชน์ให้เรามากกว่าคนที่สวดภาวนาเพื่อเรา
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            บางทีเราก็แยกไม่ออกว่าเราควรสร้างสภาพแวดล้อมด้วย “รัก” มิใช่ใช้การบังคับด้วย “แรง” หากแยกแยะออกว่าเราควรอยู่และใช้ปัจจัยภายนอกอย่างไรให้เป็น ให้รับใช้ เพื่อนำไปสู่หนทางแห่งเมตตาธรรม โดยไม่เรียกร้อง บังคับ ข่มขู่ ด้วยวาจาและกิริยา แต่ให้ความกรุณาเข้าอกเข้าใจ ทำให้สภาพแวดล้อมน่าอยู่ด้วยกันอย่างสันติ บางครั้งต้องลดความระแวงสงสัย เพิ่มความจริงใจให้ต่อกัน คนเรายิ่งถูกบังคับยิ่งขัดขืน ในทางตรงกันข้าม ยิ่งวางใจก็จะได้รับความจริงใจและศรัทธาตอบแทน คนไม่เหมือนเครื่องจักรกลที่ต้องซ่อมแซมปรับปรุงแต่งให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแต่ต้องค่อย ๆ สร้างสมเพิ่มความรักให้กัน แล้วชีวิตจึงจะเติบโตก้าวเดินต่อไป
            บางทีเราก็เข้าใจผิดคิดว่าในคำสอนเรื่องความยากจนนั้นคือการไม่มีเงินทอง หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ สิ่งนี้สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้อธิบายคำสอนนี้ไว้อย่างกระจ่างแจ้ง
            ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา พระวรสารวันนั้น พระเยซูตรัสกับชายคนหนึ่งที่เข้ามาหาพระองค์และทูลถามว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงจะได้เข้าอาณาจักรสวรรค์ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาไปว่า “จงไปขายทรัพย์สินทุกสิ่งที่ท่านมี และตามเรามา”  ชายคนนั้นทำหน้าเศร้าและเดินจากพระองค์ไป
            พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า “การยึดติดกับความร่ำรวยคือจุดเริ่มต้นของการโกงทุกรูปแบบ โกงทุกแห่งหน อาทิ โกงในเรื่องส่วนตัว โกงในธุรกิจการค้า โกงแม้แต่การติดสินบนด้วยเรื่องเล็ก ๆ ไล่ไปจนถึงการโกงในแวดวงการเมืองและโกงในแวดวงการศึกษา ทำไมต้องโกง? ก็เพราะคนเหล่านี้ยึดติดกับอำนาจ ยึดติดกับความมั่งคั่งของตน พวกเขาเชื่อว่าตัวเองอยู่บนสวรรค์แล้ว พวกเขาปิดตัวเอง และสุดท้าย พวกเขาก็เอาทุกสิ่งติดตัวไปไม่ได้”
            “นี่คือความลึกลับในการครอบงำความมั่งคั่ง ความร่ำรวยมีความสามารถในการยั่วยวน  มันทำให้เราตกลงไปในการล่อลวง และทำให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในสรวงสวรรค์บนโลกนี้ แต่สวรรค์บนโลกคือสถานที่ซึ่งปราศจากขอบเขต การดำเนินชีวิตที่ปราศจากขอบเขตคือชีวิตที่ไร้ประสิทธิภาพ การดำเนินชีวิตที่ปราศจากความหวังคือชีวิตที่น่าเศร้า การยึดติดกับความมั่งคั่งทำให้เราซึมเศร้าและทำให้เราไร้ประสิทธิภาพ
         
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
   “พ่อพูดว่า “คนที่ยึดติด” นะ พ่อไม่ได้พูดว่า “คนที่บริหารจัดการความมั่งคั่งของตัวเองได้ดี” เพราะความร่ำรวยเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน ถ้าพระเจ้าประทานความร่ำรวยให้กับคน ๆ หนึ่ง และความร่ำรวยนั้นถูกใช้เพื่อคุณความดีทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตัวเอง มันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าใช้เพื่อตัวเองคนเดียว มันก็จะกลายเป็นการคดโกงและเรื่องน่าเศร้า ความร่ำรวยที่ปราศจากความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จะทำให้เราคิดว่าเราทรงอำนาจเหมือนพระเจ้า จุดจบของมันคือจะนำเรื่องดีที่สุดออกไปนั่นคือความหวังในการดำเนินชีวิต” (Page:PopeReport)

            บางทีเราก็ยึดติดผิดที่ผิดทางไป เราไปแสวงหาความร่ำรวยเพื่อเสพติด เราสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อส่งเสริมรูปลักษณ์ภายนอก จึงไม่ได้ทำให้จิตใจเรายากจน จิตใจที่ยากจนนั้นแม้กายจะร่ำรวยก็ย่อมคิดถึงการใช้ความร่ำรวยเพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิใจ โดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน โดยไม่ต้องประกาศให้โลกรู้ โดยไม่ต้องขอรับโล่ห์เหรียญใด ๆ แท้จริงสิ่งภายนอกที่เราบังคับแสวงหาให้ได้มา ให้มีมิใช่หนทางที่จะนำเราไปสู่สันติได้เลย แต่บางทีโลกวันนี้ กระแสวันนี้ทำให้เราเข้าใจอะไรผิด ๆ มามากมาย หันกลับมามองชีวิตด้วยหัวใจแห่งความงดงาม แล้วความจริงจะปรากฏ

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ณ ริมคลอง มองดูความงาม

ณ ริมคลอง มองดูความงาม
            หลังมิสซารอบเที่ยงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมคนคุ้นเคยที่โรงพยาบาลร่วมกับเพื่อนคุ้นชินกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากห้องคนป่วยที่ไปเยี่ยมนั้น เป็นห้องรวมที่เต็มไปด้วยคนป่วยสูงอายุเต็มทุกเตียง  ทำให้ตระหนักถึงการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดกับตายนี่เราทุกคนมีเท่ากัน คนละหนึ่งครั้ง ความแก่ก็แล้วแต่อายุขัยของแต่ละคน อายุยืนก็จะแก่ได้นาน ส่วนเรื่องความเจ็บ ล้วนแต่ต้องเผชิญกันทุกผู้คน แล้วไม่รู้ว่าในชีวิตหนึ่งนั้นจะต้องเจ็บสักกี่ครั้ง เจ็บป่วยจากโรคภัยก็ชนิดหนึ่งซึ่งต้องพบเจอกันเสมอ การเจ็บอีกชนิดหนึ่งซึ่งอาจจะนำความทุกข์มาสู่ชีวิตได้ นั่นคืออาการเจ็บป่วยใจ เจ็บป่วยจากข้างในมักจะลุกลามทำให้ร่างกายพลอยต้องล้มป่วยไปด้วย ฉะนั้นแล้วการรักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงแข็งแรง ย่อมเป็นภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บที่คุ้มค่าที่สุด
           
และด้วยความต่อเนื่องในมิตรภาพระหว่างกลุ่มจึงได้พากันไปยังบ้านของเพื่อนคนคุ้นชินคนหนึ่ง บ้านริมคลองเล็ก ๆ เด็กๆต่างดีใจที่มีเวลาเล่นสนุกร่วมกันมากกว่าทุกสัปดาห์ เป็นการสนุกรับวันเปิดเทอม เมื่อไปถึงเด็กสาวสองคนขอลงพายเรือ จึงทำให้มีโอกาสมานั่งอยู่ริมคลองมองดูชีวิตของเด็กน้อย เห็นถึงความงดงามของชีวิตผ่านทางกิจกรรม ณ ช่วงเวลานั้น
            คลองหลังบ้านนั้นเป็นคลองขนาดเล็ก เป็นคลองปิดทั้งสองฝากฝังและหัวท้าย คล้าย ๆ เป็นสระน้ำธรรมชาติ มีท้องร่องอยู่สองข้างถูกกั้นด้วยทางดินที่พอเดินได้คนเดียว สุดทางซึ่งไม่ไกลนักเป็นทางกลับเรือเพื่อสู่อีกร่องหนึ่ง หลังจากนำเรือน้อยลงสู่ลู่ร่องน้ำ เตรียมไม้พาย จัดให้ทั้งคู่นั่งลงในเรือเรียบร้อย ก็ปล่อยให้เรือแล่นไปตามท้องร่อง ทำให้เด็กพายเรือแล่นไปได้ไม่ยากนัก เมื่อทั้งสองลงเรือลำเดียวกันก็ต้องช่วยกันพายพาเรือมุ่งสู่ข้างหน้า ใช่หรือไม่ในชีวิตเราก็ลงเรือลำเดียวกันกับหลากหลายผู้คน ต่างเวลาต่างวาระ แล้วในเรือลำนั้น เรามีส่วนร่วมพายให้เรือเดินหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือมีบ้างบางหนคนเราเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วกลับกลายไม่ช่วยเหลือกัน แถมซ้ำร้ายมือก็ไม่พาย เท้ายังลาน้ำอีก ทำให้เรือมีปัญหาเดินหน้าอย่างเชื่องช้า เรือชีวิตจึงย้ำย่ำอยู่กับที่
            เมื่อเรือของสาวน้อยทั้งสองไปถึงทางกลับ ก็ไปติดแหง็ก ไม่รู้จะต้องบังคับเรือไปทางไหน ทั้งคู่จึงส่งเสียงส่งสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือ ความจริงเพียงลงเดินไปตามคันดินก็สามารถที่จะไปช่วยให้เรือหันสู่อีกท้องร่องหนึ่งได้ แต่ในใจก็อยากจะลองให้ทั้งสองคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดู ด้วยการให้กำลังใจว่า “พวกหนูทำได้ค่อย ๆ ช่วยกันคิดว่าจะพายอย่างไรให้หัวเรือเลี้ยวมาทางขวา” ไม่นานเรือก็ค่อย ๆ เบนหัวเข้าสู่ร่องน้ำทางตรงได้ แม้ว่าจะต้องเสียเวลา ถอยไปถอยมา หัวเรือเสียบเข้าพงหญ้าไปบ้าง

            ในชีวิตจริงไม่มากก็น้อยที่ต้องเสียเวลากับจุดเปลี่ยนจุดหักเห จุดเลี้ยว ชีวิตติดหล่ม เข้ารกเข้าพงหนาม ต้องลองผิดลองถูก กว่าจะก้าวข้ามผ่านมาได้ และหากได้มีใครสักคนช่วยแนะนำ ใส่ความพยายาม มานะ อดทน จุดเปลี่ยนนั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มสู่เป้าหมาย เป็นจุดที่เติมเพิ่มพลัง ประสบการณ์นั้นอาจจะมีเจ็บป่วยบ้าง โศกเศร้า ท้อแท้บ้าง แต่มักนำมาซึ่งความชำนาญและความเข้มแข็ง
                        และแล้วเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งน้ำตาของสาวน้อย เมื่อพายของคนหนึ่งพลาดไปโดนศีรษะของอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร คงเป็นเพราะความตกใจน้ำตาจึงไหลออกมา อีกฝ่ายหนึ่งจึงรีบขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ เรื่องราวจึงผ่านไปทั้งคู่จึงพายต่อไม่นานเรือก็เทียบท่า พักสักครู่ ทั้งสองก็ลองใหม่ ผลปรากฏว่า รอบนี้ทำได้ดีมาก มีแต่เสียงหัวเราะและเริงร่า นี่แหละการเรียนรู้ของชีวิตที่งดงามของเด็ก ๆ
            การขอโทษต่อกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินหน้าต่อไป การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ชีวิตสู่ความสมบูรณ์ ในชีวิตจริงมีน้ำตาได้ ย่อมมีเสียงหัวเราะได้เช่นกัน สิ่งที่ผ่านมาคือปัญหาที่นำไปสู่การมีปัญญา

           
      
เมื่อแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ถึงเวลาเด็ก ๆ ต้องขึ้นจากเรือ เรือน้อยว่างเปล่า แต่ความสวยงามของชีวิตยังฝังรอยจำไม่จืดจาง ไม่นานพี่เจ้าของบ้าน มานั่งพูดคุยตามประสาคนเคมีเดียวกัน มีคำพูดหนึ่งที่แบ่งปันกัน นั่นคือ ชีวิตของคนเราล้วนดำเนินไปโดยมีพระจิตนำทาง ผ่านทางสติปัญญา ความคิดอ่าน ความรู้ เพียงแต่ว่าเราจะเลือกไว้วางใจแล้วฟังสิ่งที่พระองค์ชี้แนะเรามากแค่ไหน คนเราทุกคนล้วนมีสิ่งดีงาม และด้านมืดด้วยกันทุกคน หากเราเชื่อและฟังพระจิตผู้สถิตในตัวเรา ความงามย่อมปรากฏออกมาให้เห็นตามวาระ ตามจังหวะที่ควรเป็น และพร้อมน้อมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยหรือความทุกข์ เราจะผ่านไปได้ และผ่านไปด้วยความรักต่อชีวิตที่ประดับด้วยจิตวิญญาณที่แสนงดงาม

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เก็บไว้ เมื่อกาลครั้งหนึ่ง

เก็บไว้ เมื่อกาลครั้งหนึ่ง
            ช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้รับรู้ถึงความทุกข์ของผู้คนว่ามีมากขึ้นทุก ๆ วัน หลายคนที่รู้จักกำลังเผชิญกับปัญหาที่ก่อทุกข์ หลายคนที่คุ้นเคยกำลังจมอยู่ในกองทุกข์ เป็นความทุกข์ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ บ้างก็ทุกข์จากความสัมพันธ์ระหว่างคนกันเอง อีกหลายคนที่ทุกข์เพราะไม่ได้ดังที่คาดหวัง ไม่มีความสะดวกสบายเพียงพออย่างที่ควรจะเป็น คนทุกข์นั้นสิ่งที่ต้องการ ณ เวลาถึงขีดสุดคือหาคนที่จะฟัง คนที่พร้อมยอมให้ระบายเพื่อปลดปล่อยให้ความทุกข์หลุดลอยไปบ้าง ในสังคมยุคตัวใครตัวมัน ย่อมยากยิ่งที่จะหาใครสักคนมานั่งฟัง มานั่งเคียงข้างให้กำลังใจ เพราะต่างคนต่างคิดว่า เวลาสบายไม่เห็นจะมาบอกกล่าวเล่าขาน มาแบ่งปันสุขให้กันบ้างเลย พอเกิดทุกข์กลับมาเรียกร้อง ใช่หรือไม่ล่ะคนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอหรอก

            บนความทุกข์มักฝังรอยความทรงจำยาวนานกว่าช่วงแห่งความสุขหรรษา พลอยทำให้หลายคนคิดไปว่าในชีวิตจริงของผู้คนมีความทุกข์มากกว่า แต่ถ้าลองมานั่งตรองนั่งวิเคราะห์ดู ชีวิตเรามีทั้งสุขและทุกข์ แต่ความสุขนั้นมักผ่านไปเร็วกลายเป็นกาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เอาเข้าจริงทุกวันเวลาล้วนมีความสุขปนอยู่ หากเราจะลองทบทวนและเก็บรักษา ต่อยอดสุขให้ผลิบาน บางทีทุกข์ท้อแท้อาจจะลดน้อยลง ในช่วงเวลาความทุกข์หากมีเพื่อนสักคนมานั่งฟัง มาให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ คอยเพิ่มกำลังใจ นั่นแหละ คือความสุขอีกชนิดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในห้วงระทมนั้น เก็บสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียนอย่าให้ผ่านไป เมื่อมองย้อนกลับไป ความงามของชีวิตล้วนมีมาให้เราสัมผัสได้เสมอ
            ในขณะนั่งดูภาพถ่ายครั้งเมื่อได้เดินทางไปเยี่ยมชมกังหันลมโบราณในเนเธอร์แลนด์เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน ทำให้คิดได้ว่า สิ่งสร้างเหล่านี้นั้นล้วนเคยสร้างชีวิตคนให้มีความสุขมาแล้วนักต่อนัก แต่วันนี้เป็นเพียงสิ่งเก่าเล่าเรื่องราวให้ผู้คนผ่านมาได้ชื่นชม ในเรื่องราวนั้นมีแง่มุมให้คิดเพื่อสร้างมุมงามในการดำเนินชีวิตอยู่ไม่น้อย

            ได้กล่าวไว้เมื่อตอนที่แล้วว่าเนเธอร์แลนด์หรือ ฮอลแลนด์นี้มีพื้นที่ 1 ใน 4 ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล  ดังนั้นเนเธอร์แลนด์จึงต้องปรับพื้นที่โดยสร้างเขื่อน สร้างทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมากสูบน้ำออกจากพื้นที่เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้  และได้คิดค้นพัฒนากังหันลมแบบต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการสูบน้ำ ความจริงแล้วกังหันลมไม่ได้ประดิษฐ์โดยชาวดัตช์ กังหันลมได้ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณ แต่ชาวดัตช์นี่แหละที่ทำให้กังหันลมกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณประโยชน์นานาประการ  ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ  มีลมพัดผ่านอยู่แทบจะตลอดเวลา จึงได้นำกังหันลมมาใช้กันอย่างมากมาย
            คุณประโยชน์ของกังหันลมนั้นใช้เป็นโรงโม่ โดยใช้พลังงานลมในการบดอัดธัญพืชหรือเมล็ดพันธุ์ให้ละเอียด ช่วยสูบน้ำออกจากทะเลสาบหลายแห่ง และทำให้กลายเป็นที่โล่งแห้งเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการทำเกษตรกรรม ที่สำคัญยังช่วยปกป้องประเทศเนเธอร์แลนด์จากภัยน้ำท่วมอีกด้วย กังหันลมในปัจจุบันกำลังจะค่อย ๆ หมดพลังลงเรื่อย ๆ เพราะความเจริญของเมืองที่มากขึ้นมีตึกสูงสร้างรายล้อมทำให้กังหันลมรับแรงลมไม่ได้มากเหมือนที่เคย ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ในที่สุดวันหนึ่งกังหันลมเหล่านี้ก็กลายเป็นตำนาน ให้ผู้คนกล่าวขานถึง  ไม่มีบทบาทหน้าที่มากเหมือนเมื่อกาลครั้งโน้น

           
และถ้าหากว่าเราสร้างกังหันสุขขึ้นมาใช้ในชีวิตจริงได้ เมื่อมีความทุกข์พัดผ่านเข้ามา กังหันนี้ก็จะบด ก็จะทด ทำให้เกิดเป็นพลังบางอย่าง เพื่อปกป้องไม่ให้ชีวิตของเราอ่อนแอและถูกทำลายลง หรือว่าแท้จริงชีวิตเรากำลังจะกลายเป็นกังหันลมในตำนาน เป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ให้ด้อยค่าลง เพราะถูกความเจริญทางวัตถุ ถูกจูงด้วยค่านิยมสมัยใหม่ ถูกถาโถมด้วยความอยากได้ใคร่มี ไร้ภูมิต้านทานต่อสิ่งเย้ายวนใจ ไปต่อไม่เป็น เดินก้าวไปไม่ไหว ในวันที่ทุกข์มาเยือน จิตวิญญาณใช้การไม่ได้ ปล่อยให้เป็นสิ่งเก่าของกาลเวลา ซึ่งไม่ช่วยให้เราอยู่ในโลกแห่งความงามได้เลยแม้สักวินาที ชีวิตมีค่ามากกว่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป ช่วยกันบำรุงรักษาชีวิตทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง ช่วยกันสร้างสุขผ่อนทุกข์ ปลุกชีวิตให้เป็นกังหันลมที่พร้อมจะแปลเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นแรงผลักดัน ให้เป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน เพื่อวันใหม่ ฟ้าใหม่ ชีวิตใหม่บนความงามอันเดิมอย่างเลอค่าตลอดไป

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จักรวาลส่วนตัว

จักรวาลส่วนตัว
            ข่าวแผ่นดินไหวที่เนปาล มีผู้เสียชีวิตตามคาดว่าน่าจะใกล้หลักหมื่นยังไม่ทันจางหาย ก็มีเหตุแผ่นดินที่ปาปัวนิวกินี ไม่รู้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตอีกเท่าไหร่ เห็นชีวิตคนๆหนึ่งต้องมาดับหายไปจากโลกแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ววันเวลาจะอยู่กับเราได้นานสักแค่ไหน ไม่มีใครรู้แต่สิ่งที่ทุกคนรับรู้ได้นั่นคือเราต้องสร้างชีวิตเราให้มีคุณค่า ช่วยกันสร้างโลกนี้ด้วยการเพิ่มพูนคุณค่า หาใช่ สร้างแต่เปลือกภายนอกเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งโน้มกิเลสให้บังเกิด แล้วสะสมจริตจนติดเป็นนิสัยอันถาวร จนไม่มีหนทางเยียวยา
           
ในขณะที่รู้สึกเสียใจและเสียดายการดับสูญของชีวิตผู้คน อีกมุมซึ่งได้รับจากการท่องเที่ยวแถว ๆ เบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ สังคมของเขาให้ความสำคัญกับชีวิตผู้คนเป็นอย่างมาก สร้างบ้านเมืองด้วยการสร้างให้ผู้คนมีคุณค่า ด้วยการส่งเสริมคุณภาพทุกด้าน บนความมีระเบียบวินัย บนความอดทน บนความขยันหมั่นเพียร โดยไม่มีการขีดแยกฐานะการงานอาชีพ มีกฎระเบียบและมาตรฐานรองรับกับทุกผู้คน เช่น คนขับรถรับส่งนักท่องเที่ยวต้องขับรถได้เพียง 12 ชั่วโมงต่อวัน ขับ 4 ชั่วโมงต้องพักอย่างน้อย 20 นาที มีเครื่องบันทึกการทำงานติดที่รถทุกคัน วันไหนทำเกินต้องไปลบเวลาทำงานในวันถัดไป รถแท็กซี่ก็ใช้รถเบนซ์ เพื่อให้คนขับมีความสบายในการขับขี่ ใครทำผิดกฎหมายจราจรจะถูกปรับเป็นเงินหนักมาก ทุกคนจึงเคารพกฎอย่างเคร่งครัด
            เดินทางออกจากเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาสู่เมืองบรูจจ์  (Brugge) เมืองเก่าแก่ของเบลเยี่ยม ในระหว่างทางจะเห็นชุมชนขนาดเล็กมากมาย มองเห็นหอระฆังวัดเด่นมาแต่ไกล วัดจึงเป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งจะพบเห็นอยู่ทั่วไปในเขตที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ พอเริ่มเข้าในเมืองใหญ่วัดหรือวิหารต่างถูกล้อมรอบไปด้วยตึกรามบ้านช่อง แต่เราก็ยังคงเห็นความศรัทธาอยู่บ้าง เห็นการติดรูปแม่พระ รูปกางเขนตามหัวมุมตึก ในเมืองบรูจจ์นี้เต็มไปด้วยร้านรวงและตึกโบราณที่สวยงาม เดินชมเมืองเห็นวัดแห่งหนึ่งจึงถือโอกาสแวะเข้าไปสวดภาวนาขอพร ใช่หรือไม่ การมีศาสนาเป็นศูนย์กลางของชีวิต เป็นสิ่งที่ยึดโยงชีวิตของผู้คนให้มีคุณค่าที่ยั่งยืน  แล้วในชีวิตจริงเราล่ะ มีอะไรเป็นสิ่งยึดโยง พระเจ้า ชื่อเสียง อำนาจ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน หรือความดี ความงามความรัก ?????

            ในสังคมเมืองดูเหมือนความเจริญกำลังกลืนกินความศรัทธา ความเชื่อถูกท้าทายด้วยสิ่งเย้ายวนชวนฝัน วัดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้ต่างกันถูกตึกสูงเข้าบดบัง จนหาทางเข้าแทบไม่เจอ สังคมเปลี่ยนแทนที่วัดจะเป็นศูนย์กลาง เรากลับมีห้างสรรพสินค้าเป็นศูนย์กลางวัดเป็นเพียงทางผ่าน แหล่งท่องเที่ยวที่มาแบบประเดี๋ยวประด๋าว ฉะนั้นความยั่งยืนของจิตใจก็จางหายไปพร้อมกับการพัฒนาของเมือง
            ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือฮอลแลนด์เป็นประเทศเล็ก ๆ เล็กกว่าประเทศไทยประมาณ 11 เท่า เมืองหลวงคือ กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ปั่นจักรยานที่ไม่มีเบรค จึงดูสับสนวุ่นวายพอสมควร พื้นดินของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ไม่มีน้ำท่วม เพราะด้วยความฉลาดที่สามารถสร้างเขื่อนขึ้นไว้เพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้ามาภายในประเทศได้ ซึ่งเขายืนยันได้ว่าเนเธอร์แลนด์น้ำจะไม่ท่วมเป็นร้อยๆ ปี สาเหตุที่ทำให้ประเทศนี้มีคนเก่ง คนฉลาดมากเป็นเพราะเขาให้ความสำคัญกับคนมากกว่าสิ่งใด ทุกคนจะถูกส่งเสริมให้เรียน ให้พูดได้หลายภาษาแต่ให้เป็นคนที่พูดกันตรง ๆ และมีการปลูกฝังให้เติบโตขึ้นเป็นนักคิดนักบริหาร คนฮอลแลนด์จึงเก่งในหลาย ๆ ด้าน (เป็นคนชาติแรก ๆ ที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา) เขาให้ความสำคัญกับทุกสิ่งสร้าง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ จึงเป็นประเทศที่สวยงามด้วยพืชพันธุ์ดอกไม้ โดยเฉพาะดอกทิวลิปหลากสีสัน

           
 
ในสังคมของเราที่ใฝ่ฝันถึงความยั่งยืน เราได้สร้างคุณค่ากับชีวิตผู้คนพลเมืองกันมากน้อยแค่ไหน การศึกษาที่ส่งเสริมให้เรียนกันมาก ๆ นั้นเพื่ออะไร ได้มีการนำความรู้นั้นกลับมารับใช้มวลชนหรือไม่ เรียนเพื่อให้ตัวเองเลอค่าสูงค่าข้ามหัวคนอื่นเพื่อยืนเด่นคนเดียวหรือเปล่า เราพยายามสร้างอุดมการณ์ส่วนตัวให้เลิศล้ำเกินไป และหลงใหลจนไม่สามารถที่จะฟังคำทัดทานของผู้อื่นได้ ไม่ต้องกล่าวถึงการเคารพในอุดมการณ์ของคนอื่นที่เรามักดูดถูกดูแคลนด้วยซ้ำไป เราเคยพูดกันแบบตรงไปตรงมาหรือไม่ เราไม่พูดกันตรง ๆ แต่ชอบพูดลับหลังกันมากกว่า ความจริงจึงไม่มี ความจริงใจจึงไม่ปรากฏ ความเข้าใจผิดคิดไปเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการดูถูกอุดมการณ์ แนวคิดของคนอื่น เป็นการมองคนอื่นเพียงด้านเดียวเราจึงสร้างตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล สรรพสิ่งล้วนต้องเป็นบริวาล สังคมเราจึงเต็มไปด้วยจักรวาลส่วนตัวที่ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองใหญ่โต จึงไม่มีการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม คนฮอลแลนด์สามารถผลิตดอกทิวลิปหลากสีสันได้เป็นร้อย ๆ สี แต่คนไทยวันนี้มีแต่ผลิตความแตกแยกไม่เว้นในแต่ละวัน





วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เนปาลสะเทือน

เนปาลสะเทือน

แผ่นดินเคลื่อนเขยื้อนไหวภูผา
ระเรื่อยมา ถล่มเมืองทลาย
หลายพารา หลายแห่ง เป็นแอ่งกลาย
บ้านเรือนหาย หนทางแยกธารา
แผ่นดินเคลื่อนเลื่อนลั่นสนั่นไกล
เหมือนกระชาก ดวงใจให้ผวา
ไม่เคยพบ มาก่อนกลับพบพา
ฝุ่นไหลบ่า ท่วมท้น คนวายตาย

แผ่นดินเคลื่อนสะเทือนไหวหวั่นท้อ
ใครกันหนอ ก่อนำ ทำเสียหาย
ธรรมชาติ หรือคน ปล้นทำลาย
สร้างตึกรายทายถมพสุธา
แผ่นดินเคลื่อน ไหวมาก ยากจะรับ
น้ำใจซับ น้ำตา จากทั่วหล้า
ส่งปันแบ่ง ปลอบทุกข์ คืนสุขมา
ภาวนา คือแรงใจ ปลุกศรัทธา

แผ่นดินเคลื่อน เตือนตรอง เพื่อลองคิด
ไยชีวิตทุกข์ยากลำบากหนา
สิ่งสร้างพัง ดังของเล่น อนิจจา
สูญชีวาทรัพย์สิ้น แสนห่วงหวง
อธิษฐานวอนพระเจ้า ขอถิ่นสุข
โปรดโบยทุกข์หยุดหมองมาครองหน่วง
ขอทุกข์เคลื่อน เลือนลา ไม่มาทวง

ชนรักห่วง ตราบกาล ณ เนปาล