วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

หามุมต่าง

หามุมต่าง
            ความสุขอีกอย่างหนึ่งคือการได้ท่องเที่ยว หลายปีที่ผ่านมาจึงมักจะใช้ช่วงหลังวันอาทิตย์ปัสกา เป็นช่วงวันหยุดพักผ่อนและออกท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศ  ครั้งนี้ก็เช่นกันเลือกเดินทางไปยังแถว ๆ ยุโรป จุดประสงค์ของการเดินทางท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเพื่อหามุมมองใหม่ ๆ หาบทเรียน เรียนรู้ถึงวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คน เรียนรู้ความเป็นมาของผู้คนในท้องถิ่นแดนไกลได้รับรู้ถึงความรักอันกว้างใหญ่ไพศาลของพระเจ้าต่อผู้คนบนโลกใบนี้ และที่สำคัญในครั้งนี้ที่ได้ไปยังนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อพบเจอกับคุณพ่อเกรียงชัย ตรีมรรคา และคุณพ่อนัฏฐวี กังก๋ง คุณพ่อทั้งสองเคยมีวันเวลาอยู่ในอ้อมรั้ววัดเซนต์หลุยส์ด้วยกัน

            ตามกำหนดนัดหมายคร่าว ๆ เรานัดเจอกันที่หอคอยไอเฟล คณะของเราจะเดินทางไปถึงในตอนบ่าย เมื่อเราเดินทางมาต่างประเทศการติดต่อสื่อสารย่อมมีความลำบากมากยิ่งขึ้น  ด้วยว่าหอไอเฟลซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและโด่งดัง ทำให้มีผู้คนมากมายเหลือเกิน จะโทรศัพท์หากันก็ใช้การไม่ได้ ต้องวิ่งหาไวไฟ เพื่อส่งข้อความหากัน สรุปสุดท้ายเป็นไปได้ยากมากที่จะมาเจอกันตรงนั้น จึงมีการนัดหมายใหม่ไปเจอกันที่โรงแรมที่พักค่ำคืนนั้น และจะได้มีเวลานั่งพูดคุยกันได้พอสมควร คุณพ่อทั้งสองฝากความคิดถึงมายังพี่น้องทุกคนในโอกาสนี้ด้วย
            การใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศนั้นหากมีคนไทยไปเยี่ยมเยือน นั่นเป็นความสุขอย่างมากเลยทีเดียว แล้วเราก็ได้รับมุมมองใหม่ ๆ ในการพบกันในต่างแดนเสมอบนความสัมพันธ์เดิม ๆ ที่เติมกำลังใจให้แก่กันและกัน เมื่อพูดถึงมุมมองใหม่ ๆ แล้ว ทำให้อดคิดถึงการท่องเที่ยวที่หอไอเฟลไม่ได้ ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่สี่แล้วที่ได้มาเยือน ในแต่ละครั้งที่มานั้นไม่เคยซ้ำมุมกันเลย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราได้มาเดินอยู่ใต้หอคอย มาอยู่ในมุมใกล้ ๆ พอรุ่งขึ้นอีกวันมาลงเรือล่องแม่น้ำแซน ก็เห็นหอไอเฟลอีกมุมหนึ่ง ในแต่ละมุม ต่างมุมมอง ต่างเวลา เราก็พบความงามและความยิ่งใหญ่ของสิ่งเดียวกันที่แตกต่างกันออกไป ใช่หรือไม่ หากเรารู้จักที่จะหามุมเพื่อมองความงามในความต่าง เราย่อมพบความยิ่งใหญ่ของสิ่งสร้างเสมอ

            บนความสัมพันธ์ของคนเราก็เช่นกัน หากเราพยายามที่จะมองทุกผู้คนที่พบผ่าน ที่คุ้นเคยที่คุ้นชิน แล้วเลือกมุมมองที่สวยงามที่พอเหมาะพอควร เราย่อมอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก แต่ก็นั่นแหละ... เมื่อเรามีชีวิตเป็นของตัวเอง เลือกที่จะใช้จริตตนนำหนทางแล้วไซร้ หัวใจก็มักปิดกั้น ไม่ยอมรับในความต่างของผู้อื่น ยิ่งระบบในสังคมแบบใหม่ที่พร้อมจะอยู่บนความคิดของตัวเองฝ่ายเดียว ที่ปลูกฝังความเชื่อมั่นในตัวเองแบบผิด ๆ ที่มักคิดถึงแต่เสรีภาพของตัวเอง ที่เฝ้าแต่เรียกร้องความยุติธรรมเมื่อตัวเองไม่สมประโยชน์ เราจึงมีแต่มุมมองเดิม ๆ ตกอยู่ในสภาวะที่ยึดโยงอยู่แต่ความคิดเห็นของตัวเอง อยู่ในโลกส่วนตัวที่มักกวักมือเรียกให้คนอื่นเดินเข้ามาหาโดยไม่ยอมเปิดประตู ไม่ค่อยคุ้นเคยในการเปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไปสานความสัมพันธ์กับผู้คนด้วยหัวใจ จึงมักจะใช้ชีวิตวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นด้วยมุมมองของตัวเอง ด้วยการส่งสารในมุมซ่อนเร้นบนโลกสมมุติโลกเสมือนจริง แล้วเลือกรับสารบนความเชื่อด้านเดียวมุมเดียวมาโดยตลอด วันนี้เราจึงพบแต่คนที่ชอบโอ้อวดความรู้ มากกว่าคนที่แสดงความรู้แจ้ง
            ในนครปารีส นครที่สร้างนักคิดนักเขียน นักปราชญ์ ศิลปิน ที่มีชื่อเสียงหลาย ๆ คน ท่านเหล่านี้ล้วนมีวิถีชีวิตแนวคิดเป็นตัวของตัวเอง แต่บ่อยครั้งมักนำแนวคิด วิถีชีวิตที่ยึดโยงนั้นมานั่งถกเถียง แลกเปลี่ยนกันตามร้านกาแฟ ตามลานถนน จึงเป็นที่มาของผลงานอันลือชื่อหลาย ๆ ผลงาน การนั่งดื่มกาแฟไม่ใช่นั่งดื่มเพื่อให้ดูดีมีฐานะ ไม่ใช่เพียงเพื่ออวดอ้างรสนิยม แต่เพื่อนั่งจิบกาแฟไป พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกันไป ร้านกาแฟเดิม ๆ แต่มักเกิดมุมมอง  แนวคิดใหม่ ๆ เสมอ การเปิดหัวใจรับฟังคนอื่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ เป็นการพัฒนาความเจริญทั้งทางด้านจิตใจ ด้านการเมือง และด้านสังคมมาในทุกยุคทุกสมัย


            แต่พอสมัยใหม่ในสมัยของเรานี้ เรามักเห็นการพัฒนาเพียงด้านเดียว คือการพัฒนาทางด้านเครื่องมือสื่อสาร แต่ไม่มีการพัฒนาด้านการสื่อสารกันเท่าที่ควร ความเจริญด้านจิตวิญญาณเราจึงถอยหลังลงไปมาก เราให้ความสำคัญกับเครื่องมือ เราจึงอยู่กับเครื่องมือไม่ค่อยใส่ใจกับเนื้อหาและแนวคิดใหม่ ๆ ในการดำเนินชีวิตกันเสียเท่าไหร่ เปิดหัวใจแล้วหามุมมองใหม่ ๆ กับสิ่งเดิม ๆ ยังมีอะไรอีกมากมายเพื่อให้เราเรียนรู้ เพื่อให้เราใส่ใจและเข้าใจ กับคนคุ้นเคยรอบข้างกายเรา ลองมองด้วยหัวใจรัก มองใกล้ ๆ ให้ใจสัมผัสใจ แล้วเราจะพบว่าชีวิตเรามีความงามอยู่เคียงคู่เสมอ ก้าวเดินทางไปบนโลกใบเดิมด้วยการหามุมมองที่ต่างออกไป เราจะได้อยู่ในโลกที่มีความสุขสันติด้วยกัน.....

ไม่มีความคิดเห็น: