วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมตตานำทาง

เมตตานำทาง
            การเดินทางไปยังที่ไม่คุ้นชิน การหลงทางจึงเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่ายุคสมัยใหม่จะมีเครื่องบอกทิศชี้ทางจากมือถือ หรือเครื่อง GPS ก็ใช่ว่าจะสามารถนำเราไปสู่จุดมุ่งหมายได้ ฉะนั้นแล้ว ทางอยู่ที่ปากจึงเป็นความจริงเสมอมา และในความจริงนั้นเรายังได้พบความงามในนามของความมีเมตตาของผู้คน  น้ำจิตน้ำใจไทยไม่เคยห่างหายไปไหน เพียงแต่เราปิดกั้นที่จะไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้น ใช่ว่าการหลงทางจะทำให้เราเสียเวลาเสมอไป เราอาจจะค้นพบเรื่องราวใหม่ เส้นทางลัดใหม่ สถานที่ใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตของเราพบกับความงามได้มากขึ้น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            ความมีน้ำใจของพ่อค้าแม่ขายริม 2 ข้างทาง ความมีเมตตาและการหยิบยื่นความช่วยเหลือจากคนต่างถิ่น ทำให้รู้ว่าเมืองไทยน่าอยู่เพียงใด ถึงแม้ว่าวิถีชีวิตเมืองจะดูดกลืนน้ำใจไทยให้ไหลตามกระแสแห่งตัวใครตัวมัน แต่เอาเข้าจริงคนไทยก็ยังมีหัวใจแห่งการมีเมตตาอยู่อย่างเต็มปรี่ และสิ่งนี้เองที่ยังหล่อเลี้ยงให้สังคมไทยยังคงดำรงอยู่อย่างมั่นคง ความมีเมตตาไม่ตระหนี่การช่วยเหลือกันและกัน และไม่ว่าคนไหนชนชาติใด หากมีหัวใจเมตตาย่อมนำพาความสำเร็จมาสู่ชีวิตด้วยกันทั้งนั้น
            ขณะที่นายหวู๋อยู่ที่ห้องโถง กำลังสอนบทเรียนให้แก่ผจก.ร้านสาขา ที่ทำการลงทุนแล้วได้กำไรน้อย โดยบอกว่า ทำการลงทุนครั้งหน้าต้องวิเคราะห์ตลาดให้ถี่ถ้วน อย่าลงทุนโดยผลีผลาม คำพูดของนายหวู๋ยังพูดไม่จบ ภายนอกก็มีเสียงรายงานว่า
            “มีนักธุรกิจท่านหนึ่ง มีเรื่องด่วนต้องการขอเข้าพบ” นักธุรกิจที่ขอเข้าพบนั้นใบหน้าเปี่ยมด้วยความกระวนกระวายที่แท้นักธุรกิจท่านนี้ ได้ทำธุรกิจแต่หกคะเมนตีลังกาเจ๊งไม่เป็นท่า และต้องการเงินสดก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งมาหมุนเวียนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ฉุกเฉิน เขานำเอาอุตสาหกรรมที่ลงทุนไว้ทั้งหมด ขายต่อให้นายหวู๋ในราคาที่ต่ำสุดๆ เมื่อรับฟังจบแล้ว นายหวู๋ให้นักธุรกิจท่านนี้ มาฟังข่าวในวันรุ่งขึ้น
            วันรุ่งขึ้นนายหวู๋ได้เชิญนักธุรกิจท่านนั้นมา ไม่เพียงแต่รับปากคำขอของเขา ยังซื้ออุตสาหกรรมของเขา ตามราคาจริงในท้องตลาด ตัวเลขยอดเงินสูงกว่าที่เสนอมามากมาย นักธุรกิจท่านนั้นช็อกจนตะลึง ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด นายหวู๋จึงไม่ยอมเอารัดเอาเปรียบ ยืนกรานที่จะซื้อร้านค้าและที่ดิน ด้วยราคาตามท้องตลาด นายหวู๋ตบไหล่ของนักธุรกิจท่านนั้น เพื่อให้เขาวางใจ แล้วบอกกับเขาว่าตนเองเป็นเพียงผู้ช่วยดูแลสินทรัพย์ทั้งหมดของเขาที่นำมาจำนองไว้เท่านั้น รอให้ผ่านพ้นมรสุมนี้แล้วสามารถมาไถ่ถอนสินทรัพย์คืนทั้งหมดเมื่อไหร่ก็ได้ ขอเพียงแต่เพิ่มดอกเบี้ยน้อยนิดเข้าไปในเงินจำนองก็ได้แล้ว
            การกระทำของนายหวู๋ทำให้นักธุรกิจท่านนี้ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ไม่พูดอะไรมาก เซ็นชื่อลงในสัญญา หลังจากนั้นโค้งคำนับต่อนายหวู๋ ออกจากบ้านนายหวู๋ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
            เมื่อนักธุรกิจกลับไปแล้ว ลูกน้องทั้งหมดของนายหวู๋ ล้วนไม่เข้าใจ จึงถามนายหวู๋ว่า       “ผจก.ร้านสาขา ทำเงินกำไรน้อยไป ถูกตำหนิสอนบทเรียนครึ่งค่อนวัน เพราะเหตุใด การลงทุนของท่านในครั้งนี้ กำไรยิ่งน้อยกว่าไม่เพียงแต่ไม่ฉกฉวยโอกาสกดราคาให้ต่ำสุดๆ ยังเสนอเงินเพิ่มขึ้น”
           
นายหวู๋ ยกชาขึ้นมาดื่ม แล้วเล่าประสบการณ์ ตอนวัยหนุ่มของตนเองให้ฟัง ตอนที่ผมยังหนุ่ม ยังเป็นพนักงานเล็กๆ เจ้านายมักจะให้ผมนำบัญชีไปเร่งรัดหนี้สินทั่วสารทิศ มีครั้งหนึ่งผมกำลังเร่งรีบเดินทางฝนเกิดตกหนักกระทันหัน คนแปลกหน้าที่ร่วมเดินทางคนหนึ่งถูกฝนจนเปียก วันนั้น ประจวบเหมาะผมได้พกร่มเลยกางให้เขาด้วย ต่อมาทุกครั้งที่ฝนตก ผมมักกางร่มให้คนแปลกหน้าบ่อยๆ ระยะเวลานานขึ้น ผู้คนในถนนสายนั้น รู้จักผมมากมาย บางครั้งตัว
ผมเองลืมพกร่ม ผมก็ไม่กลัว เพราะว่าจะมีคนที่ผมเคยช่วยไว้มากมาย มากางร่มให้ผม
            นายหวู๋ ยิ้มๆแล้วพูดต่อว่า “เธอยินดีที่จะกางร่มให้ผู้อื่น ผู้อื่นก็จะเต็มใจกางร่มให้แก่เรา”
            สุดท้าย นักธุรกิจได้ไถ่ถอนธุรกิจอุตสาหกรรมของตนเองกลับคืนมา อีกทั้งเป็นผู้ร่วมลงทุนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของนายหวู๋ หลังจากนั้นมาผู้คนทยอยรับรู้การกระทำ ซึ่งทรงคุณธรรมของนายหวู๋ ต่างก็ให้ความชื่นชม เคารพ นับถือเขาจากคนทุกวงการ เพราะความมีน้ำใจและเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ธุรกิจของนายหวู๋ก็เติบใหญ่ เจริญก้าวหน้าจนน่าแปลกประหลาด ไม่ว่าดำเนินการในธุรกิจด้านใด มักจะมีผู้ช่วยเหลืออีกทั้งลูกค้าก็ทวีขึ้นเรื่อยๆ https://www.facebook.com/Ruengdeedeemeekorkid

            นี่คือตัวอย่างที่เราควรนำมาทบทวนว่าในแต่ละวันเราได้หยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้แก่ใครบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น: