วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ธรรมะ (ดา) (ชาติ)

ธรรมะ (ดา) (ชาติ)
            ธรรมชาติ : ในช่วงปลาย ๆ ปีแบบนี้ บรรยากาศ อากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป มืดเร็วขึ้น บางวันยามเช้าก็มีสายลมเย็นอ่อน ๆ พัดผ่านมาทักทาย ทางภาคเหนือของประเทศไทยเราในหลายพื้นที่โดยเฉพาะบนที่สูงก็เริ่มเข้าสู่โหมดฤดูหนาวกันแล้ว ธรรมชาติก็ยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนตามวงรอบของมัน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้คาดเคลื่อนรอบเปลี่ยนไปบ้าง
ภาพ  : อินเตอร์เน็ต
            ในหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนักของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เช่น ในนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา หิมะตกหนักเป็นประวัติการณ์ มีความหนาเกือบ 2 เมตร ผู้คนหลายชุมชนไม่สามารถสัญจรได้ และมีการคาดกันว่าถ้าฝนที่ตกหนักผสมกับหิมะละลาย จะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างใหญ่หลวง
            เหตุภูเขาไฟคีลาเว ในหมู่เกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา เกิดปะทุและพ่นลาวาร้อนระอุสีแดงฉานออกมา ผู้คนในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ธารลาวาความร้อนสูงกว่า 900 องศาเซลเซียส ได้ไหลลงมาทางหมู่บ้านทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้จะมีความพยายามขุดดินขึ้นมาถมสร้างเครื่องกีดขวาง แต่อาจต้านทานกระแสลาวาไม่ไหว
            ธรรมดา : ในไตรมาสสุดท้ายของปี หลาย ๆ ที่ หลาย ๆ บริษัทก็กำลังเร่งทำยอด เร่งปิดบัญชี ปิดงบ เพื่อให้ได้ผลกำไร แต่ก็เป็นเรื่องลำบากที่สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มซบเซาและอ่อนแอลงมาอย่างต่อเนื่องอย่างนี้ ใครไม่ขาดทุนก็ถือว่ายอดเยี่ยมในการค้าขายแล้ว แต่อย่างว่า เป็นธรรมดาของคนเราที่อยากจะได้กำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความธรรมดาแบบนี้เป็นที่มาของความโลภ และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาไว้ในครอบครอง
  ภาพ  : อินเตอร์เน็ต

            การจับคุมนายตำรวจระดับใหญ่และพรรคพวกในข้อหาหนักพร้อมทั้งยึดทรัพย์สินที่นำไปเก็บไปฝังใส่ตู้เซฟซ่อนไว้ได้มากมาย อันได้มาจากการหากำไรด้วยวิธีฉ้อฉลกลโกง โดยใช้ตำแหน่งและอำนาจ กอบโกยจนเกินงาม โลภจนเกินกิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บสะสมมิได้ขัดเกลาให้จิตใจเกิดธรรมะละความโลภลงได้เลย แล้วจะสะสมไว้เพื่อ... สุดท้าย ปลายชีวิตของนายตำรวจใหญ่ผู้กว้างขวางต้องเดินคอตกเข้าตะราง นี่หรือคือปลายทางของความสำเร็จรูปที่หมายปอง
            เป็นธรรมดาที่เรายังเห็นคนโลภถูกหลอกให้เสียตังค์ หลอกให้เสียเงินจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะได้จำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยวิธีหลากหลาย ข่าวแบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เมื่อวันก่อนก็จับแก๊งเงินดำ ที่เป็นชาวต่างชาติ ร่วมกันหลอกลวงนำธนบัตรดอลลาร์ สีดำเป็นจำนวนมาก เข้าเครื่องสแกน หรือล้างน้ำยาเคมีจนทำให้เงินธนบัตรนั้นนำไปใช้ได้ตามปกติ มีการทดลอง สาธิตให้ดู แต่ทำเป็นเกิดปัญหาเครื่องสแกนเสีย ต้องนำไปซ่อม เมื่อซ่อมเสร็จแล้วก็สามารถนำมาสแกนธนบัตรสีดำที่มีอยู่เป็นจำนวนมากให้เป็นเงินปกติ และเมื่อทำสำเร็จแล้วจะแบ่งเงินดังกล่าวให้ 2 เปอร์เซ็นต์ เหยื่อที่โลภหลงเชื่อก็เสียเงินกันเป็นแสน ๆ
            ธรรมะ : เพราะอะไรธรรมชาติจึงผิดเพี้ยน ความธรรมดาของผู้คนจึงผิดแผก เพราะหัวใจคนไร้ธรรมะนั่นเอง ในขณะที่ช่วงนี้เป็นเวลาแห่งการทบทวนหวนดูชีวิตช่วงปีที่ผ่านมา ก็อย่าลืมที่จะไตร่ตรองดูว่าความดีงามงอกเงยขึ้นมากสักเพียงใด หัวใจยึดในธรรมะเป็นหลักหนักแน่นขึ้นบ้างไหม ในขณะที่เรามองเห็นสังคมโดยรอบกำลังสาละวนกับการยึดโยงด้วยวัตถุปรุงแต่ง แล้วเราเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นบ้างไหม ชีวิตในรอบปีมีความสุขหรือความทุกข์มากกว่ากัน หากมีทุกข์มากกว่า นั่นแสดงว่าธรรมะนั้นมิได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
          
 
       ภาพ  : อินเตอร์เน็ต
  วิถีชีวิตในรอบปีที่กำลังจะถึงเส้นชัย หลายคนบ่นว่าเหนื่อยล้า อยู่ยาก ชีวิตลำบาก คงเป็นเพราะภาระบนไหล่บนบ่าที่เยอะเกินไป ลองวางลงบ้าง ภาระนี้มิได้หมายถึงสิ่งที่เป็นวัตถุภายนอกเท่านั้น ใจของเรานั่นแหละที่กลายเป็นภาระหนักเสียเอง ใจที่มุ่งหวังเกินไปก็เป็นความโลภ ใจที่ใฝ่ฝันว่าทำดีจะต้องมีคำชมก็เป็นความหลง ใจที่โหยหาแต่ผลประโยชน์จากความเสียสละก็เป็นความลวง สิ่งเหล่านี้บังเกิดขึ้นได้กับเราทุกขณะ ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยให้เรา เลิก ยึด โยง แล้ว ปล่อยวาง เดินหน้าต่อไปด้วยใจที่บางเบาเพื่อเป้าหมายอย่างสดใส มีความสุขกับการสิ้นสุดของปี

            ใช่หรือไม่ หากโลกไม่นำธรรมะกลับมา สังคมโลกก็จะพบกับความโหดร้ายทางธรรมชาติต่อไป หากเราไม่ทำจิตใจให้เป็นธรรมดา ความโลภก็ยังคงเกาะกุมชีวิตของเราต่อไป ให้ธรรมะพระธรรมคำสอนช่วยนำพาชีวิตเราก้าวเดินต่อไปเพื่อสร้างสุขอย่างถาวร เพราะวันเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตเรานั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่... 

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หัวใจผู้ปกครอง

หัวใจผู้ปกครอง
            สายลมเย็นๆ บางเบาในยามเช้าพัดผ่านใบหน้า ทำให้นึกขึ้นได้ว่านี่ก็ใกล้สิ้นปีอีกแล้ว เผลอแป๊บเดียวเรากำลังย่างเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ยิ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่วันเวลายิ่งรวดเร็ว วัน ๆ หนึ่งผ่านไปกับสายลมเพียงพริบตา แม้ว่าฤดูกาลจะผกผัน ลมหนาวจะมาช้าหรืออาจจะมาให้ลิ้มรสเพียงไม่กี่วัน แต่มันก็ยังส่งสัญญาณเตือนให้เราระลึกถึงวันเวลาที่มีค่าของชีวิต และซ่อนความตระหนักรู้เอาไว้ว่า วันเวลาของเรานั้นเหลืออีกไม่มากแล้ว มีสิ่งใดที่จะทำทิ้งไว้แทนตนบ้างหรือยัง หรือว่ายังมัวแต่ระเริงหลงใหลเสพสิ่งสร้างสุขในโลกนี้จนลืมไปว่า เรามิอาจจะครอบครองมันไว้ให้อยู่คู่เราตลอดไปได้
ภาพ :  อินเตอร์เน็ต
            ในโลกวันนี้เรามักพบเห็นว่าผู้คนต่างอยากจะเป็นผู้ปกครองผู้อื่นอยู่ร่ำไป โดยมิได้เรียนรู้ในอดีตที่ผ่านมาว่าผู้ปกครองนั้นควรมีหัวใจเยี่ยงไร แน่ล่ะ มีบ้างที่บางยุคบางสมัยมีผู้ปกครองที่หัวใจไร้ธรรม แล้วผลแห่งการปกครองนั้น ส่วนมากก็ต้องล่มสลายหายสูญสิ้นจนไม่มีใครหวนคิดถึง แต่ผู้ปกครองที่เราตราตรึง รำลึกถึงอยู่เสมอคือ ผู้ปกครองที่มีหัวใจเป็นธรรม ไม่โอ้อวด ไม่ยโส รักและดูแลทุกผู้คน เคารพความเป็นมนุษย์ของทุกผู้ทุกนาม ไม่มีใครต่ำเตี้ย ต่ำต้อยกว่ากัน หัวใจที่แท้จริงของผู้ปกครองที่ดีต้องมีเมตตาเป็นหลักชัย
            เศรษฐีทองคำใช้คุณธรรมและเงินทองของตนทำนุบำรุงหมู่บ้าน และดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้อยู่กินดีเสมอมา ชาวบ้านจึงเคารพรักใคร่ ท่านมีลูกสาวแสนสวยคนหนึ่ง ชื่อว่า ดอกแก้ว เมื่อถึงเวลาสมควรเศรษฐีทองคำจึงอยากจะเลือกเฟ้นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เศรษฐีทองคำจึงให้คนไปป่าวประกาศเพื่อรับสมัครคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งและแต่งงานกับลูกสาวตน
            เมื่อมีประกาศนี้ออกไป พวกผู้ชายที่รู้ข่าวต่างพากันตื่นเต้นดีใจ รวมทั้ง  “ขนุน” หนุ่มน้อยคนยากที่อาศัยอยู่ตรงกระต๊อบปลายนาด้วย
            เมื่อถึงวันเลือกคู่ ขนุนรีบไปที่บ้านของเศรษฐีทองคำแต่เช้า เมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าที่นั่นเต็มไปด้วยบุรุษมากหน้าหลายตา และทุกคนก็เหมือนจะเป็นบุรุษจากครอบครัวผู้มีฐานะดี มีการศึกษาสูง ยกเว้นขนุนที่ดูต่ำต้อย ไร้สกุลรุนชาติ และไม่มีการศึกษาที่สูงส่งอะไร
            เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เศรษฐีทองคำตั้งคำถามว่า  “ทุกท่านจงบอกถึงความสามารถของท่านให้เราได้รู้ว่า หากท่านเข้ามาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ท่านมีดีอันใดในตัวเอง ที่จะนำมาใช้ดูแลหมู่บ้านนี้ต่อจากข้า ขอจงบอกมาให้ข้ารู้”
            บางคนก็โอ้อวดว่าจะใช้เงิน บ้างก็ว่าจะใช้กำลัง ใช้ปัญญา การศึกษาชั้นสูง บ้างก็จะสร้างเมืองให้สวยงาม และมากมายที่ต่างล้วนแต่เป็นเรื่องภายนอกทั้งนั้น ต่างก็กล่าวอ้างถึงคุณสมบัติพิเศษในตัวเองให้เศรษฐีทองคำพิจารณาทีละคน ๆ จนกระทั่งมาถึงขนุนในลำดับสุดท้าย
       ขนุนกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ข้าน้อยขนุน เป็นเพียงคนต่ำต้อย แต่ข้าน้อยกล้ายืนยันว่าตัวข้าน้อยนั้นยึดมั่นความดีเป็นที่ตั้ง และข้าน้อยจะใช้ความดีอันเป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวข้าน้อยอยู่ตลอดเวลา มาดูแลความทุกข์ร้อนของชาวบ้านด้วยความเมตตาขอรับ
           
ภาพ :  อินเตอร์เน็ต
ในขณะนั้นเอง มีคนรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาบอกข่าวร้าย ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังเดือดร้อน เพราะท่อระบายน้ำเสียอุดตัน ส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วหมู่บ้าน และน้ำกำลังจะท่วม เศรษฐีถามผู้สมัครว่าใครจะช่วยชาวบ้านได้บ้าง ทุกคนต่างส่ายหน้าหนี เพราะไม่อยากให้เสื้อผ้าที่สวยงามและแสนแพงติดกลิ่นเหม็นเพราะน้ำเน่านั้น ยกเว้นเพียงขนุนที่มองดูแล้วว่าไม่มีใครสมัครแน่ ๆ จึงอาสาลงไปเพื่อไปเอาสิ่งเน่าเหม็นขวางท่อระบายน้ำออก แล้วเขาก็ทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว
            “ใช่แล้ว” เศรษฐีทองคำพูด “แม้เจ้าจะเป็นขนุนคนต่ำต้อย แต่การกระทำของเจ้าได้พิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วว่า แท้จริงเจ้านั้นสูงส่งยิ่งกว่าคนร่ำรวย นักรบ หรือแม้แต่ผู้มีการศึกษาดีแต่ไม่สามารถช่วยหมู่บ้านนี้ได้ยามมีภัยเดือดร้อน ดังนั้น เจ้าจึงเหมาะที่จะเป็นลูกเขยข้า และเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ สืบต่อไป”
            ชาวบ้านทุกคนก็พากันโห่ร้องแสดงความยินดีต้อนรับว่าที่หัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ เพราะซึ้งน้ำใจขนุนคนต่ำต้อย ผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่รังเกียจงานต่ำต้อย จนช่วยให้ชาวบ้านรอดพ้นความเดือดร้อนในครั้งนี้(คัดย่อจาก นิทานสีขาว ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)

            แล้วหัวใจเราเล่าเป็นเยี่ยงไรในฐานะที่เราล้วนเป็นผู้ปกครองคนอื่น ...

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใช้ซะ...เพื่อไปให้ถึง

ใช้ซะ...เพื่อไปให้ถึง
            ในความแตกต่างหลากหลายของเรา ต่างก็มีแง่งามด้วยกันทุกคน และหากเรานำสิ่งดีๆของเรามาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลาย่อมนำพาให้เราก้าวสู่สันติสุขในชีวิต ที่คนเราวันนี้ดูไม่ค่อยมีความสุขกันสักเท่าไหร่นั้น เพราะต่างคนต่างไปมองแต่คนอื่น อาจจะมองดูด้วยความอิจฉา อาจจะมองดูเพื่อลบรอยปมด้อย อาจจะมองดูเพื่อยกตนข่ม อาจจะมองดูเพื่อหาจังหวะเข้าทำลาย มีบ้างบางคนที่มองดูชื่นชมแล้วนำไปใช้ ไปปรับให้เข้ากับชีวิตตนเอง ได้อ่านเจอข้อคิดหนึ่งน่าสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เรามองคนอื่นแล้วอาจจะตีค่าของคนคนนั้นผิดไป
ภาพ : อินเตอร์เน็ต

                        อย่าคิดว่า..คนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้กลัวแสงแดด..
อย่าคิดว่า..คนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเป็นคนเกียจคร้าน
อย่าคิดว่า..คนที่หกล้มเป็นคนอ่อนแอ
อย่าคิดว่า..คนที่ชอบติเตียนวิจารณ์ผู้อื่นนั้นเก่งเหนือใครๆ
อย่าคิดว่า..คนที่กล่าวหาคนอื่นเป็นคนเลวนั้นจะเป็นคนดี
            มีอีกมากมายหลายอย่างมากนักในชีวิตเราที่เรามองเห็น ได้ยินได้ฟังไม่ได้เป็นอย่างที่เรารับรู้ เราเห็น เราได้ยินมา เพราะชีวิตมันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะมองใคร หรือสิ่งใดๆเพียงด้านเดียว Page* ร้อย8-พัน9
            หากเราลดเวลาในการมองดูคนอื่นด้วยสายตาแห่งอธรรม เอาเวลาที่เหลือมาสำรวจตรวจสอบ มาเพิ่มเติมสิ่งที่เราเป็นเรามีให้เกิดประโยชน์ พัฒนาวิถีชีวิตเรา มุ่งมั่นในพระพรที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ ชีวิตเราก็สามารถจะประสบความสำเร็จได้ และผลแห่งพระพรก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเหมือนดังเด็กชายคนนี้
            …กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง มีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ เด็กน้อยคนนี้มีความสามารถพิเศษในการพับกระดาษ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเด็กคนนี้จะมีฐานะยากจน แต่ตัวเขาก็หวังว่าสักวันหนึ่ง ความสามารถพิเศษของเขาจะช่วยให้พ่อแม่มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
            อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายองค์น้อยซึ่งเป็นโอรสของพระราชา ทรงอยากได้ของเล่นที่แปลกใหม่เป็นของขวัญวันเกิด ดังนั้นพระราชาจึงได้ป่าวประกาศให้ประชาชนนำของเล่นที่คิดว่าสุดวิเศษมาประกวดแข่งขันกัน ถ้าหากของเล่นของใครทำให้เจ้าชายถูกใจมากที่สุดจะได้รับรางวัลจากพระราชา
            และแล้ววันประกวดของเล่นก็มาถึง ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างก็นำของเล่นที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาให้เจ้าชายทรงตัดสิน เวลาผ่านไป เจ้าชายทรงทดลองเล่นของเล่นจนเกือบครบทุกชิ้น แต่เจ้าชายก็ยังไม่พอพระทัยในของเล่นชิ้นใด สายตาของทุกๆคนในงานต่างก็จับจ้องไปที่เจ้าของของเล่นชิ้นสุดท้าย ที่เด็กน้อยยืนกอดกระดาษแผ่นใหญ่แนบอกเอาไว้
           ผู้เข้าร่วมงานเกือบทุกคนพากันหัวเราะเยาะเด็กน้อย เมื่อทราบว่ากระดาษที่เด็กน้อยกอดอยู่นั้นก็คือของเล่นที่เด็กน้อยตั้งใจนำมาเข้าประกวดในครั้งนี้ แต่ทันทีที่เด็กน้อยลงมือพับกระดาษที่แสนธรรมดาก็กลายสภาพเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
            เด็กน้อยผู้นี้เริ่มแสดงฝีมือ ด้วยการพับกระดาษเป็นดอกไม้ จากนั้นเขาก็คลี่กระดาษออกแล้วเปลี่ยนดอกไม้ให้กลายเป็นผีเสื้อและเพียงชั่วพริบตาเด็กน้อยก็เปลี่ยนผีเสื้อให้กลายเป็นนก แล้วเขาก็จัดการดัดแปลงนกจนเกิดเป็นมังกรมีปีก ดูสง่างามได้อย่างน่าพิศวงยิ่งนัก เด็กน้อยพับกระดาษอย่างไม่ยอมหยุดพัก ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างพากันอ้าปากค้าง ตกตะลึงต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้า
            เจ้าชายทรงถูกใจของเล่นของเด็กน้อยมากที่สุด เจ้าชายทรงชอบที่กระดาษแผ่นเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามจินตนาการได้ไม่รู้จบ ในที่สุดพระราชาก็มอบรางวัลมูลค่ามหาศาลให้แก่เด็กน้อยตามที่พระองค์ได้สัญญาเอาไว้
ภาพ : อินเตอร์เน็ต


            เด็กน้อยนำรางวัลทั้งหมดมอบให้พ่อกับแม่ของเขา แต่โอกาสในการแสดงความสามารถของเด็กน้อยยังไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เพราะเจ้าชายยังคงขอให้เด็กน้อยมาเป็นผู้สอนการพับกระดาษแบบใหม่ๆให้แก่พระองค์อยู่เสมอ และเมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากบิดา พระองค์ไม่ลืมที่จะแต่งตั้งเพื่อนนักพับกระดาษของพระองค์ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ของเล่นเพื่อให้สุดยอดนักพับกระดาษผู้นี้มีโอกาสได้ใช้พรสวรรค์ของเขาบันดาลความสุข และสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดขึ้นแก่เด็กทุกคน เฉกเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้สัมผัสมาด้วยตัวของพระองค์เอง (นิทานอีสป)

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว

โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            ถ้าจะลองสังเกตกันดูสักหน่อย มีความเปลี่ยนแปลงหนึ่งในสังคมกำลังเกิดขึ้นและเพิ่มอัตราเร่งขึ้นในทุกๆ วัน นั่นคือ การแอบอ้างสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ใช้การกระทำส่วนตัวที่เห็นแก่ตัวในพื้นที่สาธารณะ โดยไม่แคร์ความรู้สึกและผิดชอบชั่วดีกันเลย และด้วยเพราะเทคโนโลยีที่ทุกคนมีกล้องประจำตัว (กล้องจากโทรศัพท์มือถือ) เป็นเครื่องสร้างภาพ เครื่องส่งข่าวส่วนบุคคล หลายคนเลยนำมาเป็นเครื่องมือที่จะเรียกร้องสิทธิส่วนตัว เพื่อที่จะใช้ข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งนำไปกระจายให้คนอื่นได้รู้ อ้างว่านี่เป็นสิทธิส่วนตัวที่ทำได้ หรือมีบางคนที่นั่งเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คในวัด แชทกันแชทมาโดยไม่สนใจว่าจะสร้างความวอกแวกให้กับคนอื่นที่ได้มาร่วมพิธีกรรมหรือไม่ ใครไปบอกไปเตือนก็จะโกรธจะเคืองหาเรื่องทะเลาะ เช่นเคยโดยอ้างว่านี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ในสังคมเมืองเรื่องแบบนี้เริ่มระบาดระบายออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านทางสื่อสมัยใหม่ที่ช่วยเป็นตัวเร่งกระแสแชร์ต่อๆกันไป
          
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
  แน่ล่ะหากว่าบุคคลใดที่ไม่ค่อยไม่เคยผ่านกระบวนที่จะเรียนรู้การกล่าวคำว่า ขอโทษย่อมต้องใช้ต่อมเห็นแก่ตัวทำงานทันที ไม่ยอมรับ ไม่ยอมใคร และพร้อมจะปกป้องตัวเองแบบสุดลิ้มทิ่มประตู แสดงอาการกร่าง โมโห ยกอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการมากดดันให้ฝ่ายที่ถูกต้องกลายเป็นผิด ทำทุกอย่างแสดงอาการกราดเกี้ยวเพื่อให้เกมพลิก และที่น่าตลกร้าย คำหนึ่งที่มักจะนำมาอ้างถึงเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งกลายเป็นคนโบราณตามไม่ทัน กลายเป็นพวกเก่าเก็บ คำนั้นก็คือ โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว โดยแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความก้าวหน้าก้าวไกลของโลก อะไรคือระบบระเบียบเพื่อให้คนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อะไรคือขนบธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ทุกที่ทุกชาติในโลกไม่จำเป็นต้องทำอะไรเหมือน ๆ กัน แต่ควรมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องเคารพและปฏิบัติเหมือนกันไม่เช่นนั้นสังคมโลกคงวุ่นวาย
            ในวันนี้ที่เกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้นมากมาย เพราะเราทำให้ใจที่ตระหนักรู้ จิตใต้สำนึก มโนธรรมล้มหายตายไปจากตัวเรา ไม่เคยฝึกฝนทำให้เข้มแข็ง และมักหลอกโกหกตัวเอง ฝืนต่อมโนสำนึกจนกลายเป็นความชินชา อีกประการหนึ่งคือ มองเรื่องเสรีภาพในมุมอับคับแคบ ตีความให้เข้ากับจริตตัวเอง แล้วก็อวดเก่ง อวดกร่าง สร้างภาพความเป็นฮีโร่ โลกที่ก้าวไกลต้องเป็นโลกที่อุดมไปด้วยคุณธรรมเพื่อสร้างเสรีภาพกับทุกผู้คน ก่อให้เกิดสันติสุขร่มเย็น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            ที่มาของปัญหานี้ที่สำคัญน่าจะเกิดมาจากระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบใหม่ ใช้การตลาดเสรี ที่ทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น มีการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตาย มีชีวิตติดเสพมากขึ้น เสพติดเทคโนโลยีมีเงินเดือนไม่กี่บาท แต่ตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ราคาแสนแพง เพียงเพื่อใช้แชทกับเพื่อน และใช้แอพลิเคชั่นไม่ถึง 5 ตัว เพียงเพื่อซื้อมาเล่นเกม เพียงเพื่อให้ดูโก้เก๋ล้ำสมัย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนมีความแปลกแยกกับชีวิตตัวเองและสังคมมากขึ้น สร้างโลกส่วนตัว อยู่กับตัวเอง ก้มหน้าก้มตาอยู่กับสิ่งเล็ก ๆ ในมือ  แล้วถือว่านี่คือโลกกว้าง ครั้นพอต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้คนจริง ๆ ก็มักแยกไม่ออก ยังคงยึดมั่นในโลกของตัวเองอยู่ร่ำไป ชีวิต ติดเสพของผู้คนถูกยุยงปลุกปั่นให้เสพติดทุกสิ่งทุกอย่างเกินความจำเป็น จากธุรกิจสื่อสารยุคใหม่
           
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ในวันนี้เราต่างถูกปลูกฝังให้ใช้ชีวิตเป็นดังตลาดการค้าเสรีที่จะทำอะไรก็ได้ จะขายค้า จะคดโกง จะอวดเก่งอวดเบ่ง จะนินทากล่าวร้าย ทำได้เพราะนี่คือ สิทธิส่วนบุคคล เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตของเราก็เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกโสโครก จิตใจเต็มไปด้วยความโลภ ความหลง ความเน่าเหม็น โดยไม่ยอมรับการชำระล้างเลยสักครา ทั้ง ๆ ที่ชีวิตของเราควรที่จะเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ ความสงบ การรู้จักกาลเทศะ การเคารพสิทธิผู้อื่น ความเกรงอกเกรงใจ การเคารพข้อปฏิบัติของส่วนรวมหายไปไหนกันหมด เราจะปล่อยให้ชีวิตของเราเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือ

            ดังนั้นแล้วกับคำถามที่อวดรู้ระคนเหยียดหยามที่ว่า โลกเขาไปถึงไหนกันแล้วมันจึงไม่ได้ไปไหนเลยเพราะผู้คนยังจมอยู่กับโลกของตัวเอง ยังไงโลกก็ยังคงอยู่และโลกจะเป็นเช่นไรนั้นก็อยู่ที่เราต้องร่วมกันสร้าง สร้างไปใน วิถีทางที่ถูกต้อง และมีปลายทางที่สันติสุขรอเราอยู่ โลกที่เราต้องเคารพและฟังกันและกันบ้าง เราไม่ได้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็แค่สิ่งเล็ก ๆ ที่เดินไปเดินมาบนโลกกว้าง โลกจะไปถึงไหน เรานั่นแหละที่จะช่วยกันให้โลกไปถึงนั่น อย่าใช้คำว่า  โลกมาทำให้ความ โลภความ หลงของเราเป็นเรื่องถูกต้องเลย ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งเราคงถูกแส้ไล่ตีให้ออกไปจากโลกอันงดงามแห่งนี้อย่างเจ็บปวด....