บางอย่างผ่านไป บางสิ่งกำลังเริ่มต้น
ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลจบลงไปแล้ว
ด้วยชัยชนะของทีมชาติเยอรมัน ในฐานะเป็นคนที่ชอบดูกีฬาฟุตบอลคนหนึ่ง ได้ติดตามการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้มาอย่างต่อเนื่อง
และหนึ่งในทีมโปรดที่เชียร์ ชื่นชมมาตลอดก็คือ ทีมจากชาติเยอรมันนี่แหละ เพราะประทับใจในการเล่นเป็นทีม
เป็นระบบ นักฟุตบอลทุกคนมีความมุ่งมั่นและช่วยกันเล่นตามแผนของผู้จัดการทีม โดยไม่แย่งกันดังแย่งกันเด่น
เหมือนกับหลายๆทีมที่มีนักกีฬาที่เก่ง ที่ดังเพียงคนสองคน และทุกๆคนมักฝากความหวังไว้กับคนเหล่านั้น
แต่แล้วก็ไปไม่รอด ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะกีฬาฟุตบอลนั้นต้องเล่นเป็นทีม
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ทำไมประเทศเยอรมันประสบผลสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้
ทีมเยอรมันมีวิธีการเตรียมความพร้อมที่แตกต่างจากชาติอื่นอย่างมาก เบื้องหลังความสำเร็จอย่างหนึ่งของทีมชาติเยอรมันในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือ
การเตรียมทีมมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเข้ามาในถิ่นบราซิลแทนที่จะเข้าพักในโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านจราจรคับคั่ง
ทีมอินทรีเหล็กโดยโค้ช โยอาคิม เลิฟ และผู้จัดการทีม โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์
( อดีต 2 ผู้เล่นทีมชาติ) เข้ามาสร้างแคมป์ที่จะกลายเป็นรีสอร์ตให้กับคนในท้องถิ่นหลังการแข่งขัน
แคมป์ดังกล่าวอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงซานโต้ อังเดร ซึ่งมีชาวบ้านอยู่ราว 900
คน มีชื่อว่า แคมป์บาเฮีย
ใช้สำหรับเก็บตัวนักเตะให้มีความพร้อมทั้งกายและใจสำหรับการแข่งขัน ด้วยการจัดสรรห้องพัก
อาหารการกิน ทำให้นักฟุตบอลมีร่างกายและจิตใจที่พร้อมจะลงแข่งขัน
|
และนอกจากชัยชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว
ปัจจุบันประเทศเยอรมันยังมีความแข็งแกร่งในทุกๆด้าน เพราะมีวิธีการสร้างคนในชาติให้มีวินัย
มีจิตอาสา รักส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว นำพามาซึ่งความสำเร็จในหลายๆด้าน ได้มีการวิจัยสรุปออกมาเป็นข้อๆ
ขอยกตัวอย่างบางข้อว่าประเทศเขาปลูกฝังกันอย่างไร
- ระดับหนี้สินต่อครัวเรือนของคนเยอรมันอยู่ในระดับต่ำมากที่สุดในยุโรป
ชาวบ้านทั่วไปนิยมใช้จ่ายด้วยเงินสดมากกว่าบัตรเครดิต
- คนเยอรมันใช้เวลาทำงานต่อสัปดาห์น้อยกว่าคนในชาติอื่นๆ
ทั่วโลก แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า
- การทำงานล่วงเวลาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม
เนื่องจากการให้เวลากับครอบครัวหลังเลิกงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
- เวลาแปดชั่วโมงต่อวัน
คนเยอรมันทำงานอย่างจริงจังในเวลางาน ไม่เสียเวลาไปกับการพูดคุยเรื่องอื่นๆ
ที่ไม่เกี่ยวกับงาน อีเมล์ส่วนตัว Facebook และโทรศัพท์มือถือ
…เป็นที่รู้กันว่าไม่ควรใช้ในชั่วโมงทำงาน
- ชีวิตในที่ทำงานที่นี่เขาจริงจังกันมาก
ไม่มีการพูดคุย นินทา ไม่อยากรู้อยากเห็นว่าใครเป็นแฟนใคร ใครเลิกกับใคร
ใครจะไปออกเดทกับใคร ไม่แม้แต่จะเล่าเรื่องละครทีวีที่ดูเมื่อคืน
เลิกงานแล้วจะไปไหน จะไปทานดินเนอร์กับใคร ก็ไม่มีการพูดคุยกัน
- การมาทำงานสายจะถูกมองว่าเป็นคนไม่รักษาสัญญา
จะมาสายสามนาทีหรือสามสิบนาที ก็ถือว่าเป็นคนไม่มีคุณภาพเพราะขาดความเคารพต่อตัวเองและองค์กร
- ในวันอาทิตย์
ร้านรวงทั่วไปตามแหล่งช้อปปิ้ง จะปิดเงียบ เพื่อให้ผู้คนส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับครอบครัว
เมื่อสถาบันครอบครัวแข็งแรงประเทศชาติก็จะแข็งแรง
- ในยามยากของเศรษฐกิจ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ใช้วิธีการไล่พนักงาน
ไม่นิยมการปลดคนงานออกแบบกระทันหัน เพื่อความอยู่รอดของบริษัท
- อาจจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปเสียแล้วที่บริษัทจะเป็นห่วงความอยู่รอดของพนักงานก่อน
เพื่อที่จะได้ช่วยกันประคองให้บริษัทอยู่รอด
- การใช้ชีวิตแบบพอเพียง
ประหยัด จริงจังในหน้าที่ มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง
รักครอบครัว รักพวกพ้อง รักชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปนิสัยขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ในเยอรมันได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
นี่เป็นการสร้างชาติที่เราได้เห็นจากประเทศที่มีชัยชนะในสนามแข่งขัน
แม้จะผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาสร้างวินัย สร้างค่านิยมที่ดีงามให้กับคนในชาติของเขานั้นจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน
|
ในขณะที่ประเทศเยอรมันกำลังฉลองชัยชนะท่ามกลางประชาชนเรือนแสนที่ออกมาต้อนรับทีมนักฟุตบอล
อีกฝากฝั่งหนึ่งก็กำลังเกิดสงครามยิงจรวดใส่กันเป็นร้อยๆพันๆลูก ทำร้ายทำลายกันให้ตายกันไปข้าง
ท่ามกลางความทุกข์ระทมของผู้คน โดยการนำเอาหลักความเชื่อ เผ่าพันธุ์ สัญชาติ มาเป็นเครื่องต่อรอง ยึดมั่นในศักดิ์ศรีโดยเข้าไปลบศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น ในนามสงคราม ณ
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วมีการนำเด็กและสตรี มาเป็นเหยื่อ ต่างฝ่ายต่างใช้สื่อสมัยใหม่
ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม สร้างข้อมูลเท็จ ใช้ข่าวลือ ข่าวลวงเพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้รับความเป็นธรรม และไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน ใครผิดใครถูก
หากสงครามครั้งนั้นได้ทำร้ายเด็ก ทำร้ายสตรี ฝ่ายนั้นย่อมต้องถูกประมาณทั้งนั้น
สงครามครั้งใหม่กำลังเริ่มต้น ท่ามกลางความทันสมัยของอาวุธ
แต่หัวจิตหัวใจคนไม่อาจจะลดความโหดร้ายลงได้
หลายคนยังไร้วินัยในการดำเนินชีวิต
เห็นข่าวเสพข่าวก็แสดงความหยาบกระด้างด้วยการด่าทอออกมาให้ผู้อื่นในโลกเสมือนจริงได้รู้ได้เห็น
ดูแล้วยิ่งเพิ่มความเกลียดชังกดทับให้กับโลกใบนี้ แน่ล่ะ เราไม่สามารถจะไปทำให้สงครามชนชาติยุติลงได้
การสวดภาวนาวอนขอจากเบื้องบนต่างหากที่จะช่วยชำระบรรเทาใจเราให้อ่อนโยนลงบ้าง
ให้จิตใจมีวินัยบ้าง เพื่อให้สังคมโลกอันร้อนระอุได้บรรเทาลง
เรามาเริ่มสันติสุขในใจเราก่อนนะครับ…..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น