วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

อาบแสงแห่งวันใหม่


อาบแสงแห่งวันใหม่
ในช่วงวันหยุดรอยต่อระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ ดูเหมือนว่าเวลาจะเอื้ออำนวยอย่างยิ่งในการทำหลายสิ่งหลายอย่าง ให้เป็นไปตามที่ได้คาดหวังเอาไว้ การได้กลับคืนสู่บรรยากาศครอบครัว ได้พูดคุย กินข้าว หยอกล้อเล่นหัวกันระหว่างพี่ๆน้องๆหลานๆ ที่เป็นเหมือนสายโยงยึดความรักและความอบอุ่นที่เรามีต่อกันเสมอมา นอกจากนั้นก็ยังมีเวลาแห่งมิตรภาพ ให้แก่เพื่อนๆร่วมชายคาวัดเซนต์หลุยส์ มีเวลาได้ร่วมหัวเราะมีเวลาได้ร่วมสวดโมทนาคุณพระเจ้าเพื่อต้อนรับวันใหม่ของปีใหม่ตามปฏิทินสากล ใช่หรือไม่ เวลาในปฏิทินอาจจะเป็นเรื่องกฎเกณฑ์เพื่อเป็นกรอบกำหนดหมายร่วมกัน เป็นเข็มทิศชี้ทางสากลให้ก้าวเดินไปอย่างมีระบบมีระเบียบ แต่...สำหรับมิตรภาพบางครั้งก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวันในปฏิทินที่มีวันครบบรรจบ มีวันหยุดที่ชัดเจน มิตรภาพที่แท้มีแต่ยั่งยืน มีแต่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นไป ไม่มีวันหยุดพัก...
และแม้ว่าค่ำคืนสู่วันใหม่ปีใหม่ที่ผ่านมานั้นจะสั้นนัก สำหรับการนอนหลับพักผ่อน แต่ร่างกายกลับถูกปลุกให้ตื่นมารอรับแสงแรกแห่งวันตั้งแต่เช้า ในบรรยากาศบ้านริมคลองที่แสนจะเป็นใจ ความสดชื่นที่ได้มายืนรับแสง อาบไออุ่นยามเช้า ทำให้จิตใจรู้สึกกระปี้กระเป่าอย่างบอกไม่ถูก จึงหยิบกระดานฉนวนดิจิตัล จรดจดบนทึกไว้เป็นความงดงามแห่งความทรงจำ
วันเวลาผ่านไปเร็วขึ้นเมื่อเรามีภารกิจแห่งวัยที่มากมาย การเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหาอย่างสุขุม การเรียนรู้ที่จะรู้จักข่มอารมณ์และการมีวินัยในชีวิตย่อมมีมากขึ้น มีเวลาเรียนรู้วิถีชีวิตของคนสมัยใหม่มากขึ้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง เวลาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน เวลาเป็นของประทานที่พระเจ้ามอบมาอย่างยุติธรรม เพียงแต่ว่า..เราๆคนที่ใช้เวลานั้นต่างหาก ที่จะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์???
ในทุกยามเช้าเราเห็นแสงสว่างที่ส่องผ่านมา และการที่ได้มานั่งรับลมเย็นๆแสงแดดอ่อนๆมันทำให้เรารำลึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา เป็นเหมือนกับการได้อาบน้ำชำระร่างกาย แต่นี่เป็นการชำระด้วยแสงแดดทำให้มีเวลาที่จะขอบคุณทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา มีเวลามานั่งรำพึงถึงห้วงปีที่ผ่านไป ความดีความงามเกิดขึ้นก็มากมี พอๆกับความไม่ได้เรื่อง ความพลาดพลั้งเผลอไปกับวันเวลาก็มากมาย ยามเมื่อแสงแดดมากระทบร่างกาย ทำให้ได้ตระหนักรู้ว่า เรายังมีลมหายใจอยู่ เรายังลืมตาได้และมีกำลังกายเพื่อสร้างกำลังใจในวันใหม่ต่อไป
ขอบคุณพระผู้สร้างวันเวลา ผู้สร้างฤดูกาล ผู้ที่ให้โอกาสเราในทุกยามเช้า ขอบคุณผู้คนที่ผ่านมา อาจเพียงพบพานและผ่านไป อาจจะต่อเติมเพิ่มมิตรภาพให้ยาวไกล ในความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน ย่อมมีบ้างที่กระทบกระทั่ง ฉันผิดเธอถูก เธอผิดฉันถูก ต่างก็ให้ผลเกื้อเอื้อต่อกัน ไม่มีผิดและจะรู้ว่าอะไรถูกต้องเล่า
ขอบคุณความรักและการทรยศหักหลัง การหลอกลวง เพื่อให้รู้โลกที่แท้จริงว่า ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ เราคิดว่าเรารักพอแล้ว แต่อีกคนก็เรียกร้องตามใจของตัวเอง นี่แหละคือสัจจะของมนุษย์เรา รักก็สุขเลิกราก็ทุกข์ หากผ่านพ้นไปได้โดยไม่ยึดติด ยึดมั่นถือครอง สนองความต้องการฝ่ายเดียว สันติย่อมมีในจิตใจและก็สามารถ รัก ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างสบายใจชื่นอารมณ์ไม่งมจมอยู่ในทุกข์ แต่ใครเล่าจะผ่านไปโดยมิต้องผ่านหนทางเยี่ยงนี้ได้...
ขอบคุณความทุกข์ลำเข็ญที่เป็นเหมือนพลังแฝงแรงผลักดันให้ก้าวผ่านไปอย่างมั่นคง ขอบคุณความสุขที่ทำให้หัวใจโป่งพอง และอิ่มเอม เพื่อสร้างชีวิตและสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ เพื่อให้รู้ว่าโลกนี้งดงามเพียงใด
ขอบคุณคำติฉินนินทาทั้งหลายทั้งปวงที่ผ่านมา ที่ทำให้รู้ว่าเรายังคงเป็นที่ห่วงใยและที่สนใจใส่ใจของผู้คน เรื่องราวของเรายังคงสร้างความบันเทิงปากให้อีกหลายคนได้ สิ่งที่เราเป็น เราทำ ได้สร้างสิ่งต่อยอด ด้วยการพูดต่อกันไป และมีบ้างบางครั้งที่เรื่องราวเรานั้นให้ฉุดกระชากความหยิ่งทะนงของเราให้ลดลง ให้มีความรู้สึกสำนึกต่อผู้คนอื่น
ขอบคุณความอวดรู้ อวดเก่งและการไม่น้อมยอมกันของเรา ที่ทำให้รู้ว่ายิ่งเป็นอย่างนี้ ผู้คนจะทยอยหนีหาย ความเดียวดายก็จะมาเป็นเพื่อนแท้แทนที่ ขอบคุณความอวดรู้อวดเก่งที่ผู้อื่นแสดงต่อเรา ทำให้เราเห็นภาพสะท้อนของเราได้ง่ายขึ้น ขอบคุณจริงๆ
วันแรกในรอบปี ดูเหมือนก็เป็นอีกเช้าวันหนึ่ง แต่วันนี้มีความต่าง ความต่างที่เราได้มานั่งไตร่ตรองย้อนมองชีวิต ยิ่งได้เห็นเด็กๆเล็กๆวิ่งเล่นด้วยกัน งอนกัน ทะเลาะกัน แล้วก็ดีกันรักกัน แล้วก็วิ่งเล่นกันอีก ไม่นานก็วนเวียนมาเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ ชีวิตเราก็เช่นนั้น ชีวิตเด็กชีวิตผู้ใหญ่แก่นแท้แล้วคือสิ่งใดเล่า ทะเลาะกัน ตีกันและรักกัน ใช่ความเป็นผู้ใหญ่นั้นอยู่ที่การกระทำแต่ละอย่างต้องมีเหตุและผล ต้องมีการตระหนักรู้ ต้องมีสำนึกแห่งตน ไม่ใช่ใช้เพียงอารมณ์พาไป เห็นคนอื่นไม่ให้ความสำคัญกับตนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเรียกร้องสิทธิ เห็นคนอื่นไม่เชื่อฟังตนก็เข้าขู่ข่มให้น้อมรับและพร้อมรบหากขัดขืน
จะมีประโยชน์อันใดเล่าที่เราอาบแสงชำระแล้ว ยังกลับไปคลุกฝุ่นแห่งความพลาดจำเจแบบเดิมๆ แต่ละวัน แต่ละปีผ่านไป มีสิ่งใดบ้างในหนทางจิตวิญญาณที่มีการพัฒนาขึ้น มีความช่วยเหลือใดบ้างที่ให้กับผู้คนรอบข้าง หรือมีแต่การกระทำที่สร้างรอยบาดแผลบาดเจ็บให้แก่ผู้อื่น หรือมีรอยยิ้มให้กับทุกทุกข์และก็ทุกคน แล้ววันใหม่ แสงแดดเดิม ๆจะช่วยให้ชีวิตแห่งการอภัยเกิดขึ้นปรากฏแสงในหัวใจเราบ้างไหม อภัยในความอ่อนแอของตัวเอง อภัยในความอ่อนด้อยของผู้อื่น ชีวิตนี้ดำเนินไม่ง่ายและไม่ยากสำหรับคนที่พร้อมที่จะพัฒนา เราพร้อมหรือยังที่จะก้าวไปในปีนี้อย่างผู้ที่ได้รับการชำระล้างแล้ว...

ไม่มีความคิดเห็น: