วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เริ่มต้นจากหนึ่ง


เริ่มต้นจากหนึ่ง
หากไม่มีก้าวแรกของชีวิต เราจะยืนและเดินต่อไปได้อย่างไร? หากไม่เริ่มต้นที่หนึ่งเราจะรู้ความหมายของสอง สาม สี่ และสรรพสิ่งรอบข้างได้อย่างไร? หากไม่มีเงินบาทแรก เงินเป็นร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน นั้นจะบังเกิดขึ้นได้อย่างไร? หากไม่มีวินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ความงดงามแห่งสิ่งสร้างจะหยั่งลึกลงในจิตใจเราได้หรือ????... ทุกขั้นตอนของชีวิตก่อกำเนิดจากศูนย์ ก็จะต้องเริ่มต้นที่หนึ่งเสมอ แต่แล้ว...เมื่อเราก้าวผ่านหนึ่งไปได้ เราก็ถอยห่าง หลงลืมจุดเริ่มต้นเสมอเช่นกัน จากความเป็นหนึ่งกลายเป็นแตกแยก กลายเป็นการแข่งขัน เราทำสิ่งนั้นเพื่ออะไร ก็เพื่อจะกลับมาเป็นที่หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่จุดเริ่มต้น จุดก่อเกิด แต่เป็นจุดมุ่งหมายเพื่อให้ตัวเองได้ครอบครอง ยึดครองถือไว้แต่เพียงผู้เดียว คนเราถอยห่างจากความหมายที่แท้จริงของความเป็นหนึ่ง ที่นับวันยิ่งไกลห่างถ่างออกไปทุกทีๆ
ใช่... เราเริ่มต้นจากหนึ่ง เพื่อไปสู่ความเป็นเอกภาพ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวอันเป็นสรณะประจำตัวของแต่ละคน ทำให้ระยะห่างของผู้คนมีมากขึ้น ยิ่งในยุคที่ทุกคนคิดว่าโลกนี้ไม่มีใครเก่งเกินตัวด้วยแล้ว ยิ่งอันตราย การยอมรับกัน ความนอบน้อม เคารพในความเห็นของคนอื่นเป็นสิ่งโบราณที่มองไม่เห็นคุณค่า ในยุคที่คนเสพข้อมูลกันได้มากมาย แบบไร้ขีดจำกัด แต่ก็แปลก ผู้คนมักแยกแยะและสังเคราะห์ วิเคราะห์ข้อมูลกันไม่เป็น เลือกรับและเลือกเสพในสิ่งที่ตัวเองเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา ดูเหมือนว่าเป็นการเปิดหูเปิดตารับข้อมูล แต่กลับปิดใจในการพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นด้วยเหตุผล และที่สำคัญหลายครั้งขาดความรักในการอ่านโลกใบนี้ มีแต่อคติต่อคน ต่อสิ่งรอบข้าง สังคมจึงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง อยู่ท่ามกลางสนามแข่งขัน ไร้เอกภาพ...
ใช่... เราเริ่มต้นจากหนึ่ง แต่แล้วเราก็วกกลับมาเพื่อครอบครองความเป็นหนึ่ง ด้วยว่าอยากเป็นคนสำคัญ ด้วยว่าอยากเป็นที่ยอมรับ ด้วยว่าอยากมีอำนาจและด้วยว่าอีกหลากหลายประการ... สังคมขาดคนที่รู้สึกตัว และคนที่รู้จักวางตัวให้เหมาะกับเวลา กับสถานที่มากขึ้น คนเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งไปเสียทุกเรื่อง การเป็นที่สอง ที่สาม หรือที่สี่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หารู้ไม่... ก็เป็นเพราะพวกที่เป็นรองนี่แหละเป็นแรงส่งให้คนที่หนึ่งดูสง่างาม และคนเป็นที่หนึ่งนั้น ยิ่งต้องรู้จักเคารพด้วยว่า หากไร้คนที่รองๆลงไปก็คงไม่มีที่หนึ่งให้ขึ้นมา นี่ต่างหากเป็นความกลมกลืน หล่อหลอมรวมความเป็นหนึ่ง
 ใช่... เราเริ่มต้นด้วยหนึ่ง ซึ่งอาจจะเริ่มต้นได้หลายครั้งหลายหนบนหนทางชีวิตที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และดูเหมือนว่า ชีวิตคือความไม่สมบูรณ์แบบ มิอาจเป็นดั่งใจได้เสมอไป มีขึ้นแล้วก็ลง มีงดงามแล้วก็มีแก่หง่อม หาความจิรังยั่งยืนไม่ได้ เป็นสัจธรรม ในความเป็นจริงแล้ว ชื่อเสียง เกียรติยศ และความมั่งคั่งนั้น เป็นเพียงมายา แต่จะมีสักกี่คนยอมรับความจริงในข้อนี้ได้ ใช่หรือไม่ แม้เราคิดว่าเราสูงส่ง เราเด่นล้ำกว่าผู้อื่นใดในโลกล้า ก็ต้องมีเวลาสักครั้งที่ต้องก้มหัว ย่อตัวเพื่อลดตัวให้ต่ำลง อย่างน้อยๆก็ก่อนนอนในทุกยามค่ำคืน โน้มตัวนอนแนบแนวกับผืนโลกเสมอเหมือนกัน แล้วเราจะเอาอะไรกันนักเล่ากับสิ่งที่เป็นเปลือกเคลือบฉาบภายนอก
ชีวิตที่เริ่มต้นจากหนึ่งนั้น ก็เพื่อนำพาเราไปสู่ ความงาม ความจริง และความดี อันเป็นเป้าหมายสูงสุด (แต่เรามักหลงลืมไป) ที่จะหล่อรวมให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง และหากนำมาเปรียบเทียบกับพระตรีเอกภาพแล้ว ใช่เลย... ความงาม คือ พระบิดา ความจริง คือ พระบุตรพระเยซูคริสตเจ้า และความดี ก็คือ องค์พระจิตเจ้า (ความเข้าใจของผู้เขียน) และนี่เป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงสร้างและส่งเรามา เพื่อให้โลกศักดิ์สิทธิ์ เราได้ทำสิ่งใดบ้างเล่าให้โลกนี้สมบูรณ์ขึ้น ที่พัฒนามาจากจุดเริ่มต้นของเรา  ในแต่ละวันเราได้สร้างและพบความงาม ความจริง ความดี มากน้อยเพียงใด หรือเพียงปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปในกระแสธารแห่งความเกลียดชัง และความขัดแย้ง
และจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดความงาม ความจริงและความดีได้นั้น คือ ความรักในความรัก ความรัก ที่เป็นสิ่งสมบูรณ์ในตัวมันเองมีความเป็นนิรันดร์อยู่แล้ว  และความรักที่จะนำพาสู่ความเป็นเอกภาพได้นั้นต้องเป็นความรัก ที่ไม่มีความต้องการเหลืออยู่ เป็นความรักที่ไม่มีที่ว่างไว้ให้ตัวกิเลส และเพราะเรานั้นสามารถมีความรักรวมทั้งให้ความรักเติมเต็มหัวใจเราได้ตลอดเวลา และเมื่อใดที่เรามีหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักแล้ว เราก็จะพร้อมที่จะให้หัวใจที่แท้และความรักแท้แด่ทุกๆคนรวมทั้งทุกสรรพสิ่งในโลก กวีหลายคนจึงเปรียบความรักที่แท้จริงนี้ดังเช่น แม่น้ำโอบอุ้มและดูแลหมู่ปลาทั้งหลาย ดินดูแลและปกป้องต้นไม้ และต้นไม้ดูแลให้ความเอ็นดูแก่เหล่าสิงสาราสัตว์รวมทั้งมนุษย์ด้วย นี่คือความเป็นหนึ่งของสรรพสิ่ง อย่าคิดว่าโลกเป็นของเรา แต่เราเป็นหนึ่งเดียวกับโลกต่างหาก...
เริ่มจากหนึ่ง เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับยุคปัจจุบัน แต่หากว่าเราไม่เริ่มต้นเสียเลย ปล่อยให้สภาพแวดล้อมดำเนินต่อไปอย่างนี้หรือ เริ่มต้นนับหนึ่งจากตัวเรา กลับคืนดีกับพระเจ้า รักในพระองค์ เชื่อมั่นในความดูแลของพระองค์ พยายามรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และเริ่มต้นที่จะทำให้ความงาม ความจริง และความดีในชีวิตประจำวันของเราบังเกิดขึ้นในทุกๆวัน จากนั้นก็ส่งผ่านสิ่งเหล่านี้ไปยังผู้คนรอบข้าง คนใกล้ตัว แล้วความเป็นหนึ่งเดียวจะบังเกิดขึ้น พร้อมกับสันติสุขจะอยู่คู่กับพวกเราตลอดไป... 

ไม่มีความคิดเห็น: