ปลูกหน่อคิดที่ดีงาม
วันนี้เราชาวเซนต์หลุยส์มีโอกาสอันดียิ่ง ที่ได้ต้อนรับคุณพ่อเจ้าอาวาสคนใหม่ คือ คุณพ่อเปโตร สุพจน์ ฤกษ์สุจริต คุณพ่อเกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1961 เป็นสัตบุรุษวัดนักบุญยวงบัปติสตา เจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา คุณพ่อศักดิ์ชัย (เจ้าอาวาสองค์เก่า) ย้ายไปทำงานที่อยุธยา วัดเราก็ได้คุณพ่อคนใหม่ชาวอยุธยามาอยู่ร่วมงานกับเราแทน นับว่าเป็นความสมดุลที่ลงตัว คุณพ่อได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1990 หลังจากนั้น ก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ปีต่อมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง จากนั้นก็ไปศึกษาต่อด้านวิชาสื่อมวลชนที่ประเทศฝรั่งเศส (เมืองลีออง) เมื่อกลับมาก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกสื่อมวลชนอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และในปี ค.ศ. 1995 จนถึงก่อนการประกาศโยกย้าย คุณพ่อยังได้เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์อัสสัมชัญอีกด้วย คุณพ่อจะเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 14 ของวัดเซนต์หลุยส์ของเรา เชิญชาวเราโมทนาคุณพระเจ้า สำหรับผู้นำจิตวิญญาณคนใหม่ของเรา….
อากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ต้นไม้หน้าบ้านที่พยายามเลี้ยงไว้เริ่มเหี่ยวแห้ง บางต้นเริ่มส่ออาการที่จะ “เอาไม่อยู่” ซะแล้ว พยายามหาทางรักษาพักฟื้นอย่างเต็มที่ ก็รู้ทั้งรู้อยู่ว่า ต้นไม้ที่กำลังโรยร่วงไปนั้นมันไม่ชอบแสงแดด แต่จะทำอย่างไงได้หล่ะ เพราะวันนี้ ทุกหลืบทุกซอกทุกมุม ต่างถูกรุกรานด้วยแสงแดดอันแรงเหลือ...
เมื่อเห็นความร้อนระอุเช่นนี้แล้ว คงจะพอประมาณได้ว่าประเทศเราคงประสบกับความแห้งแล้งเป็นแน่แท้...ถึงแม้เราจะแห้งแล้งทางกายภาพ แต่ถ้าจิตใจคนเราไม่แห้งแล้ง เราก็สามารถดำเนินชีวิตไปด้วยกันอย่างผาสุก เป็นต้นองุ่นที่ได้ผลบนผืนดินที่แห้งแล้งนั้นได้อย่างงดงาม (ไม่รู้ว่าเป็นภาพฝันอันเลือนรางหรือเปล่า) สิ่งที่จะช่วยเราให้ไปด้วยกันเช่นนั้นได้ คงต้องเริ่มต้นจากเราแต่ละคนก่อน ต้องเป็นผู้ที่มีความคิดที่ดีงาม มีทัศนคติที่ดีต่อทุกสรรพสิ่ง มีน้ำจิตน้ำใจต่อกันให้มากๆ เราถึงจะก้าวไปสู่ยังจุดนั้นร่วมกันได้ ดังตัวอย่างที่ขอยกมาเพื่อเป็นบทสอนสำหรับเราทุกคน..
เป็นเรื่องราวของชาวธิเบต ที่กำลังเดินทางผ่านภูเขาไปด้วยกัน และแล้วก็มีหินก้อนใหญ่ ตกลงมาจากไหล่เขา กำลังจะไปทับคนเดินทาง ในจำนวนนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แสดงความกล้าหาญโดยเข้าไปกันคนเดินทางที่อยู่ข้างหน้าสุดให้พ้นจากอันตราย แต่การณ์กลับปรากฏว่า ตัวเขาได้รับบาดเจ็บเสียเอง เป็นแผลลึกยาวจากคมบาดของก้อนหิน เลือดไหลออกมามากอาการสาหัส
ในตอนแรกมีผู้คนได้ช่วยกันเตรียมพยาบาล ด้วยการห้ามเลือดให้เด็กหนุ่มคนนี้แต่ก็ถูกชายชาวธิเบตคนหนึ่งห้ามไว้ เพราะเขาอาสาที่จะเป็นผู้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มคนนี้ให้เอง ชายคนนี้แค่ใช้มือโบกไปมาเหนือแผลไม่กี่ครั้งเท่านั้นเลือดก็หยุดไหลออกจากบาดแผลทันที รวมทั้งอาการปวดแผลด้วย ชายคนนี้ซึ่งดูท่าทางอ่อนโยนได้บอกกับเด็กหนุ่มว่า
“ถ้าเธอรักษา ความคิดที่ดีงาม เอาไว้ได้ ซึ่งฉันเชื่อว่าคนที่มีจิตใจงดงามอย่างเธอต้องทำได้ ฉันรับรองว่าแผลของเธอจะต้องหายภายในสองสามวันอย่างแน่นอน”
“เธอไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก เธอควรจะขอบคุณตัวเองน่าจะเหมาะกว่า เพราะ ความรัก เป็นสิ่งที่ได้ช่วยเธอต่างหาก เธอให้ความรักแก่คนอื่น ดังนั้น ความรักจึงช่วยเธอ ฉันหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตหลังจากนี้ของเธอ อย่างที่ไม่ทำให้ฉันต้องผิดหวังและเสียใจที่ได้ช่วยเธอในวันนี้นะพ่อหนุ่ม”... แล้วเขาก็จากไป (ส่วนหนึ่งจากหนังสือ ยอดคนอริยะ : ดร.สุวินัย ภรณวลัย)
ใช่หรือไม่ บางครั้งหลายคนเกิดแผลที่ลึกและยาวจากที่ไปช่วยเหลือคนอื่น ที่ได้แสดงน้ำใจต่อคนอื่น แต่ผลที่ได้รับตอบ คือ ความเจ็บปวด มีไม่น้อยจึงทดท้อที่จะสร้างความดี เพราะไม่ต้องการความเจ็บปวด แต่ถ้าหากว่าเราใช้ความคิดที่ดีงาม ใช้ทัศนคติที่สวยงาม มองมุมงามของเรื่องราว ให้ความรัก ความเมตตา การอภัย โดยมิหวังว่าจะได้รับผลดีหรือผลร้ายตอบแทน สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นยา เป็นโอสถ ที่จะรักษาความเจ็บปวดของเราให้หายได้โดยเร็ววัน อาจจะต้องใช้เวลาอาศัยความหนักแน่นมั่นคงทางจิตวิญญาณ
แน่ล่ะ..ในโลกแห่งความเป็นจริงของปัจจุบัน มันไม่เอื้อที่จะทำให้ก่อเกิดหน่อแห่งความคิดที่ดีงามสักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนมาก ต่างก็มีแต่ความเห็นแก่ตัวเป็นสรณะ เอาความสบายฝ่ายเดียวเข้าแลก น้ำใจแห้งแล้งยิ่งเสียกว่าอากาศยามนี้ ใช่...ถึงแม้ว่าสภาวการณ์ของยุคสมัยเป็นเช่นนั้นอย่างมิอาจจะปฏิเสธ แล้วเราชุมชนชาวคริสต์ศิษย์พระเยซูเจ้าจะไม่เริ่มต้นนำหน่ออ่อนแห่งความรักปักลง เพื่อไปช่วยรักษาโลกนี้หรือ เราอาจจะเริ่มต้นด้วยน้ำจิตน้ำใจเล็กๆน้อยๆ เช่น รู้จักแบ่งปันที่จอดรถให้กัน ช่วยกันโบกช่วยกันจัดจอดให้เป็นระเบียบ ไม่เบียดไม่จอดขวางทางใคร และหรือถ้าจำเป็นก็ควรใส่ใจที่จะออกมาเลื่อนโดยเร็ว หลังจากการอวยพรของพระสงฆ์ในพิธีมิสซา สำหรับคนที่ถูกขวางก็ต้องมีใจกว้างที่จะรอ ซึ่งอาจจะเสียเวลาไปบ้าง ก็ถือว่าเป็นการสละน้ำใจให้พระในวันอาทิตย์ก็แล้วกัน ถ้าต่างคนต่างมีความคิดที่ดีที่งดงามเล็กๆน้อยๆเช่นนี้แล้ว เราก็จะเป็นต้นองุ่นที่หากิ่งก้านที่เน่าเสียไม่เจอ รอดจากการถูกตัดถูกเด็ดทิ้งเสีย เราจะกลายเป็นความร่มเย็นให้กับผู้คนที่ร้อนรุ่ม เราจะมีความอบอุ่นให้กับผู้คนที่หนาวเหน็บ ในวันที่หน่อคิดงอกงามเจริญเติบโตขึ้น แล้วคนทั้งหลายจะรู้ว่า ความรัก สามารถรักษาได้ทุกอย่าง…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น