บนความชื่นชมยินดี ป้ายหน้าคืออะไร
ไม่มากก็น้อยในชีวิตของคนเราต้องมีวาระที่ถูกคนอื่นมายกย่อง สรรเสริญและชื่นชมยินดี บางคนอาจจะได้รับโล่ ได้รับถ้วย ได้ใบประกาศว่าเป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวม หรืออื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการมอบสิ่งเหล่านี้ให้เห็นกันแทบจะในทุกเทศกาล เป็นเหมือนดังพิธีกรรมที่ต้องถูกจัดขึ้นควบคู่กับงานประจำปีอะไรประมาณนั้น แต่เนื้อหาและการเฟ้นหาจริงๆมักถูกมองข้ามผ่านไปอย่างน่าเสียดาย แน่นอน...สำหรับคนที่ได้รับ หากรู้สำนึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้นมีค่า นั่นก็เป็นตราประทับให้ดำรงคงอยู่ในความดีงามสืบต่อไปได้อย่างมิเขินอาย แต่กับคนที่ก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่สร้างสรรค์ปั้นแต่งมาเพียงเพื่อให้ดูดี ชีวิตก็คงมีแค่เปลือกและการหลอกลวง เป็นความดีที่ไม่งาม เป็นความทรามแห่งสังคมต่อไปเลยก็ว่าได้
เคยสังเกตไหมเวลาที่มีคนมาปลื้มเรา มาชื่นชมเรา มายกย่องเรา เราจะรู้สึกว่ามีความสุขมาก เป็นคนมีค่า หน้าตาจะอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ มีราศีจับ ไปไหนมาไหนดูมีสง่า และเมื่อถูกยกย่องจนเกินจริง เราก็อาจจะหลงไปคิดเป็นจริงอย่างคำเหล่านั้น ตรงนี้แหละที่เผลอไป หลงไป โดยหารู้ตัวไม่ว่า พฤติกรรมเหล่านั้นไปสร้างความหมั่นไส้ ไปสร้างความไม่พอใจไปขวางหูขวางตาให้กับคนคุ้นเคยกัน จนกระทั่งในเวลาต่อมาคนกลุ่มนี้ก็ใส่ความ นินทา ด่าว่าลับหลัง แอบทรยศเล่าความเท็จให้ผู้อื่นฟัง เมื่อเรารู้เข้าก็ย่อมรู้สึกเจ็บปวดและรวดร้าวมากกว่าการที่ถูกใครก็ไม่รู้ ที่ไม่เคยรู้จักมาต่อว่าใส่หน้าเสียอีก เป็นอาการที่เสียความรู้สึก เสียดายความสัมพันธ์ เสียดายความหวังดีที่เคยมีให้กัน
ความเจ็บปวดจากการที่ถูกคนคุ้นชิน คนที่ไว้วางใจ ปฏิเสธ ทรยศ หักหลัง ก็เป็นความเจ็บปวดและเป็นมหาทรมานในชีวิตเช่นกัน... ใช่หรือไม่ ในความสัมพันธ์ระหว่างทาง เราก็คุ้นเคยเจอะเจอกับสิ่งเหล่านี้กันมาบ้าง บางความสัมพันธ์ที่เราคิดว่าเต็มล้นไปด้วยความจริงใจ แม้ว่าจะมีบ้างบางเวลาที่มีความระแวงสงสัย มีบ้างบางอย่างเป็นสิ่งบอกเหตุว่าความจริงใจที่มอบให้ไปนั้นอาจจะถูกหักหลังในอีกไม่ช้าไม่นาน แต่ด้วยคิดในแง่ดีที่ว่า เอาความดีเข้าข่มเอาความจริงใจเข้าสู้ เพื่อกอบกู้ความมั่นคงแห่งศรัทธาคืนมา แต่ไม่นานความจริงเริ่มปรากฏ แม้จะหนักแน่นและมั่นคงเพียงใดใจก็สั่นคลอนก็ไหว ต้องมีอันจากลากันไป จากไว้วางใจกลายเป็นแสลงใจ จากเคยห่วงใยก็กลายเป็นห่างไกล ความเจ็บปวดชนิดนี้มีให้เห็น แต่ไหนเลยจะสู้กับความเจ็บปวดของคนที่รู้ทั้งรู้ว่าบนหนทางที่มีผู้คนชื่นชมยินดีสองข้างทางที่ผ่านมานั้น บนหนทางที่ผู้ใกล้ชิดที่เลือกสรรมากับมือนี้แหละ กำลังจะทรยศและทอดทิ้งไป จำต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ภารกิจหลักภารกิจแห่งรักและการอภัยที่ยิ่งใหญ่จะสำเร็จลงได้ ก็โดยอาศัยหนทางนี้ จะเจ็บปวดสักเพียงใด เมื่อต้องกินและดื่ม ต้องสบตากันอยู่ทุกวี่วัน กับคนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่นานจะต้องเป็นผู้ไปแจ้งความเท็จให้มาจับ จนกระทั่งนำไปสู่การได้รับทนทุกข์ทรมาน บนหนทางที่ปวงชนกำลังโห่ร้องตะโกนยกย่อง ไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นเสียงแห่งความเกียจชังและสาปแช่ง นี่แหละ...มหาของมหาทรมาน ที่แสนจะระทมใจ และเป็นการฆาตกรรมทางด้านจิตใจ...
ในยุคสมัยนี้ที่ทุกคนต่างล้วนมีเหตุผลของตัวเอง ล้วนมีพื้นที่ที่ยึดครองจับจอง มีความเห็นแก่ตัวที่มักชอบร้องตะโกนขอแต่ความช่วยเหลือจากผู้อื่น โลกที่พร้อมจะทรยศหักหลังเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ยอมแลกแม้กระทั่งเรือนร่างหากได้สิ่งที่หมายปอง โลกที่มีแต่การหลอกลวง จะคบใครได้มากน้อยแค่ไหน มันก็คงเป็นโลกในด้านร้าย โลกที่ดีที่สวยงามย่อมสร้างได้ด้วยมือเรา หากเราจริงใจกับโลกสักวันโลกก็จะจริงใจกับเรา หากเราชื่นชมความงามของโลก ความงามก็บังเกิดขึ้นในใจเรา สิ่งที่ต้องมีประจำจิตใจเราเสมอนั้นคือ มีใครชื่นชม ก็อย่าได้หลงไป แต่กลับต้องมานั่งทบทวนว่า “เราได้ทำดีอย่างที่เขาชื่นชม เขายกย่องให้ได้มากกว่านี้ได้ไหม” และในทางกลับกัน เราก็ต้องรู้จักชื่นชม ยกย่อง สรรเสริญผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ ตัดเรื่องผลต่างตอบแทนออกเสียบ้าง...
บนหนทางแห่งความชื่นชมยินดี ป้ายหน้าเป็นอะไรเราไม่รู้ แต่เราก็ควรจะต้องรู้ไว้ว่า มันมิใช่จะเป็นหนทางแห่งความราบเรียบและสวยงามตลอดไป ใจที่พร้อมจะยอมน้อมรับ ใจที่เปี่ยมด้วยรักเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องนำพาให้เราก้าวข้ามผ่านทุกเรื่องราวได้อย่างมีอิสระและไม่ไปหมกมุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะชื่นชมยินดีหรือทุกข์ระทม ล้วนแล้วแต่ เมื่อมีมาย่อมพัดผ่านไปได้ หากใจมั่นคงก็ไม่ต้องหวั่นกลัวกับการถูกหลอกลวงและทรยศหักหลัง หากใจเข้มแข็งย่อมไม่หวั่นว่าป้ายหน้าคืออะไรพร้อมที่เข้าไปหา
และทำอย่างไร? ...เราจะมีใจเยี่ยงนั้น มีใจอย่างพระเยซูเจ้าที่ประทับบนหลังลา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดี แต่ในใจพระองค์ล่วงรู้แล้วว่าอีกไม่นานคนเหล่านี้จะสั่งให้ตรึงกางเขนพระองค์ ใจที่พร้อมจะให้อภัยแม้เราจะเจ็บปวดเพียงใด ด้วยความเข้าใจและเห็นใจว่าทุกคนที่หักหลัง ที่ทรยศพระองค์ว่า เขาคงมีเหตุปัจจัยให้ต้องทำเช่นนั้น โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรลงไป ... ใช่ บนหนทางที่เรากำลังเดินอยู่ เป็นช่วงจังหวะเวลาที่จะฝึกฝนและเรียนรู้แนวทางที่จะเข้าสู่ป้ายอย่างผู้เข้มแข็ง เมื่อถึงวันนั้นเราอาจจะขอบคุณผู้ชื่นชม และขอบคุณผู้ที่สร้างความเจ็บปวดให้เรา และขอโทษหากว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนที่ก่อให้เกิดความทุกข์สาหัสในหนทางชีวิตของใครบางคนเข้าอย่างมิได้ตั้งใจ... การข้ามผ่านความทุกข์ที่คนอื่นกระทำต่อเรานั้น ไม่ยากเท่ากับการข้ามผ่านความทุกข์ที่เราสร้างทำต่อตัวเองและผู้อื่น เราจะก้าวข้ามได้ไหมเพื่อสู่ป้ายหน้า ป้ายนั้น คือความสุขอันเป็นนิรันดร์....
http://astore.amazon.com/konkhangwat04-20