วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จะฉลาดแบบไหน

จะฉลาดแบบไหน
​ มีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองไอดาโออย่างเดียวดาย เขาต้องการที่จะพรวนดินเพื่อทำสวนมันฝรั่ง แต่มันเป็นงานที่หนักมาก ลูกชายคนเดียวที่เคยช่วย ก็ต้องโทษติดคุก ชายชราจึงเขียนจดหมายถึงลูก อธิบายถึงสถานการณ์ว่า “ลูกรัก พ่อรู้สึกแย่มาก... เพราะดูเหมือนว่าพ่อจะปลูกมันฝรั่งไม่ได้ในปีนี้ พ่อแก่เกินไปที่จะขุดไถแปลงสวน ถ้าลูกยังอยู่ คงจะไม่มีปัญหา พ่อรู้ว่าลูกคงจะขุดพรวนแปลงสวนให้ได้เสร็จเรียบร้อย” รัก/จากพ่อ
หลังจากนั้น 2-3 วัน ชายชราได้รับจดหมายจากลูกชาย โดยมีใจความว่า “พ่อครับ เพื่อเห็นแก่พระเจ้า พ่ออย่าได้ขุดพรวนแปลงสวนฯฯนะครับ ผมฝังศพไว้ที่นั่นหลายศพ!!” รัก/จากลูก
ตี 4 เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ เอฟบีไอ และตำรวจท้องที่แห่กันมาขุดค้นไปทั่วทั้งสวน แต่ไม่พบศพเลย เจ้าหน้าที่ขอโทษชายชราและจากไป วันเดียวกัน ชายชราได้รับจดหมายอีกฉบับจากลูกชายมีใจความว่า “พ่อครับ ตอนนี้พ่อก็คงสามารถปลูกมันฝรั่งได้แล้ว สิ่งที่ผมทำให้พ่อได้คงมีแค่นี้แหละครับ” รัก/ จากลูก…..
​อ่านแล้วก็ขำๆดีครับ แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้น ลูกชายคนนั้นเป็นคนฉลาดไหม ใช่เป็นคนฉลาด แต่อาจจะแกมโกงไปสักหน่อย แล้วเราล่ะในชีวิตหนึ่งที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝน ผ่านทุกข์ประสบสุขมา เราเคยสำรวจบ้างไหมว่าในทุกสิ่งที่ทำ ทุกสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ เราทำด้วยความฉลาด และฉลาดแบบไหน ถึงขั้นที่เต็มไปด้วยปรีชาญาณหรือยัง​เรามาลองสำรวจกันว่าระดับความฉลาดของเราอยู่ระดับไหน...
คนฉลาดน้อย…มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย ทำอะไรก็มักวนกลับมาที่เดิม ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไป สู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง
คนฉลาด…มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ จึงไม่พึงพอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ
คนที่มีปรีชาญาณ…ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่ จึงมีบันไดความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง
​คนฉลาดน้อย…ทำก่อนแล้วถึงคิด ผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ ต้องเสียเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
คนฉลาด…คิดมากก่อนแล้วถึงทำอยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย เพราะความคิดมักปิดกั้นความหาญกล้า
คนที่มีปรีชาญาณ…คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิดและคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอน ป้องกันความผิดพลาดขื่นขม และประสบความสำเร็จได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
​คนฉลาดน้อย…ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิตให้ตกต่ำ กลายเป็นทาสของสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีๆจะไม่เข้าใจ
คนฉลาด…ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งดีโดยมาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถานการณ์ ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคือง
คนที่มีปรีชาญาณ…ละเว้นทำชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ยึดติดความดี จึงพบความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่า ทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกสถานการณ์
​คนฉลาดน้อย…ชอบคิดว่าตนฉลาด จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น
คนฉลาด…ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนที่มีปรีชาญาณ…ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนๆกันอยู่และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆหายโง่ และเลิกฉลาดเป็นลำดับ ฝึกฝนเป็นประจำ
​คนฉลาดน้อย…ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมาง..แทนความรู้
คนฉลาด…ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพ มากกว่าความแตกแยก
คนที่มีปรีชาญาณ…ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม
คนฉลาดน้อย…ชอบอวดตัว จึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และความเจ็บปวดเป็นรางวัล
คนฉลาด…ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือเป็นรางวัล
คนที่มีปรีชาญาณ…ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตนและไม่ถ่อมตัว แต่บริหารสัมพันธภาพได้เสมอ วางตนและแสดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพและความเชื่อถือเป็นรางวัล
คนฉลาดน้อย…รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบสักครั้ง
คนฉลาด…เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก
คนที่มีปรีชาญาณ…ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างเป็นย่อมสำเร็จแน่ๆ และเหนื่อยน้อยกว่า
แล้วเราฉลาดแบบไหน วอนขอจากพระเจ้าในวันนี้ ขอให้เราเต็มไปด้วยปรีชาญาณในการดำเนินชีวิต …

ไม่มีความคิดเห็น: